วิถีตลาดรถยนต์
เป็นจริงได้ก็เก่ง
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนสิงหาคม ปี '57 กับ '56
ตลาดโดยรวม,- 31.4 %
รถยนต์นั่ง,- 41.2 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV),7.3 %
รถอเนกประสงค์ (MPV),- 39.8 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ,- 24.2 %
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ,- 17.9 %
อื่นๆ,- 35.4 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-สิงหาคม ปี '57 กับ '56
ตลาดโดยรวม,- 38.4 %
รถยนต์นั่ง,- 46.2 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV),- 3.9 %
รถอเนกประสงค์ (MPV),- 35.1 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ,- 34.2 %
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ,- 34.3 %
อื่นๆ,- 46.0 %
[/table]
เดือนสิงหาคม ปี 2557 เป็นครั้งแรกที่มีการจัดงานกระตุ้นยอดขายรถยนต์ใหม่ป้ายแดงในช่วงกลางปี จากเดิมที่ปกติจะมีในช่วงต้นปีและปลายปี งานดังกล่าวใช้ชื่อว่า BIG MOTOR SALE 2014 โดยใช้ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เป็นสถานที่จัดงาน ซึ่งงานดังกล่าวเน้นในเรื่องการค้าการขายเป็นหลัก โดยบริษัทรถยนต์ที่เข้าร่วมงานจะต้องมาพร้อมกับแคมเปญพิเศษเฉพาะสำหรับงานนี้ และเน้นว่าต้องพิเศษกว่าปกติด้วย เนื่องจากมีต้นทุนในการเข้าร่วมงานต่ำ ดังนั้นจึงสามารถที่จะเจียดงบประมาณมาลงในส่วนของแคมเปญพโรโมชันพิเศษได้
ผลที่เกิดขึ้นก็เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้จัดงาน โดยสามารถทำให้เกิดการซื้อขายรถยนต์ใหม่ได้กว่า 15,000 คัน เงินสะพัดกว่า 30,000 ล้านบาท แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถพลิกสถานการณ์การจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในประเทศให้กลับมาอยู่ในแดนบวกได้อย่างเบ็ดเสร็จ อาจจะทำให้ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศหลังจากเดือนสิงหาคมนี้ ปรับตัวสูงขึ้นบ้าง จากการส่งมอบรถยนต์ที่มีการจับจองกันเอาไว้ในงานดังกล่าว แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้การเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางของเป้าหมายการจำหน่ายรถยนต์ใหม่ปี 2557 ที่ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 900,000 คันเป็นจริงขึ้นมาได้ เพราะยอดสะสมรวมตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงเดือนสิงหาคม รถยนต์ใหม่ป้ายแดงทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ มียอดจำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 578,090 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2556 ถึง 38.4 % ซึ่งต้องการอีก 3 แสนกว่าคัน จึงจะถึงเป้าหมายที่วางไว้ นั่นหมายถึง การทำยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ 4 เดือนต้องให้ได้เกือบเดือนละ 8 หมื่นคัน