รายงาน(formula)
ได้หมดถ้าสดชื่น ! 5 รถยอดนิยมรับศักราชใหม่
ยอดขายรถยนต์ราคาใกล้ล้านบาท หรือล้านบาทเศษ เติบโตสวนกระแสตลาดขาลงอย่างผิดหูผิดตา เป็นเหตุให้ผู้ผลิตรถยนต์หลายค่ายมองเห็นสัญญาณที่ดี ที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และอัพเกรดรุ่นเดิม "ฟอร์มูลา" ขอแนะนำ 5 รถรุ่นใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยเรียงลำดับจากรถที่เปิดตัวล่าสุด ติดตามจากรายงาน
เมเซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ ยานยนต์หรู ประกอบในประเทศ
เมเซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ เจเนอเรชันที่ 10 นั้น ความจริงในบ้านเรานั้นเปิดตัวไปแล้วตั้งแต่ มีนาคม 2559 แต่รุ่นที่แนะนำนี้เป็นรุ่นที่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด นำมาประกอบที่โรงงานงานในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งแน่นอนว่า จะมีราคาขายที่ถูกลง อี-คลาสส์ ใหม่ จัดอยู่ในกลุ่มคอนเทมโพรารี ลักชัวรี ขนาดตัวถัง และฐานล้อยาวและกว้างขึ้นกว่ารุ่นที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด ฝากระโปรงหน้ายาวขึ้น ตัดกับกระจังหน้าดีไซจ์นใหม่เป็นเอกลักษณ์ ระบบไฟหน้า MULTIBEAM LED แบบความละเอียดสูงที่ทำงานด้วยระบบดิจิทอลทั้งหมด รวมถึง ACTIVE LIGHT ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าครั้งแรกของโลก เส้นสายส่วนหลังคาสไตล์รถคูเป รูปลักษณ์ด้านท้ายได้รับการออกแบบให้ซุ้มล้อหลังดูกว้างกว่าซุ้มล้อหน้า พร้อมติดตั้งโคมไฟท้าย LED แบบชิ้นเดียว จึงดูสง่า และงดงาม อย่างที่บอกว่าตัวรถมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจน จึงมีความยาว 4,923 มม. ความกว้าง 1,852 มม. และความสูง 1,468 มม. ล้ออัลลอย 10 ก้าน ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 245/45R18 ในรุ่น อี 220 ดี เอกซ์คลูซีฟ และ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว ยางล้อหน้าขนาด 245/40 R19 และล้อหลังขนาด 275/35 R19 ในรุ่น อี 220 ดี เอเอมจี ไดนามิค ภายในติดตั้งชุดจอหน้าความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอในรุ่น อี 220 ดี เอเอมจี ไดนามิค ซึ่งเป็นครั้งแรกของเซกเมนท์นี้ ที่มีการติดตั้งจอดังกล่าว นอกจากนี้ ยังเพิ่มสุนทรียภาพในการโดยสารด้วยระบบไฟ สร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี ใต้ฝากระโปรง คือ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ภายใต้รหัส OM 654 ขนาด 2.0 ลิตร 194 แรงม้า ที่ 3,800 รตน. ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC ทำให้อัตราเร่งของเครื่องดีเซลบลอคใหม่นี้ จาก 0-100 กิโลเมตร ทำได้ 7.3 วินาที อัตราสิ้นเปลืองทำได้ 25.6 กิโลเมตร/ลิตร และด้านการปล่อยค่า CO2 ทำได้ 102 กรัม/กิโลเมตร เมเซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น อี 220 ดี อวองต์การ์ด ราคา 3,390,000 บาท, รุ่น อี 220 ดี เอกซ์คลูซีฟ ราคา 3,690,000 บาท และรุ่น อี 220 ดี เอเอมจี ไดนามิค ราคา 3,990,000 บาทมาซดา 3 ดีขึ้นทุกส่วน ลงตัวทุกจุด
