ประสาใจ
องคุลิมาล
องคุลิมาล ถือกำเนิดจาก นางพราหมณ์มันตานี เมืองสาวัตถีของ พระเจ้าปเสนทิโกศล เป็นภรรยาของ ท่านพราหมณ์ปุโรหิต เวลา องคุลิมาล คลอดจากครรภ์มารดา พราหมณ์ปุโรหิต ได้แหงนมองดูดาวนักษัตร รู้โดยพลันว่าบุตรแห่งตนเกิดใต้ฤกษ์ดาวโจร
วันรุ่งขึ้น พราหมณ์ปุโรหิต เข้าเฝ้า พระเจ้าปเสนทิโกศล กราบทูลว่า บุตรอันเกิดจาก นางมันตานี โตขึ้นจักเป็นมหาโจร
พระราชาถามว่า เป็นโจรทำร้ายผู้คน หรือประทุษร้ายราชสมบัติ ท่านปุโรหิต กราบทูลว่าเขาจะเป็นโจรที่ไม่เป็นภัยต่อราชสมบัติ
พระราชาตรัสว่า เช่นนั้นถ้าเขาทำเหตุอันใดในอนาคต เราก็จัดการเขาเสียด้วยกองทหารของเรา จงเลี้ยงบุตรของท่านไว้เถิด
พราหมณ์ปุโรหิต พยายามทุกวิถีทาง เพื่อต่อสู้กับตำราทั้งหลายที่ว่าด้วยฤกษ์ดาวโจร แม้ชื่อของบุตรก็ตั้งว่า "อหิงสกะกุมาร" ซึ่งหมายความว่า เป็นเด็กน้อยผู้ไม่เบียดเบียนใคร
ครั้นโตขึ้น ก็ส่งบุตรไปเรียนที่เมืองตักศิลา อหิงสกะมานพ เป็นคนมีปัญญา ขยันขันแข็ง ประพฤติตนเรียบร้อย ตั้งใจเรียน และรับใช้ อาจารย์ทิศาปาโมกข์ จนเป็นศิษย์ที่พึงใจอาจารย์
ความเป็นศิษย์ที่พึงใจอาจารย์ ทำให้ศิษย์อื่นริษยาหาทางกำจัด อหิงสกะมานพ ทยอยเข้าเป่าหูอาจารย์ว่า อาจารย์จะถูก อหิงสกะมานพ ทำร้าย กรอกหูทุกวันจนอาจารย์ต้องวางแผนฆ่าศิษย์โดยใช้มือคนอื่นเพื่อปกป้องภาพลักษณ์ตน
อาจารย์วางแผนเรียบร้อย ก็เรียก อหิงสกะมานพ เข้าพบ ชี้แจงว่าศิลปะวิทยาการขั้นสุดท้าย คือ เจ้าต้องฆ่าคนให้ได้พันคน แล้วนั่นแหละความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียนก็จะมาถึง เนื่องจากพฤติกรรมนั้นเท่านั้นเป็นพิธีบูชาครู
อหิงสกะมานพ เชื่อฟัง ออกจากตักศิลาก็เข้าป่าในแคว้นโกศล อาศัยหุบเขาแห่งหนึ่ง คอยดักฆ่าคนเดินทาง
ฆ่าคนล้มตายไปเยอะ นึกขึ้นมาได้ว่า จำไม่ได้ว่าฆ่ากี่คนกี่สิบกี่ร้อย เพื่อนับจำนวนศพให้ถูกต้อง มานพโจรจึงตัดนิ้วจากศพที่ฆ่า ซึ่งพัฒนาเป็นพวงมาลัยคล้องคอ ชื่อเสียงของมานพบุตร นางมันตานี ถูกเรียกว่า "องคุลิมาล"
ชื่อเสียงของ องคุลิมาล มาถึงเมืองสาวัตถี ซึ่ง ปุโรหิตพราหมณ์ เท่านั้นตระหนักดีว่าจอมโจร องคุลิมาล ผู้นี้ มิใช่ใครอื่นนอกเสียจาก อหิงสกะกุมาร บุตรของเรา
องคุลิมาล ยังปรากฏในหนังสือเรื่อง "กามนิต-วาสิฏฐี" ที่ประพันธ์เป็นภาษาเยอรมัน โดยชาวเดนมาร์ค ถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษชื่อ "การจาริกแสวงบุญของกามนิต" ปี 2454
เป็นตอนกล่าวถึง กามนิต เมื่อเดินทางกลับกรุงอุชเชนี ถูกกองโจร องคุลิมาล เข้าปล้น และถูกจับเป็นตัวประกันเพื่อเรียกค่าไถ่
