สวยบาดใจ ซูบารุ อิมพเรซา ใหม่ เปิดตัวแล้วที่ประเทศสิงคโปร์

4 WHEELS มีโอกาสร่วมงานเปิดตัว ซูบารุ อิมพเรซา ใหม่ ที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 11-13 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา นับเป็นเจเนอเรชันที่ 5 พัฒนาบนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ รูปลักษณ์ทันสมัย ทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแฮทช์แบค 5 ประตู ค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 2.5 ล้านบาท ยังไม่มีกำหนดเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย

พแลทฟอร์มใหม่ การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ ซูบารุ จากนี้เป็นต้นไป คือ การนำโครงสร้างพื้นฐานใหม่ SUBARU GLOBAL PLATFORM มาใช้กับ ซูบารุ ทุกรุ่น โดยเริ่มจาก อิมพเรซา ใหม่ เจเนอเรชันที่ 5 เป็นโมเดลแรก เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวถังด้วยโครงสร้างเหล็กทนต่อแรงดึงสูงพิเศษ ที่ช่วยดูดซับแรงปะทะการชนเพิ่มขึ้นถึง 40 %   ช่วงล่างปรับปรุงใหม่ ลดจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำลงกว่าเดิมอีก 5 มิลลิเมตร ทำให้ยึดเกาะถนน ควบคุมรถได้เฉียบคมยิ่งขึ้น ชอคอับและสปริงถูกติดตั้งเข้ากับตัวถังโดยตรง ติดตั้งปีกนกอิสระ 2 ชั้น ทางด้านหลัง และพัฒนาเกียร์ CVT ให้มีน้ำหนักเบาและนุ่มนวล ติดตั้งเครื่องยนต์กับแชสซีส์อย่างแน่นหนา ช่วยลดเสียงดังเข้ามาในห้องโดยสารระหว่างเร่งเครื่องได้ 1 เดซิเบล ติดตั้งกล้องและระบบเซนเซอร์ตรวจจับวัตถุด้านข้างและท้ายรถ ระบบไฟหน้าส่องสว่างตามทิศทางของการหมุนพวงมาลัย ฯลฯ   โดยพแลทฟอร์มใหม่นี้สามารถยกระดับมาตรฐานของ ซูบารุ ได้อีกมากในอนาคต เช่น รองรับเครื่องยนต์เบนซิน ขุมพลังพลัก-อิน ไฮบริด เครื่องยนต์ไฮบริดแบบพลัก-อิน รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ฯลฯ     เครื่องยนต์บอกเซอร์ 1.6 และ 2.0 ลิตร ขุมพลังของ อิมพเรซา เจเนอเรชันนี้ เป็นเครื่องยนต์สูบนอน บอกเซอร์ ขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 5,600 รตน. และรุ่น 2.0 ลิตร DIRECT INJECTION NATURALLY ASPIRATED ENGINE ให้กำลังสูงสุด 153 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบสมมาตร อันเป็นเอกลักษณ์ของ ซูบารุ     แน่นหนึบทุกสภาวะ หลังจากงานเปิดตัวเสร็จสิ้น ได้รับชมโชว์สุดพิเศษ SUBARU RUSS SWIFT STUNT SHOW ที่เรียกเสียงฮือฮาได้จากผู้ชมทั้งสนาม และที่พิเศษกว่านั้น คือ เราได้มีโอกาสทดลองขับ ซูบารุ อิมพเรซา ใหม่ ซึ่งมีทั้งหมด 3 สถานี ให้ทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมของรถ   ด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์ เราได้ทดสอบรถที่ติดตั้งเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ซึ่งอัตราเร่งช่วงต้นยังไม่ค่อยโดนใจสักเท่าไร แต่ได้ความนุ่มนวลมาแทน ซึ่งเป็นเพราะทางทีมวิศวกรของ ซูบารุ ได้ออกแบบให้เครื่องยนต์ และระบบเกียร์ซีวีที ในรถรุ่นนี้มีอัตราทดที่นุ่มนวล และประหยัดน้ำมันมากขึ้นนั่นเอง การควบคุมรถง่ายขึ้น เกาะถนนได้ดีเยี่ยม ทั้งสภาวะถนนแห้งและเปียก และเมื่อขับผ่านสถานีทดสอบความนุ่มนวลของช่วงล่าง รู้สึกได้ชัดเลยว่า นอกจากเกาะหนึบแล้ว ช่วงล่างยังให้ความนุ่มนวลควบคู่กันไปด้วย