จึงจะทะลุทะลวงเป้าหมายที่วางไว้ได้ เหมือนกับการเข็นครกขึ้นภูเขาอย่างไรอย่างนั้น เพราะขนาดบริษัทรถยนต์เกือบทุกค่ายจะสรรหาสารพัดวิธีการกระตุ้นยอดจำหน่าย มากระชากใจผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มต้นปี รวมถึงการปล่อยรถยนต์รุ่นใหม่ที่คาดว่าจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้รถได้อย่างตรงเป้ามากที่สุดเข้าสู่ตลาด แต่ก็ยังไม่มียอดจำหน่ายรถยนต์เดือนไหนเลยที่จะสูงกว่าเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา และมีเพียงเดือนมีนาคม เดือนเดียวเท่านั้น ที่ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศเกินกว่า 8 หมื่นคัน/เดือน นอกนั้นอยู่ระดับ 6 หมื่นกว่า 7 หมื่นกว่าเท่านั้น ลำพังจะคาดหวังว่างานใหญ่ปลายปี MOTOR EXPO จะเป็นพระเอกกู้สถานการณ์ ส่งผลให้เป้ารวม 900,000 คัน ในปี 2557 นี้ถูกตีแตกกระจายไป คงเป็นไปได้ยาก ถึงแม้ว่าประธานจัดงานจะคาดการณ์ว่า MOTOR EXPO 2014 จะมีการซื้อขายรถยนต์ใหม่ป้ายแดงในช่วงเวลาการจัดงานไม่ต่ำกว่า 45,000-50,000 คันก็ตาม
อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นว่า เดือนสิงหาคม ปี 2557 เป็นเดือนที่มีงานดันยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่เกิดขึ้นอีก 1 งาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในเดือนนี้มีเพียง 68,683 คันเท่านั้น ลดลงจากเดือนสิงหาคม ปี 2556 ถึง 31.4 % นี่ถ้าไม่มีงานดังกล่าว เดือนสิงหาคมนี้อาจจะเป็นเดือนที่มียอดจำหน่ายที่ปรับตัวลดลงมากที่สุดของปี 2557 ก็เป็นได้ โดยในส่วนของรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ รถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ มียอดจำหน่ายรวมกัน 26,576 คัน ลดลงจากสิงหาคม ปีที่ผ่านมา 24.2 % และยังมีเพียงพิคอัพจาก มิตซูบิชิ เท่านั้นที่มียอดจำหน่ายที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม ปี 2566 โดยมียอดจำหน่ายรวม 2,790 คัน เพิ่มขึ้น 24.2 % มียอดจำหน่ายสูงเป็นอันดับที่ 3 ในหมู่มวลรถพิคอัพทั้งหมดมีส่วนแบ่งตลาด 10.5 % ขณะที่อันดับ 1 เดือนสิงหาคม ตกเป็นของพิคอัพยักษ์ใหญ่ โตโยตา 9,890 คัน ลดลง 23.8 % ได้ส่วนแบ่งตลาดไป 37.2 % อันดับที่ 2 เป็นยักษ์ใหญ่เบอร์เดียวกัน อีซูซุ ยอดจำหน่าย 9,345 คัน ลดลง 20.3 % ส่วนแบ่งตลาด 35.2 % อันดับ 4 เป็นของ ฟอร์ด 1,535 คัน ลดลง 30.4 % ส่วนแบ่งตลาด 5.8 % และอันดับที่ 5 นิสสัน 1,117 คัน ลดลง 17.3 % ส่วนแบ่งตลาด 4.2 %
อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมตั้งแต่ต้นปีมา ยังไม่มีพิคอัพรายใดมียอดจำหน่ายรวมที่เกินหน้าเกินตาจากที่ทำได้ในปี 2556 โดยผ่านเดือนสิงหาคมไป ยอดจำหน่ายพิคอัพทั้งหมดรวมกันอยู่ที่ 229,947 คัน ลดลง 34.2 % ยอดสะสมรวมสูงสุดเป็นของ โตโยตา 87,174 คัน ส่วนแบ่งตลาด 37.9 % ตามด้วย อีซูซุ 80,991 คัน ส่วนแบ่งตลาด 35.2 % มิตซูบิชิ 19,158 คัน ส่วนแบ่งตลาด 8.3 % ฟอร์ด 