ประสาใจ
ความลับของบารากุ
กิรดัง ได้ยินมา ตทากาเล กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...ข้าพเจ้าอยู่ที่เคหาสน์มองเต-คริสโต รัตติกาลแห่งเกล็ดหิมะสีขาว ปลิวตัวโรยลงไปสู่พื้นล่างมองเห็นเป็นเกล็ดประกายเงินระยับตัดความมืด
ข้าพเจ้าคิดถึงนิยายที่ได้ยินมาหลายเพลาแล้ว และข้าพเจ้าไม่อาจลืมดวงหน้าสง่างามของ นายพลยูซุฟ ริ้วรอยแห่งความสลดขณะที่เขาเล่าถึงนิยายเรื่องนั้นสู่ข้าพเจ้าในค่ำวันหนึ่ง เมื่อมีโอกาสไปเยี่ยมถึงปราสาทสไตล์ชาวมัวร์
นายพลยูซุฟ มีเจ้าหญิงคาบูซาห์ ภริยาผู้เลอโฉม นั่งอยู่เคียง
นายพลยูซุฟ จัดนางระบำมาให้ความบันเทิงแก่ข้าพเจ้าด้วยไมตรี ภาพที่นางระบำเหล่านั้นกรีดกรายตามจังหวะดนตรี ข้าพเจ้าเฝ้ามองความอ่อนระทวยรวยริน เสมือนความอ่อนไหวของใบไม้ต้องลมหนาว ประหนึ่งกวักมือเรียกและปลุกเร้าอารมณ์ข้าพเจ้ากระเจิงกระจาย
นางระบำสวมหมวกเล็กสีเงินปรากฏกายนิ่งดั่งรูปปั้น ทันทีเสียงกลองกระหึ่ม และแทมบูรีนสั่นพลิ้ว นางเคลื่อนตัวออกจากจุดที่ยืนนิ่ง แขนและเรือนร่างพลิ้วตามจังหวะดนตรี ยืดส่วนหน้าและส่วนหลัง เร็วขึ้นและเร็วขึ้นจนหมวกเล็กพลัดตกลงสู่พื้น
มวลเหล่านางระบำ ยกระดับความร้อนแรงในการร่ายรำหนักขึ้น ถี่และเร็วยิ่งขึ้นจนถึงขั้นคไลแมกซ์
บัดดลนางเหล่านั้น กรีดร้องด้วยความสะใจ ก่อนจะหมอบราบไปกับพื้นปราสาท พลันทุกสรรพสิ่งตกอยู่ในความเงียบ
ชั่วขณะเดียว นางระบำยืนกายขึ้นจากพื้น ผายมือปกปิดส่วนของร่างกายทั้ง 2 ส่วนที่หญิงชาวมัวร์ไม่ปรารถนาเปิดเผย
ส่วนหนึ่งเป็นดวงหน้าแห่งความงดงามวิไลลักษณ์ อีกส่วนหนึ่งเป็นอาณาจักรอันตื่นตะลึงของวีนัส
เสียงเจ้าหญิงคาบูซาห์ดังขึ้น
"เมอร์สิเออร์ดูมาส์, คุณมาจากยิบรอลตาร์หรือคะ...ที่นั่นร้ายกาจมากไม่ใช่หรือคะ ? ไม่มีอะไรมีแต่สายหมอก..."