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ มาซดา 3 ต้องปรับโฉมกันเสียที หลังจากที่เราแอบเห็นลุคใหม่ในสื่อต่างๆ ทั้งในญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และอเมริกากันไปแล้ว มาซดา 3 ใหม่ ออกแบบตามแนวคิด โคโดะ ดีไซจ์น โดดเด่นด้วยไฟหน้าแอลอีดี พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบแอลอีดี ดีไซจ์นใหม่ รับกับกระจังหน้าทรงซิกเนเจอร์ วิง พร้อมกรอบกระจังหน้าโครเมียมที่หนาขึ้น กันชนหน้าดีไซจ์นใหม่ ส่วนด้านท้ายได้ดีไซจ์นใหม่ให้เข้ากับกันชนในรุ่น 5 ประตู ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 215/45 R18 และขอบ 16 นิ้ว พร้อมยาง 205/60 R16 ภายในเพิ่มความสปอร์ทมากขึ้น ด้วยสีทูโทน และสะดุดตากับเบาะหนังทูโทน (น้ำตาล-ดำ) เพิ่มความหรูหรา แผงประตูเพิ่มวัสดุสีเงินและสีดำวาว (PIANO BLACK) พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันแบบ 3 ก้านจับถนัดมือ แต่ที่เพิ่มเติมอย่างชัดเจน คือ ระบบเบรคมือแบบไฟฟ้า (ELECTRONIC PARKING BRAKE) แบบรุ่นพี่อย่าง ซีเอกซ์-5 รวมถึงปรับปรุงหน้าจอสัมผัส CENTER DISPLAY ดีไซจ์นใหม่ขนาด 7 นิ้ว และจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ ACTIVE DRIVING DISPLAY บนแผงหน้าปัด เครื่องยนต์เทคโนโลยีล่าสุด SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS ที่ออกแบบให้ผสานกับรถทั้งคัน ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร 165 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-DRIVE ที่สำคัญสามารถรองรับน้ำมัน อี 85 ได้ด้วย ระบบความปลอดภัยบอกเลยว่าจัดหนัก โดยเพิ่มออพชันใหม่อย่างระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่ G-VECTORING CONTROL (GVC) ที่ช่วยควบคุมแรงบิดเครื่องยนต์ในการถ่ายทอดกำลังลงล้อ ส่งผลให้การขับขี่ทางโค้งราบรื่น พร้อมออพชัน I-ACTIVSENSE ประจำรถถึง 10 อย่างด้วยกัน คือ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมปรับระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า (MRCC), ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ปรับการทำงานของไฟสูง-ต่ำแยกอิสระซ้าย-ขวา (ALH), ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ (SCBS), ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ จากการชนปะทะด้านหลัง (SCBS-R), ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน (LDWS), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LAS), ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (DAA), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM), ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) และระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรคอัตโนมัติ (SBS) รวมถึงระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ทั้ง ESS (EMERGENCY SIGNAL SYSTEM) สัญญาณไฟกระพริบเมื่อเบรคฉุกเฉิน, ระบบเบรค เอบีเอส พร้อม EBD ช่วยกระจายแรงเบรค, ถุงลงนิรภัยคู่หน้า (ทุกรุ่น) และม่านถุงลมนิรภัย (เฉพาะรุ่น เอสพี), DSC ช่วยควบคุมเสถียรภาพ, HLA ช่วยในการออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน และ TCS ช่วยป้องกันรถเลื่อนไถล มาซดา 3 มีสีให้เลือก 7 สี ทั้ง สีแดง โซล เรด, สีขาว สโนว์ฟเลค ไวท์ เพิร์ล, สีน้ำตาล ไททาเนียม ฟแลช, สีเงิน อลูมินัม เมทัลลิค และเพิ่มเติม 3 สีใหม่ คือ สีดำ เจท บแลค, สีเทา เมทิออร์ กเรย์ ไมคา และสีน้ำเงิน เอเทอร์นอล บลู แบ่งเป็น 4 รุ่นย่อยใน 2 รูปแบบตัวถัง คือ 2.0 เอสพี (รุ่นใหม่) ราคา 1,119,000 บาท, 2.0 เอส ราคา 988,000 บาท, 2.0 ซี ราคา 928,000 บาท และ 2.0 อี ราคา 847,000 บาทโตโยตา วีออส เสริมมาดสปอร์ท หยอดความหรูหรา !