13,174 คัน ส่วนแบ่งตลาด 5.7 % และเชฟโรเลต์ 8,794 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3.8 % ตลาดพิคอัพประเภทนี้ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายการแข่งขันคงจะเข้มข้นเร้าใจมากขึ้น เพราะค่าย มิตซูบิชิ เตรียมส่งพิคอัพรุ่นใหม่ นัยว่าจะเข้ามาทำตลาดแทนพิคอัพยอดนิยมรุ่นเดิมที่ประจำการอยู่บนโชว์รูมมาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งจะกระชากอารมณ์นักเลงรถพิคอัพได้มากน้อยแค่ไหน อีกไม่นานคงได้รู้กัน
ส่วนเซกเมนท์ย่อยของพิคอัพ 1 ตัน ที่แตกออกไปเป็นพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ เดือนสิงหาคมมียอดจำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 2,016 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม ปีที่ผ่านมา 17.9 % และเป็นพิคอัพของ อีซูซุ ที่ยังแรงไม่ตก ถึงแม้จะไม่ถึงกับขยับขึ้นไปเป็นพิคอัพที่มียอดจำหน่ายสูงสุดได้ แต่ก็เป็นพิคอัพขับ 4 ล้อยี่ห้อเดียวที่มียอดจำหน่ายสูงขึ้นกว่าที่เคยทำไว้ในเดือนสิงหาคม ปีที่ผ่านมา โดยมียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 525 คัน เพิ่มขึ้น 6.7 % ส่วนแบ่งตลาด 26.0 % นิสสัน เป็นอีกยี่ห้อหนึ่งที่มียอดจำหน่ายสูงขึ้น โดยจำหน่ายได้ 32 คัน เพิ่มขึ้น 3.2 % ส่วนแบ่งตลาด 1.6 % ขณะที่อันดับ 1 ของตลาดนี้ยังคงเป็น โตโยตา จำหน่ายได้ 902 คัน ลดลง 2.6 % ส่วนแบ่งตลาด 44.7 % ฟอร์ด อยู่ในอันดับ 3 จำหน่ายได้ 307 คัน ลดลง 27.8 % ส่วนแบ่งตลาด 15.2 % มิตซูบิชิ จำหน่ายได้ 201 คัน อยู่อันดับที่ 4 เป็นยอดจำหน่ายที่ลดลง 56.6 % ส่วนแบ่งตลาด 10.0 % อันดับ 5 เชฟโรเลต์ 37 คัน ลดลง 53.2 % ส่วนแบ่งตลาด 1.8 %
ปี 2557 จากมกราคมถึงสิงหาคม พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ มียอดสะสมรวม 17,775 คัน ลดลง 34.3 % โดย ฟอร์ด โดดเด่นเป็นพิเศษในตลาดเซกเมนท์นี้ เนื่องจากเป็นยี่ห้อเดียวที่มียอดสะสมเป็นบวกจากยอดจำหน่ายรวม 2,929 คัน เพิ่มขึ้น 19.2 % รั้งอยู่ในอันดับที่ 3 ของตารางความนิยม ขณะที่อันดับ 1 เป็น โตโยตา ยอดสะสมรวม 7,609 คัน ลดลง 34.2 % อันดับ 2 อีซูซุ ยอดรวม 4,972 คัน ลดลง 33.4 % อันดับ 4 มิตซูบิชิ ยอดรวม 1,551 คัน ลดลงถึง 60.1 % และอันดับ 5 เชฟโรเลต์ ยอดสะสม 465 คัน ลดลง 39.7 %
รถเอสยูวี เป็นตลาดที่มีสีสันคึกคักที่สุดในเวลานี้ หลายยี่ห้อที่มีรถยนต์จำหน่ายอยู่ มียอดจำหน่ายที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากการขึ้นโชว์รูมของรถยนต์รุ่นใหม่ที่ในปีที่ผ่านมายังไม่มีจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็น มิว-เอกซ์ ของ อีซูซุ, จูค ของ นิสสัน, อีโคสปอร์ท ของ ฟอร์ด, ซีเอกซ์-5 ของ มาซดา เป็นต้น อีกทั้งเอสยูวีรุ่นใหม่ๆ สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างคุ้มค่าคุ้มราคามากขึ้น ส่วนเรื่องการดื่มด่ำน้ำมันเชื้อเพลิงก็ไม่มากมายไปกว่ารถยนต์ประเภทอื่นสักเท่าไหร่ ตลาดนี้มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 6,405 คัน ในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสิงหาคม ปีที่ผ่านมา 7.3 % โตโยตา ถึงจะจำหน่ายได้สูงสุด แต่ก็เป็นยอดจำหน่ายที่ติดลบด้วยเช่นกัน โดยจำหน่ายได้ 1,530 คัน ลดลง 26.2 % ขณะที่อันดับ 2-4 มียอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น โดยอันดับ 2 อีซูซุ จำหน่ายได้ 1,349 คัน เพิ่มขึ้น 3,111.9 % อันดับ 3 นิสสัน จำหน่ายได้ 878 คัน เพิ่มขึ้น 6,171.4 % และอันดับ 4 ฟอร์ด จำหน่ายไป 671 คัน เพิ่มขึ้น 858.6 % ส่วนอันดับ 5 เชฟโรเลต์ จำหน่ายไป 520 คัน ลดลง 57.5 %
สรุปรวม 8 เดือน รถเอสยูวีมียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 60,103 คัน ลดลงไปเพียง 3.9 % อีซูซุ ยังคงเป็นผู้นำตลาดนี้ต่อไปด้วยยอดสะสมรวม 13,967 คัน เป็นยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น 961.3 % ส่วนแบ่งตลาด 23.2 % ตามด้วย โตโยตา 13,076 คัน เป็นยอดจำหน่ายที่ลดลง 36.4 % ส่วนแบ่งตลาด 21.8 % นิสสัน 9,017 คัน เพิ่มขึ้น 6,731.1 % ส่วนแบ่งตลาด 15.0 % ฮอนดา จำหน่ายแล้ว 6,140 คัน ลดลง 62.5 % ส่วนแบ่งตลาด 10.2 % และฟอร์ด 4,375 คัน เพิ่มขึ้น 571.0 % ส่วนแบ่งตลาด 7.3 %
รถเอมพีวี มียอดจำหน่ายรวมทั้งหมด 1,121 คัน ในเดือนสิงหาคมปี 2557 ลดลง 39.8 % เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม ปี 2556 เอมพีวีน้องใหม่ของ นิสสัน ยังคงเดินหน้าสร้างความสำราญใจให้กับผู้จำหน่ายได้เหมือนเดิม ในเดือนนี้ยังทำยอดจำหน่ายได้สูงเป็นอันดับที่ 3 เหมือนเดิม โดยอันดับ 1 ยังเป็น โตโยตา 459 คัน ลดลง 46.9 % อันดับ 2 ฮอนดา 362 คัน ลดลง 15.2 % อันดับ 3 นิสสัน 123 คัน อันดับ 4 ซูซูกิ 94 คัน ลดลง 74.5 % และอันดับ 5 ปโรตอน 38 คัน ลดลง 11.6 % ผ่าน 8 เดือนไป ยอดรวมของรถเอมพีวีอยู่ที่ 10,351 คัน ลดลง 35.1 % โตโยตา นำโด่งอยู่หัวขบวน ด้วยยอดสะสมรวม 4,559 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 44.0 % ฮอนดา อยู่ในอันดับที่ 2 จำหน่ายแล้ว 2,470 คัน ส่วนแบ่งตลาด 23.9 % อันดับ 3 ซูซูกิ 1,091 คัน ส่วนแบ่งตลาด 10.5 % อันดับ 4 นิสสัน 975 คัน ส่วนแบ่งตลาด 9.4 % และอันดับ 5 เชฟโรเลต์ 908 คัน ส่วนแบ่งตลาด 8.8 % ซึ่งทั้งหมดดูแล้วโอกาสที่ นิสสัน จะแซงขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 3 แทน ซูซูกิ เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลจำหน่ายปี 2557 มีความเป็นไปได้สูงอยู่เหมือนกัน
สำหรับรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ประเภทอื่นๆ เดือนสิงหาคมมียอดจำหน่ายทั้งหมด 3,644 คัน ลดลง 35.4 % รวม 8 เดือนมียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 26,126 คัน ลดลง 46.0 %
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2557
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/16018