"ที่จริง ธรรมชาติไม่มีส่วนให้เป็นเช่นนั้น" ข้าพเจ้าตอบ "ชาวเมืองผู้ดีต่างหากมีส่วนทำให้บรรยากาศเช่นนั้นเกิดขึ้น"
ขณะนั้น นายพลยูซุฟ กำลังเพลิดเพลินอยู่กับถ้วยสีเงิน ซึ่งข้าพเจ้ามองดู น่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ล้ำค่าจากถิ่นดามัสกัส
เจ้าหญิงสนทนาด้วยความสนพระทัยเรื่องราวที่ข้าพเจ้าทูล ตลอดจนถึงการผจญภัยของข้าพเจ้า ระหว่างฤดูกาลล่าสิงโตที่คอนสแตนติน
ทันใดนั้น เจ้าหญิงทรงมีอาการวิงเวียน ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ประทับแล้วปลีกพระองค์ นายพลยูซุฟ มิได้กล่าวคำใด อีกไม่นานต่อมา เรา 2 คนก็ออกไปนั่งอยู่กับพื้นหญ้าสนาม พร้อมด้วยกล้องยาเส้น และกาแฟกลิ่นกุหลาบ
"เรื่องของผมเริ่มที่คอนสแตนติน" นายพลยูซุฟ ทำลายความเงียบ
นิยายของเขา เริ่มตั้งแต่รับราชการเป็นทหารหนุ่มประจำการอยู่กับ โมฮัมเหม็ด เบย์ หรือ "เบย์ ผู้โหดเหี้ยม" เบย์ ชอบการฆ่า ชอบการประหารแบบทรมาน
หญิงคนใดมีชู้หากถูกจับได้ จะถูกลงโทษด้วยการจับตัวลงกระสอบพร้อมกับแมวตัวหนึ่ง ไก่ตัวหนึ่ง และงูพิษอีกตัว จากนั้นหล่อนจะถูกโยนลงไปในทะเล
และเบย์ ผู้โหดเหี้ยม ก็ไม่เคยยกเว้นโทษประหาร แม้แต่ เบย์ เบน คาริม พี่ชายร่วมสายโลหิตผู้ให้กำเนิด เจ้าหญิงคาบูซาห์
วันหนึ่ง ทหารหนุ่มยูซุฟ พบเจ้าหญิงคาบูซาห์ เป็นครั้งแรก เกิดความพิสมัย ยอมเสี่ยงชีวิตและทุกสิ่ง ติดสินบนให้ทหารนำสาส์นรักไปถวาย ในที่สุดแห่งความพยายาม ความสำเร็จก็บังเกิด เจ้าหญิงนัดพบทหารหนุ่มที่เทนท์นอกเมือง ทั้ง 2 คนมีความสุขบนพื้นพรมเปอร์เซียซึ่งปูลาดกับพื้นทราย จนรุ่งสาง
ความรักใคร่ของ เจ้าหญิงคาบูซาห์ ร้อนแรงขึ้น กลอุบายในการลอบพบกันก็มีหลากหลาย แม้ต้องใช้ชีวิตรักร่วมกันบนหลังอูฐก็จำต้องประพฤติ
ทหารหนุ่ม ทูลเจ้าหญิงว่า
"เราต้องหนีอำนาจผู้เป็นอาของเจ้าหญิง เพื่อแต่งงานและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แทนที่จะเป็นหลังอูฐแบบนี้เรื่อยไป"
เจ้าหญิงตกลงแบบมีเงื่อนไข ด้วยมีพระประสงค์ถ้วยสีเงินอันเป็นสมบัติชิ้นเดียวของ เบน คาริม ที่ เบย์ ยึดครองไว้ ซึ่งข้อเงื่อนไขนี้ นายพลยูซุฟ รับคำทันที
จากนั้นมา แผนการลักขโมยถ้วยสีเงินถูกวาดขึ้น ยูซุฟ ฉวยโอกาสขณะ เบย์ เดินทางไปปราบปรามเหล่าร้ายของแผ่นดิน
คืนนั้น ยูซุฟ รอความมืดก่อนแฝงตัวเข้าไปในเทนท์ที่พักของ เบย์ ซึ่งขณะนั้น เบย์ กำลังหลับ ทหารรับใช้ของ เบย์ สูบบารากุอยู่ในความมืด จากโถใบใหญ่ที่พักของยาเส้นไปสู่กล้องบารากุ ไม่มีใครเลยที่ล่วงรู้ว่ามี
นายพลยูซุฟ ซ่อนตัวอยู่ในโถใบใหญ่นั้น