กามนิต สังเกต องคุลิมาล ผู้มีร่างสูงใหญ่ ลำคอมีนิ้วมือคนร้อยเป็นพวงคล้องไว้ 3 เส้น และโจรคนนี้มิได้กินเหล้าเมายาเช่นบรรดาโจรกองเดียวกัน และยังมีโจรหัวล้านอีกคนชื่อ วาชศรพ ทำหน้าที่แสดงรหัสยลัทธิ-อรรถกถาสำคัญ แก่พวกโจรทุกคืนวันพระ
วาชศรพ ถูกชะตากับ กามนิต เป็นผู้บอก กามนิต ว่าดวงของ กามนิต จะไม่ถูกฆ่าจากเหล่าโจร ซึ่งก็เป็นจริง เพราะคนใช้ของ กามนิต ที่เข้าไปในเมืองอุชเชนี นำเงินค่าไถ่ กลับมาทันเวลากำหนด
เมื่อ องคุลิมาล ฆ่าคนได้นิ้วมือมาคล้องคอ 999 นิ้ว ก็กระหายที่อยากจะได้นิ้วลำดับที่ 1,000 เพื่อสำเร็จหลักสูตร เปลี่ยนเสื้อผ้า เดินทางกลับไปหาบิดามารดาที่สาวัตถี
วันนั้น พระบรมศาสดาทรงตรวจดูเวไนยสัตว์ พบว่า องคุลิมาล มีอุปนิสัยพอที่จะโปรดให้บรรลุมรรคผล จึงเสด็จไปยังป่าชาลิวันในแคว้นโกศล ไม่ฟังเสียงทัดทานจากคนเลี้ยงโค เพราะทรงเห็นว่า หากไม่เสด็จอย่างเร่งรีบแล้ว องคุลิมาล ก็จะกระทำมาตุฆาต ฆ่ามารดา
องคุลิมาล เห็นพระพุทธองค์เสด็จมาแต่ไกลก็ประหลาดใจ สมณะผู้เดียว กล้าเข้ามาถึงถิ่นคิลลิงฟีลด์ของตน
ประหลาดใจเสร็จ ก็วิ่งออกไป พร้อมด้วยอาวุธ ทั้งดาบ และธนู วิ่งไล่สมณะด้วยความกระหายอยากได้นิ้วมือลำดับที่ 1,000
ความประหลาดใจสำทับเพิ่ม เพราะวิ่งอย่างสุดกำลังแล้ว ก็หาตามทันสมณะไม่ จึงหยุดยืนกับที่และร้องบอก พระผู้มีพระภาคเจ้า ว่าหยุดก่อน หยุดก่อน
พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงตรัสว่า เราหยุดแล้ว องคุลิมาล ท่านก็จงหยุดเสียด้วยเถอะ
องคุลิมาล กราบทูลว่า สมณะท่านกำลังเดินแต่กล่าวว่าหยุดแล้ว ส่วนเราซึ่งหยุดแล้ว ท่านกลับว่าเรายังไม่หยุด
"องคุลิมาลเอย เราหยุดแล้ว คือ หยุดเลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แต่ตัวท่านยังไม่หยุดฆ่าคน เรากล่าวเช่นนั้น"
ด้วยพระสุรเสียงอันแจ่มใส พระดำรัสอันคมคายของ พระผู้มีพระภาคเจ้า องคุลิมาล ถึงกับใจอ่อน รู้สำนึกผิดในทันที ทิ้งดาบและธนูลงในหุบเขาลึก เข้าไปกราบบาทพระพุทธองค์ ทูลขอบวช
นั่นคือที่มาของเอหิภิกขุอุปสัมปทา นามว่า องคุลิมาลเถระ และคฤหเพศของ องคุลิมาล ก็หายไป ไม่ช้าพระพุทธองค์ก็เสด็จพา องคุลิมาลภิกษุ เข้าสู่พระเชตวันมหาวิหาร กรุงสาวัตถี
การปรากฏตัวของ องคุลิมาลภิกษุ กลายเป็นการเดินขบวนของชาวสาวัตถี เรียกร้องให้นิติรัฐจัดการฆ่ามหาโจร
พระเจ้าปเสนทิโกศล เสด็จพร้อมด้วยกองกำลัง และเสด็จพระราชดำเนินเข้าเฝ้า พระผู้มีพระภาคเจ้า ถึงที่ประทับ ทูลว่าออกมาจับโจรชื่อ องคุลิมาล
