ชีวิตอิสระ(4wheels)
"ปางอุ๋ง" โครงการในพระราชดำริ สวิทเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย
"ชีวิตอิสระ" ขอตามรอยพ่อหลวง ไปเยี่ยมชมโครงการหลวงของพระบาทสมเด็จพระปริมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เพื่อศึกษาพระราชกรณียกิจ และสานต่อปณิธานของพ่อหลวง ในการช่วยเหลือราษฎรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเริ่มจาก "โครงการพระราชดำริปางตอง 2" หรือ "ปางอุ๋ง" สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจ. แม่ฮ่องสอน
ไต่เขา ฝ่าโค้ง สู่เมืองสามหมอก
เรามุ่งหน้าสู่ จ. แม่ฮ่องสอน ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 ผ่าน จ. นครสวรรค์, กำแพงเพชร และตาก เมื่อถึง อ. เถิน จ. ลำปาง เลี้ยวซ้ายไปทาง อ. ลี้ จ. ลำพูน เพื่อลัดเลาะตัดขึ้นดอยอินทนนท์ จ. เชียงใหม่ เส้นทางนี้จะย่นระยะทางได้เกือบ 100 กม. โดยผ่าน อ. แม่แจ่ม อ. ขุนยวม และ อ. เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เส้นทางช่วงนี้เป็นทางแคบที่ลาดชันและคดเคี้ยว ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ถ้าดูจากแผนที่ระยะทางเกือบ 900 กม. จากกรุงเทพฯ ถึงตัวเมืองจ. แม่ฮ่องสอน ดูเหมือนไม่ไกลนัก แต่ถ้านึกถึงเส้นทาง "แม้ว" หรือเส้นทางไต่เขาที่คดเคี้ยวแล้ว ก็นับว่าโหดพอสมควร แต่โชคยังเข้าข้างผมได้ขับรถ ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ใหม่ เป็นพาหนะคู่ใจในการเดินทาง เพราะต้องฟันฝ่าเส้นทางคดเคี้ยวกว่า 2,000 โค้ง สมรรถนะรถ ต้องมีช่วงล่างที่ดี และไว้ใจได้ ซึ่ง ฟอเรสเตอร์ สามารถตอบโจทย์ได้หมดเลย ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ใช้เครื่องยนต์แบบสูบนอน (BOXER) ขนาด 2.0 ลิตร 150 แรงม้า ทำให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ เมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง รถจะมีอาการ "โคลงตัว" น้อยกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป บวกกับติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา (AWD) แบบสมมาตรด้วยแล้ว จะมีอะไรสนุกไปกว่านี้ล่ะครับปางอุ๋ง งดงามจนเกือบหยุดหายใจ
"ปางอุ๋ง" หรือ "โครงการพระราชดำริปางตอง 2" เป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่ทรงเล็งเห็นว่า พื้นที่บริเวณนี้อยู่ติดกับแนวชายแดนประเทศเมียนมาร์ ซึ่งเป็นพื้นที่อันตราย เพราะมีกองกำลังต่างๆ มีการขนส่งอาวุธ ปลูกพืชเสพติด รวมถึงบุกรุกทำลายป่าไม้อยู่เสมอ จึงโปรดให้รวบรวมราษฎรบริเวณนี้ โดยมีพระราชประสงค์เพื่อสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดน พร้อมพัฒนาความเป็นอยู่ สร้างอ่างเก็บน้ำ และฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์อย่างยั่งยืน ราษฎรจึงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนับจนถึงปัจจุบัน ปัจจุบัน ปางอุ๋ง คือ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวแหล่งดึงดูดให้คนเดินทางสู่จ. แม่ฮ่องสอนมากขึ้น เนื่องจากมีบรรยากาศชวนโรแมนทิคแทบทุกพื้นที่ พร้อมทิวสนสูงใหญ่ เมื่อตัดกับผืนน้ำโดยมีต้นสนเป็นแบคกราวน์ดด้วยแล้ว งดงามยิ่งนัก ปางอุ๋ง ได้รับขนานนามว่าเป็น "สวิทเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย" บรรยากาศในยามเช้า จะมีไอหมอกจางๆ ลอยขึ้นเหนือผืนน้ำ มีหงษ์สีดำ/ขาวมากมาย ซึ่งทางโครงการฯ เลี้ยงไว้ ต่างเล่นน้ำแหวกว่ายชูคออย่างมีความสุข คำว่า "ปาง" หมายถึง ที่พักคนงานในป่า ส่วน "อุ๋ง" เป็นภาษาเหนือ หมายถึง ที่ลุ่มต่ำ รวมกันเป็น "ที่พักริมอ่างเก็บน้ำ" พื้นที่ของปางอุ๋ง ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง บริเวณรอบๆ อ่างเก็บน้ำเป็นทิวสนที่ปลูกเรียงรายกันอย่างสวยงาม กิจกรรมหลักของสถานที่แห่งนี่ คือ การนั่งแพชมทัศนียภาพโดยรอบอ่างเก็บน้ำ ซึ่งเป็นภาพประทับใจยากจะลืมเลยทีเดียวบ้านรักไทย หมู่บ้านสุดโรแมนทิค