ทหารรับใช้คนสนิทของ เบย์ คนเดียวเท่านั้น รู้สึกแปลกๆ กว่าปกติ ทันทีเมื่อเขาเริ่มจุดไฟลุกโชนแล้วลงมือสูบบารากุ ความรู้สึกบอกเขาว่า รสชาติของยาเส้นที่เข้ามาสู่กล้อง มีกลิ่นประหลาดกว่าทุกครั้งที่เขาสูบ
อย่างไรก็ดี เมื่อทุกอย่างหลับสนิท นายพลยูซุฟ คลานออกมาจากโถ ตรงไปหยิบถ้วยสีเงิน แล้วคลานออกจากเทนท์ที่พักของ เบย์ ด้วยความกล้า ว่ายน้ำข้ามกลับมาสู่เทนท์ที่พักของเขาอีกฝั่งหนึ่งของลำธาร
ดังนี้ ในตอนเช้าของวันต่อมา ถ้วยสีเงิน-สมบัติชิ้นเดียวของ เบน คาริม ก็ถึงอุ้งพระหัตถ์เจ้าหญิง
เงื่อนไข เรียบร้อยและราบรื่น ความสุขมาหาคนทั้ง 2 เขาตระเวนขี่ม้าไปเข้าพิธีแต่งงานด้วยกันในโบสถ์เล็กๆ ของเมืองเอล อารุค
เบย์ ผู้โหดเหี้ยม โกรธมากเมื่อรู้ความทั้งปวง ออกคำสั่งไล่ล่าทั้ง 2 คน แต่โชคไม่เข้าข้างเขาเหมือนดังกาลก่อน เขาถูกคณะทหารลุกขึ้นปฏิวัติยึดอำนาจ ซึ่งในที่สุด ความตายอย่างเหี้ยมเกรียมที่ เบย์ เคยพิสมัย ก็มาถึงตัวเขาอย่างอนาถ
"ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องเศร้าอย่างมาก" นายพลยูซุฟ ยืดตัวลุกขึ้น ขณะเล่าเรื่องจบลง
"แต่มันก็จบอย่างมีความสุขนะ" ข้าพเจ้าท้วง "นายพลที่รัก, นิยายเรื่องนี้แฮพพีเอนดิง ท่านได้ทั้งถ้วยสีเงิน และเจ้าหญิงผู้น่ารัก"
นายพลยูซุฟ มองหน้าข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ว่าต่อไป
"ท่าน คือ มหาบุรุษ ซึ่งนอกจากจะได้รับการสรรเสริญบนแผ่นดินของท่านแล้ว ท่านยังสมควรได้รับความอิจฉาจากบุรุษเพศทั้งโลก"
"ข้าพเจ้า คือ ผู้เหน็ดเหนื่อยนะ คุณดูมาส์" นายพลตอบด้วยความอ่อนระโหย "ท่านไม่เข้าใจดอกหรือว่า ขณะที่ข้าพเจ้าลงไปซ่อนตัวอยู่ในโถใบใหญ่ของเจ้าทหารรับใช้คนสนิทนั้น ไฟยาเส้นที่มันจุดลุกโชน เผาผลาญความเป็นชายของข้าพเจ้าติดตัวไปชั่วนิรันดร์นับแต่นั้น..."
"คุณพระช่วย...!" ข้าพเจ้าอุทานสุดเสียง
นายพลยูซุฟ ฝืนยิ้มเรียกหาความสุขให้กับชีวิต ก่อนเปล่งเสียง
"คุณดูมาส์ พูดถูกแล้ว เจ้าหญิงเป็นผู้น่ารัก ทรงรักษาคำสัตย์เหนือสิ่งใด เข้าสู่พิธีแต่งงานกับข้าพเจ้าตามที่ได้ตกปากลงคำ"
ข้าพเจ้าเย็นชาไปทั้งตัว เสือกฟืนไม้อีกท่อนเข้าสู่กองไฟ ราวกับหุ่นยนต์ ระเบิดเปลือกแห่งความอบอ้าวในใจให้แรงขึ้น
ท่านที่รักทั้งหลายของข้าพเจ้า เรื่องเป็นมาเช่นนี้ ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า ไม่อาจลืมริ้วรอยแห่งความเศร้าสลดของ นายพลยูซุฟ ขณะที่เขาเล่าสู่ข้าพเจ้าสดับฟัง ที่โคนไม้พุทธชาดส่งกลิ่นหอมให้รัตติกาลด้วยความบริสุทธิ์สะอาด ไร้มารยาใดๆ ทั้งสิ้น...!!!!
เรื่องโดย : ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2558
คอลัมน์ Online : ประสาใจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/15769