โค้งอันตราย
เป็นไปตามคาด ตลาดยังคงนิ่ง
สรุปว่า ตัวเลขการขายรถยนต์ในปี 2559 น่าจะเป็นไปตามที่หลายฝ่ายได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ อยู่ที่ราว 750,000 คัน แต่จากยอดการขายของเดือนพฤศจิกายน เดือนเดียวขายกันได้ 63,360 คัน น้อยกว่าปีที่แล้ว
ที่เร่งซื้อกันเพื่อต้อนรับอัตราภาษีใหม่ 14.8 % แต่เมื่อยอดโดยรวม ขายได้ 663,243 คัน ตลาดหดตัวเพียง 2.3 % และหากคิดจากปีก่อนๆ ที่เดือนสุดท้ายของปี จะขายกันได้หลักแสนคัน ยอดรวมปีนี้ก็น่าจะได้ราว 750,000 คัน ตามคาด
คงไม่ต้องลงไปไล่เรียงลำดับว่าใครขายกันได้เท่าใด เพราะก็เป็นไปตามปกติของตลาดอยู่แล้ว เจ้าไหนมีรถใหม่ เจ้าไหนสดกว่า ก็ขายได้มากกว่าเป็นปกติ ตรวจสอบได้จากตารางที่เราทำเอาไว้ให้ดูกัน
แต่ในเดือนนี้ น่าจะเป็นเดือนที่ไม่อาจสะท้อนการบริโภคของภาคเอกชนในเชิงรูปธรรมได้ เนื่องจากประเทศไทยยังอยู่ในบรรยากาศแห่งความเศร้าโศก ประกอบกับรัฐบาลไม่มีมาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ออกมา อีกทั้งสถานประกอบการและห้างร้านต่างๆ พากันเงียบสงบ ไม่มีใครทำการตลาด จึงทำให้ครัวเรือนไม่อยู่ในภาวะที่อยากจะใช้จ่าย แม้องค์ประกอบดัชนีภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือนจะให้ภาพที่ดีขึ้นก็ตาม
อย่างไรก็ดี ยังคงต้องติดตามภาระค่าครองชีพของครัวเรือนในเดือนสุดท้ายของปี 2559
ที่อาจจะถูกกดดันจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกภายในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังประเทศในกลุ่มโอเปคบรรลุข้อตกลงร่วมกันในการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงมาอยู่ที่ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ทยอยออกมาในช่วงนี้ ก็อาจทำให้ครัวเรือนเร่งใช้จ่ายซื้อหาสินค้าและบริการในช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งก็น่าจะทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
หนนี้มีข้อมูลของปี 2559 มาให้ชมกัน ถึงแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน ปี 2559 ของกระทรวงคมนาคม เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ในพื้นที่ของประเทศไทย ประกอบด้วย โครงการจำนวน 20 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 1,796,385.77 ล้านบาท
แบ่งเป็นโครงการที่สามารถเริ่มประกวดราคาได้ในปีงบประมาณ ปี 2559 จำนวน 10 โครงการ คิดเป็น 50 % ของโครงการทั้งหมด
โครงการที่ว่านั่นก็มี โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-นครราชสีมา และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สีชมพู และสีเหลือง เป็นต้น
นอกจากนั้นเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมการประกวดราคา ปรับแก้ไขรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) นำเสนอคณะรัฐมนตรี เสนอรายงาน EIA หรือศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้น
แต่มีบางโครงการที่มีความล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ เนื่องจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมยาก เช่น โครงการความร่วมมือก่อสร้างทางรถไฟไทย-จีน และไทย-ญี่ปุ่น โครงการสร้างรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-หัวหิน และกรุงเทพฯ-ระยอง เป็นต้น
ส่วนในปี 2560 มีโครงการที่มีความพร้อมในการดำเนินการในปีงบประมาณ ปี 2560 และต้องเร่งรัดผลักดัน รวมจำนวน 36 โครงการ วงเงินรวม 895,757.55 ล้านบาท เช่น โครงการบริหารจัดการระบบตั๋วรวม โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ โครงการจัดชื้อรถโดยสารรถไฟฟ้า จำนวน 200 คัน พร้อมก่อสร้างสถานีประจุไฟฟ้า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงต่างๆ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสีเขียวเข้ม เป็นต้น
ที่ว่ามาทั้งหมดเป็นโครงการขนาดใหญ่ อันอาจทำให้เกิดการจราจรติดขัดได้ในบางพื้นที่ ก็ต้องทำความเข้าใจกันว่า บ้านเราเมืองเรา กำลังอยู่ในช่วงการพัฒนา ปรับปรุงเพื่อให้เป็นมหานครที่สมบูรณ์แบบ เพื่อชีวิตที่ดีกว่าในอนาคต อะไรที่ติดขัดกันบ้าง ก็น่าจะยอมรับกันได้
หันกลับมาดูเศรษฐกิจโลกกันบ้าง หลังการเลือกตั้งท่านประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยภาพรวมของสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ยังคงบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในวงกว้าง ตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 3/59 ที่ขยายตัว 3.2 % เร่งขึ้นจาก 1.4 % ในไตรมาสก่อนหน้า การฟื้นตัวของตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง
ข้อมูลล่าสุดสะท้อนว่า ค่าเฉลี่ยการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 1.8 แสนตำแหน่ง/เดือน ซึ่งถือว่าเป็นพัฒนาการการฟื้นตัวที่ต่อเนื่อง
ขณะที่อัตราการว่างงานปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 9 ปี ที่ 4.6 %
บ่งชี้ว่าการจ้างงานในปัจจุบันเข้าใกล้ระดับศักยภาพ ขณะที่ ดัชนี PMI สหรัฐอเมริกาปรับตัวขึ้น ทั้งภาคการผลิต และภาคบริการ ก็บ่งชี้ถึงภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่อยู่ในระดับดี
แต่ก็ยังมีเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจโลก ที่ยังเผชิญกับความเสี่ยงในระดับสูง
ไม่ว่าจะเป็นความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ประเด็นเรื่อง BREXIT การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ รวมทั้งความกังวลต่อสถานะของธนาคารในยุโรป
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ น่าจะเป็นเครื่องยืนยันให้เราๆ ท่านๆ ยึดถือนำเอาคำสอนของพ่อมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ให้เดินอยู่ในทางสายกลาง มีความพอเพียงตามสภาพของแต่ละบุคคล น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2560
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/157715