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงยกพระหัตถ์เบื้องขวาขี้นชี้ตรัสกับพระราชาว่า ดูกร...มหาราช นั่นไงเล่า องคุลิมาล
พระราชาเห็น องคุลิมาล แล้วทรงหวาดหวั่น พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงทราบจึงตรัสว่า อย่าทรงกลัวเลย บัดนี้ องคุลิมาล มิได้เป็นภัยกับผู้ใดแล้ว บวชเป็นบรรพชิต ฉันภัตตาหารหนเดียว เว้นจากการฆ่าสัตว์ เว้นการลักทรัพย์ และเว้นการพูดเท็จ
เมื่อทรงเข้าพระทัยดี พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสรรเสริญพระพุทธคุณ สามารถปราบมหาโจรได้โดยไม่ต้องโทษอาญาและศัตราวุธ
องคุลิมาลภิกขุ ลำบากยิ่งในเรื่องการบิณฑบาต เพราะไปปรากฏตัวที่ใดชาวบ้านก็ตื่นตระหนกตกใจกลัว ปิดเรือนบ้าง หนีเข้าป่าบ้าง ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องบอกต่อๆ กันว่า องคุลิมาล มาแล้ว
เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบ ก็ทรงพระปริวิตก ทรงประสงค์ให้ องคุลิมาลเถระ ได้แสดงสัจจะกิริยากับหญิงเจ็บครรภ์ใกล้คลอด เพื่อให้คนทั้งหลายเห็นว่า องคุลิมาล กลับเป็นผู้มีเมตตาจิต กระทำแต่ความสวัสดี
"เธอจงเข้าไปหาสตรีนั้น และกล่าวกับเธอว่า"
"ดูกร...น้องหญิง ตั้งแต่เราเกิดแล้วในอริยชาติ จะรู้สึกตัวว่าแกล้งปลงสัตว์เสียจากชีวิตก็หามิได้ ด้วยสัจจะวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่าน ขอความสวัสดีจงมีแก่ครรภ์ของท่านด้วยเถิด"
องคุลิมาลเถระ ก็ทูลรับและกระทำสัจจะกิริยาให้หญิงนั้นคลอดบุตรโดยสวัสดี สิ้นคำสัจจะกิริยานั้น ทารกก็คลอดจากครรภ์มารดาอย่างง่ายดาย ทั้งบุตรและมารดาต่างปลอดภัย
ปรากฏการณ์นี้ เพราะพระพุทธองค์ทรงตรัสชี้แจงกับ องคุลิมาล ต่อความสงสัยของหญิงเจ็บครรภ์ เนื่องจากเธออาจเข้าใจว่าเป็นคำพูดเท็จ เพราะตนได้ชื่อเสียงเป็นมหาโจรโด่งดังเป็นผู้ฆ่าสัตว์จำนวนมาก
"ดูกร...องคุลิมาล ท่านอย่าได้ถือเอาเหตุนั้นเลย นั่นไม่ใช่ชาติของท่าน นั่นเป็นเวลาเมื่อท่านเป็นคฤหัสถ์ และธรรมดาคฤหัสถ์ย่อมฆ่าสัตว์บ้าง แต่บัดนี้ชาติของท่าน คือ อริยชาติ"
กาลต่อมา องคุลิมาลเถระ ได้ปลีกวิเวกออกจากคณะนักบวชไปบำเพ็ญสมณธรรมแต่ผู้เดียว ไม่นานก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์
เรื่องโดย : ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2559
คอลัมน์ Online : ประสาใจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/139047