โตโยตา วีออส ซีดานระดับ บี-เซกเมนท์ ขวัญใจมหาชน ที่การันตีด้วยยอดขายสะสมกว่า 800,000 คัน ถึงเวลาปรับโฉมกันเสียทีหลังจากทำตลาดมาถึง 4 ปี การกลับมาครั้งนี้แตกต่างจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ด้วยหน้าตาที่คล้ายกับเวอร์ชันในประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้าพโรเจคเตอร์รมดำ พร้อมไฟ แอลอีดี มีรูปทรงที่โค้งมนขึ้น เพิ่มไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบแอลอีดีในแนวตั้ง บริเวณมุมกันชนหน้า และไฟตัดหมอกทรงกลม (ยกเว้นรุ่น เจ) กระจังหน้าแนวใหม่แบบทรงเฉียง มือจับประตูโครเมียม ล้อแมกขนาด 16 นิ้ว ยาง 195/50 R16 (อุปกรณ์ของรุ่น เอส) รุ่นอื่นจะเป็นล้อแมกขนาด 15 นิ้ว (ยกเว้นรุ่นพื้นฐาน เจ เป็นล้อกระทะ ขนาด 15 นิ้ว) นอกจากนี้ยังติดตั้งคิ้วฝากระโปรงท้ายแบบโครเมียม และไฟท้ายแบบ แอลอีดี มีการจัดวางใหม่ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ภายในเน้นความสปอร์ท มาตรวัดสีสันจัดจ้าน ห้องโดยสารโทนสีดำสลับแดง เบาะหนังแท้ รวมถึงหัวเกียร์ ฐานเกียร์ และปุ่มขึ้น/ลงกระจกข้าง เป็นแบบเพียโนบแลค เฉพาะในรุ่น เอส (ขณะที่รุ่นอื่นจะเป็นแบบเบาะผ้า พร้อมทางเลือกโทนสีดำ หรือสีเบจ) จอแสดงผลข้อมูลแบบหลากหลาย ระบบความบันเทิงในรุ่น เอส และ จี คือ เครื่องเล่น DVD ขนาด 7 นิ้ว (รุ่นย่อยอื่นจะเป็นเครื่องเล่น CD) เครื่องยนต์ยังคงเป็นเบนซินขนาด 1.5 ลิตร DUAL VVT-I รหัส 2NR-FBE กำลังสูงสุด 108 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 14.3 กก.-ม. ที่ 4,200 รตน. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแปรผัน 7 จังหวะ และยังรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงอี 85 ระบบความปลอดภัยตามมาตรฐานรถยนต์ยุคปัจจุบัน ได้แก่ ระบบเบรค เอบีเอส (ABS) ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC) ถุงลมนิรภัยคู่หน้า มีติดตั้งทุกรุ่นย่อย ขณะที่กล้องมองหลัง และไฟส่องสว่างเวลากลางวัน มีเฉพาะในรุ่น เอส และ จี วีออส ใหม่ มีให้เลือกถึง 6 สี สีขาว (SUPER WHITE), สีเงิน (SILVER METALLIC), สีดำ (ATTITUDE BLACK MICA), สีเทา (GREYMETALLIC), สีแดง (RED MICA METALLIC), และสีน้ำตาล (QUARTZ BROWN METALLIC) แบ่งเป็น 4 รุ่นย่อย รุ่น เจ ราคา 609,000 บาท รุ่น อี ราคา 679,000 บาท รุ่น จี ราคา 729,000 บาท และรุ่น เอส ราคา 789,000 บาทนิสสัน โนท ทางเลือกคนเมือง ที่เน้นความปลอดภัย
บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้นำ นิสสัน โนท (NISSAN NOTE) เวอร์ชันญี่ปุ่นเข้ามาขายในบ้านเรา ปลุกกระแส นิสสัน โนท ฟีเวอร์ในช่วงนั้นได้ไม่น้อย ในตลาดภูมิภาคอื่น นิสสัน โนท ทำตลาดมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่รุ่นที่เปิดตัวในบ้านเรา ใช้รูปทรงของรุ่นปรับโฉมล่าสุด เห็นได้จากกระจังหน้ารูปทรงตัวยู (รุ่น 1.2 วีแอล เป็นแบบโครเมียม) เอกลักษณ์ล่าสุดของค่าย นิสสัน ไฟหน้าทรงเหลี่ยม คมเข้ม เพิ่มไฟส่องสว่างเวลากลางวัน พร้อมไฟท้ายรูปทรงคล้ายบูเมอแรง สันเหลี่ยมด้านข้างต่อเนื่องกัน ในรุ่น 1.2 วีแอล จะติดตั้งสปอยเลอร์ท้าย และไฟตัดหมอกมาให้ ขณะที่ล้อแมกมีขนาดเท่ากันที่ 15 นิ้ว (ยาง ดันลอพ เอนาเซฟ อีซี 300 ขนาด 185/65 R15) มิติตัวถังของรถรุ่นนี้ ความยาว 4,105 มม. ระยะฐานล้อ 2,600 มม. เทียบเท่ารถยนต์ระดับ บี-เซกเมนท์ ทำให้ภายในห้องโดยสารมีความกว้างขวาง โดยเฉพาะระยะช่วงขาของผู้โดยสารด้านหลัง รวมถึงพื้นที่เหนือศีรษะ ในรุ่น 1.2 วีแอล เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 ติดตั้งเครื่องเล่น DVD ผ่านหน้าจอ 7 นิ้ว พร้อมปุ่มมัลทิฟังค์ชันบนพวงมาลัย (รุ่น 1.2 วี เป็นเครื่องเล่น CD หน้าจอ 5 นิ้ว และไม่มีปุ่มมัลทิฟังค์ชัน) เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 79 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 10.8 กก.-ม. ที่ 4,400 รตน. เกียร์อัตโนมัติแปรผัน XTRONIC CVT ภายใต้การประหยัดเชื้อเพลิง และค่าไอเสียเฉลี่ย ตามมาตรฐานของ อีโคคาร์ เฟส 1 นั่นคือ 20 กม./ลิตร และ 120 กรัม/กม. จุดเด่นของ นิสสัน โนท คือ การติดตั้งระบบความปลอดภัยสมัยใหม่ที่น่าสนใจในรุ่นทอพ 1.2 วีแอล ได้แก่ ระบบเตือนการชนด้านหน้า (INTELLIGENT FORWARD COLLISION WARNING) ระบบช่วยเบรคฉุกเฉิน(INTELLIGENT EMERGENCY BRAKING) ระบบกล้องมองรอบทิศทาง (INTELLIGENT AROUND VIEW MONITOR : AVM) และระบบเตือนการออกนอกเลนโดยไม่เจตนา (LANE DEPARTURE WARNING : LDW) ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยที่มีติดตั้งในรถยนต์ราคาสูงกว่านี้ ระบบความปลอดภัยที่มีติดตั้งให้ "ทุกรุ่นย่อย" คือ เบรคเอบีเอส ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VEHICLE DYNAMIC CONTROL : VDC) และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HILL START ASSIST : HSA) นิสสัน โนท อีโคคาร์ที่เน้นเรื่องความกว้างขวางของห้องโดยสาร และระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย รูปทรงโฉบเฉี่ยว ประหยัดเชื้อเพลิงตามมาตรฐานของอีโคคาร์ มีทางเลือก 2 รุ่นย่อย คือ นิสสัน โนท 1.2 วี ราคา 568,000 บาท และ นิสสัน โนท 1.2 วีแอล ราคา 640,000 บาทฮอนดา ซิที เมคอัพใหม่ ทันสมัยกว่าเดิม
