X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
รู้ทันเทคนิค
26 Dec 2016
E-POWER BY NISSAN การขับเคลื่อนอัจฉริยะ
นิสสัน ก็เป็นอีกค่ายหนึ่ง ที่ได้พัฒนาแนวคิดการขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดมานาน ขณะนี้ นิสสัน ชูแนวคิด NISSAN INTELLIGENT MOBILITY พูดง่ายๆ ก็คือ การขับเคลื่อนแบบอัจฉริยะนั่นเอง ซึ่งเป็นแนวคิดการขับเคลื่อนแบบใหม่ในชื่อของ E-POWER โดยถูกนำมาใช้ใน นิสสัน โนท รุ่นปี 2017 อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เทคโนโลยีอะไรใหม่นัก เป็นแนวคิดที่เคยใช้กันมานานแล้ว เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนารถยนต์ไฮบริดในยุคแรกๆ จนพัฒนามาเป็นรถพลังงานไฟฟ้า แต่วันนี้ทำไมจึงกลับไปสู่ก้าวแรกๆ อีกครั้ง มันต้องมีเหตุผลอะไรดีๆ แน่นอน
ในยุคเริ่มแรก ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
ในยุคเริ่มต้นของรถไฮบริดนั้น เราจำแนกแบบของการวางเครื่องยนต์และมอเตอร์ในการขับเคลื่อนไว้ 2 ลักษณะด้วยกัน ลักษณะแรก คือ การใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอย่างเดียว โดยมีเครื่องยนต์ขนาดเล็กไว้คอยทำหน้าที่เหมือนเครื่องปั่นไฟ เนื่องจากยุคนั้นแบทเตอรียังมีขนาดใหญ่ มีความจุน้อย การที่จะทำให้รถวิ่งได้ไกล จำเป็นต้องใช้แบทเตอรีขนาดใหญ่ ซึ่งมีน้ำหนักมาก ผลที่ตามมา คือ ไม่เหมาะกับรถยนต์ขนาดเล็กๆ เพราะจะทำให้เสียพื้นที่ใช้สอยไปมากนั่นเอง การติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดเล็กเป็นการช่วยเพิ่มความสามารถในการเดินทางให้มีระยะไกลมากขึ้น เนื่องจากภายในตัวรถสามารผลิตกระแสไฟฟ้าได้เอง อีกส่วนหนึ่งเป็นการเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ โดยเฉพาะในจังหวะเร่งแซง การที่มอเตอร์ไฟฟ้าดึงพลังงานจากแบทเตอรีอย่างรวดเร็ว จะทำให้พลังงานที่สะสมในแบทเตอรีลดลงเร็วมาก และอาจจะมีช่วงจังหวะที่กำลังไฟอาจจะไม่เพียงพอ โดยเฉพาะช่วงแบทเตอรีใกล้จะหมด เครื่องยนต์จะมาทำหน้าที่ช่วยเสริมเมื่อมีการเร่งเครื่องมอเตอร์ ซึ่งจะทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อน ส่วนเครื่องยนต์ก็จะมีการเร่งเครื่องตาม แต่ไม่ได้ส่งกำลังไปขับเคลื่อนแต่อย่างใด เป็นการเร่งเครื่องเพื่อให้เจเนอเรเตอร์สามารถผลิตกำลังไฟได้สูงขึ้น เพื่อส่งไปยังมอเตอร์โดยตรงอีกทางหนึ่ง เพื่อให้กระแสไฟเพียงพอกับความต้องการของมอเตอร์ในช่วงขณะนั้นนั่นเอง
ความจุมากขึ้น ขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
การพัฒนาก็มีความล้ำหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ แบทเตอรีมีขนาดเล็กลง แต่มีความจุมากขึ้น มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังงานมากขึ้น และกินกำลังไฟน้อยลง ทำให้รถไฮบริดประเภทนี้ค่อยๆ ถูกลดความสำคัญลงไป และมุ่งสู่การพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบแทน อย่างที่เราเห็นใน นิสสัน ลีฟ นั่นเอง แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจแล้วก็ตาม ทว่าเมื่อมองถึงในแง่ของการใช้งานจริงนั้น มันยังมีข้อจำกัดอยู่นั่นเอง เพราะความเป็นจริงในการใช้งานหลายครอบครัวที่สามารถซื้อรถได้คันเดียว หรือเจ้าของรถที่อยากได้รถมลพิษต่ำ และต้องการเพดานการเดินทางที่ไม่มีข้อจำกัดแบบเดียวกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง พูดง่ายๆ คือ น้ำมันใกล้หมดก็เติม แต่รถพลังงานไฟฟ้านั้นต้องจอดชาร์จไฟหลายชั่วโมง หรือการแลกเปลี่ยนแบทเตอรีในสถานีบริการก็ยังต้องใช้เวลาและมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง โดยเฉพาะถ้าเส้นทางที่ไม่มีสถานีแลกเปลี่ยนแบทเตอรีอยู่เลย แล้วทำอย่างไรจึงจะทำให้รถมลพิษต่ำสามารถใช้งานได้ใกล้เคียงกับรถที่ใช้เครื่องยนต์ ?
อ่านต่อ
เรื่องโดย : พหลฯ 30
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2560
คอลัมน์ Online : รู้ทันเทคนิค
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/article/152849
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ คอลัมน์
รู้ทันเทคนิค
รู้ทันเทคนิค
18 Mar 2024
ปลดลอครถด้วยใบหน้า เทคโนโลยีจาก CONTINENTAL
รู้ทันเทคนิค
25 Feb 2024
รถจอดนิ่ง ทำไมพัดลมแอร์ทำงาน ?
รู้ทันเทคนิค
21 Jan 2024
TANK 300 กับเทคโนโลยีสำหรับการลุย
รู้ทันเทคนิค
22 Dec 2023
HONDA SENSING ELITE ระบบความปลอดภัยยุคใหม่
รู้ทันเทคนิค
22 Nov 2023
หน้าจอรูปตัว V เทคโนโลยีจาก CONTINENTAL ใน HYUNDAI KONA 2023
ดูต่อในคอลัมน์ รู้ทันเทคนิค