จากปางอุ๋ง เดินทางขึ้นเหนือไปอีก 6 กม. จะพบกับหมู่บ้านรักไทย ซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดท้ายก่อนสิ้นสุดชายแดน (ไทย-เมียนมาร์) บ้านรักไทยเป็นหมู่บ้านชาวจีนที่อพยพหนีภัยในช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบคอมมิวนิสต์ ภายในหมู่บ้านยังคงสืบทอดประเพณี ทั้งภาษาพูด ภาษาเขียน ลักษณะบ้านที่แปลกตา ซึ่งทำจากดินเหนียวผสมฟางข้าว บริเวณหมู่บ้านมีทะเลสาบที่สวยงาม ถือเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้ รายล้อมด้วยที่พักหลากสไตล์ ในบรรยากาศสุดแสนโรแมนทิค มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ด้านหน้าหมู่บ้านยังมีร้านอาหารยูนานรสชาติดีให้เลือกชิมมากมาย แถมขึ้นชื่อในการปลูกชา ใครชอบดื่มชา สามารถชิมชาเลิศรสจากชาพันธุ์ดี ซึ่งมีจำหน่ายในหมู่บ้าน ใครได้มาเยือน จะหลงรักหมู่บ้านนี้แบบไม่รู้ตัวสะพานซูตองเป้ สร้างจากแรงศรัทธา
ถนนสาย 1095 บริเวณทางเข้าไปปางอุ๋ง ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ นั่นคือ "สะพานซูตองเป้" คำว่าซูตองเป้ เป็นภาษาไทยใหญ่ แปลว่า อธิษฐานสำเร็จ หรือ ความสำเร็จ เป็นสะพานที่สานจากไม้ไผ่ด้วยแรงศรัทธาของชาวบ้านกุงไม้สัก มีความยาวถึง 500 เมตร วัตถุประสงค์เพื่อให้ภิกษุสงฆ์ และชาวบ้านที่อยู่อีกฟากฝั่งของแม่น้ำสะงาได้ใช้สัญจรไป/มา เสาไม้แต่ละต้นได้มาจากเสาบ้านเก่าของชาวบ้านที่บริจาค จึงทำให้บางจุดสูงบ้าง ต่ำบ้าง แต่ด้วยพลังแห่งความศรัทธา จึงทำให้สะพานซูตองเป้ใช้เวลาสร้างแล้วเสร็จเพียง 2 เดือนเท่านั้น นอกจากการใช้สัญจรไป/มาแล้ว ยังมีทัศนียภาพของท้องทุ่งนา งานไม้ไผ่ที่สวยงาม ท่ามกลางอากาศที่สดชื่น ปัจจุบันสะพานแห่งนี้ได้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญอีกหนึ่งแห่งของ จ. แม่ฮ่องสอนภูโคลน พอกเพื่อสุขภาพ
ขากลับ เราผ่านเส้นทางบ้านโป่งเดือดแม่สะงา สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งโคลนสุขภาพของเมืองไทย และเป็นแหล่งโคลน 1 ใน 3 แห่งของโลก ที่มีแร่ธาตุหลักที่เหมือนกัน รองจากทะเลสาบเดดซี และโคลนภูเขาไฟจากประเทศโรมาเนีย สถานที่แหล่งโคลนนี้ เป็นโคลนบริสุทธิ์ สีดำ ซึ่งมาจากสายน้ำแร่ใต้ดินที่สะอาด ไม่มีกลิ่นของกำมะถัน อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่เป็นคุณประโยชน์ต่อผิวหนัง และระบบไหลเวียนเลือด สามารถดูดซับสารพิษตกค้าง ล้างความมันส่วนเกินบนใบหน้า และนักท่องเที่ยวสามารถพอกโคลน และแช่เท้าจากน้ำแร่ได้ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ดูแลความงามให้เลือกไปประทินผิวที่บ้านได้อีกด้วยแผนที่
ที่กิน
ถ้าใครมาเที่ยวปางอุ๋ง แล้วไม่ขับรถเลยไปกินอาหารยูนานที่บ้านรักไทย ก็เสมือนมาไม่ถึงที่ เพราะอาหารที่นี่ เป็นอาหารยูนานแท้ๆ จากคนจีนที่อพยบลี้ภัยมาอยู่เมืองไทย ดังนั้นจึงมีรสชาติดั้งเดิมแท้ๆ ผมเลือกร้าน "ต้าเหล่าซือ" บรรยากาศดี อยู่ติดกับริมอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ผมสั่งชุด "หมูพันปี" ที่ใช้เนื้อหมูติดมันสไลด์บางๆ พร้อม "ขาหมู หมั่นโถ" รสชาติเข้ากันดี แถม "เต้าหู้ทรงเครื่อง" ออกไปทางหอมเค็ม สุดท้าย คือ "ผักแม้วผัดน้ำมันหอย" ผักสดๆ เมื่อผัดแล้วให้ความหวานกรอบ ขอบอกอร่อยมากที่นอน
สถานที่พัก "นงนุชรีสอร์ท" บ้านรักไทย เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารยูนาน แถมอยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำอีกด้วย จึงได้บรรยากาศเต็มที่ บ้านพักมีอยู่เพียงไม่กี่หลัง ตกแต่งสไตล์เรียบง่าย ภายในอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ ขาดแต่ตู้เย็น เจ้าของต้อนรับดูแลเป็นอย่างดี ในราคาเริ่มต้นที่ 700 บาทเท่านั้นเรื่องโดย : วิธวินท์ ไตรพิศ
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2560
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/152817