ฮอนดา ซิที (HONDA CITY) หนึ่งในรถซีดานระดับ บี-เซกเมนท์ยอมนิยม ที่มียอดขายสูงสุดติดต่อกันหลายปี ปรับหน้าใหม่ให้หรูหราขึ้นตามสมัยนิยม ภายใต้สโลแกน "เหนือกว่าที่สุด คือ ที่สุดในทุกด้าน" เป็นแนวคิดที่ผสานความพรีเมียมและความสปอร์ทได้อย่างลงตัว ด้วยกระจังหน้าดีไซจ์นใหม่แบบโครเมียม ลงตัวกับกันชนหน้าสไตล์สปอร์ท โคมไฟหน้าแอลอีดี (เฉพาะรุ่น เอสวี และ เอสวี+) และแบบมัลทิรีเฟลคเตอร์ (ในรุ่น เอส, วี และ วี+) แถมยังเพิ่มไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบแอลอีดีมาให้ในทุกรุ่นย่อย รวมถึงไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบแอลอีดี (เฉพาะรุ่น เอสวี และ เอสวี+) ส่วนด้านท้ายยังคงเดิม เพิ่มกันชนหลังใหม่แบบสปอร์ท และล้ออัลลอยสีทูโทนใหม่ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 185/55 R16 (เฉพาะรุ่น เอสวี และ เอสวี+) ภายในห้องโดยสารทุกรุ่นเน้นโทนดำ คอนโซลดีไซจ์นเดิม แต่ปรับลุคใหม่ด้วยสีกันเมทัลลิค (GUN METALLIC) เบาะนั่งลายใหม่ ที่เบาะหลังปรับพับได้แบบ 60:40 พร้อมที่ดึงพับเบาะด้านหลัง ระบบควบคุมเครื่องเสียง และระบบปรับอากาศแบบจอสัมผัสใหม่ รองรับการเชื่อมต่อ USB และช่องเชื่อมต่อ HDMI ระบบการเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (BLUETOOTH) ไฟอ่านแผนที่ และไฟส่องสว่างภายในแบบแอลอีดี ให้ความสว่างกว่าเดิม มาตรวัดเรืองแสงแบบใหม่สีขาว ดูสบายตา มองเห็นชัดเจน เครื่องยนต์ยังคงเป็นเบนซิน I-VTEC 1.5 ลิตร 117 แรงม้า ที่รองรับน้ำมันอี 85 พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติแบบซีวีที แบบ 7 จังหวะ ซึ่งเขาบอกว่าพัฒนาให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น พร้อมระบบช่วยขับขี่แบบประหยัด ECO ASSIST ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม ตั้งแต่ ระบบป้องกันล้อลอค (ABS) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) และสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรคกะทันหัน (ESS) ที่มีให้ครบในทุกรุ่น นอกจากนี้ยังเพิ่มถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 จุด (เฉพาะรุ่น เอสวี+) รวมถึงกล้องมองภาพขณะถอยหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (เฉพาะรุ่น วี+, เอสวี และ เอสวี+) ช่วยในการจอดรถได้มาก ฮอนดา ซิที แบ่งเป็น 6 รุ่นย่อย ประกอบด้วย รุ่น เอสวี+ ซีวีที ราคา 751,000 บาท รุ่น เอสวี ซีวีที ราคา 736,000 บาท รุ่น วี+ ซีวีที ราคา 689,000 บาท รุ่น วี ซีวีที ราคา 649,000 บาท รุ่น เอส ซีวีที ราคา 589,000 บาท รุ่น เอส เอมที ราคา 550,000 บาท มีให้เลือก 6 สี ได้แก่ เงินลูนาร์ (เมทัลลิค) ดำคริสตัล (มุก) เทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิค) ยกเว้นรุ่น เอส เอมที ขาวทาฟเฟทา ยกเว้นรุ่น เอสวี/เอสวี+ และน้ำเงินคอสมิค (เมทัลลิค) กับขาวออร์คิด (มุก) ในรุ่น เอสวี/เอสวี+เรื่องโดย : กองบรรณาธิการบทความและสารคดี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2560
คอลัมน์ Online : รายงาน(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/161117