โค้งอันตราย
ค่อยโล่งอกไปอีกเปลาะหนึ่ง
เมื่อยอดการขายของเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทำได้เฉียดฉิวกับยอดของปีที่แล้ว ขายกัน 58,635 คัน ลดลงจากปีที่แล้วเพียง 1.3 % ขณะที่ยอดรวม 7 เดือน ได้ใกล้เคียงกับปีก่อน 417,653 คัน แทบจะไม่มีความแตกต่าง เพราะขายได้น้อยกว่าแค่หลักร้อยเท่านั้นเองตัวเลขนี้ทำเอาสภาอุตสาหกรรมค่อนข้างเป็นปลื้ม ว่ายอดประมาณการ การขายในปี 2559 น่าจะได้ใกล้เคียง ทั้งยอดขาย ยอดการผลิต ส่วนยอดส่งออกนั้น ก็ต้องคอยดูอีก 5 เดือนหลัง ว่าสภาวะเศรษฐกิจโลกจะเป็นไปในทิศทางใด เอื้อต่อการขายรถยนต์ของบ้านเราหรือไม่ แต่ค่ายยักษ์ใหญ่ หมายเลข 1 ของบ้านเรา ก็ยังมองโลกในด้านดี ว่าตลาดรถยนต์ในเดือนสิงหาคม น่าจะมีแนวโน้มทรงตัว จากการเร่งเบิกจ่ายเงินลงทุนจากภาครัฐ ที่ส่งผลในเชิงบวกต่อภาพรวมของการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ประกอบกับสถานการณ์ภัยแล้งเริ่มมีสัญญาณคลี่คลาย ส่งผลให้ราคาสินค้าการเกษตรเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ทำให้กำลังซื้อภาคครัวเรือนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จากค่ายรถยนต์ต่างๆ ตลอดจนการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล กแรนด์ มอเตอร์ เซลส์ ในเดือนสิงหาคม ล้วนเป็นปัจจัยบวกสำคัญในการกระตุ้นการเติบโตของตลาดรถยนต์ แต่อย่างไรก็ดีจากความกังวลต่อความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจโลก รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศ ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัว ส่งผลให้แนวโน้มตลาดรถยนต์ในเดือนสิงหาคมยังอยู่ในสภาวะทรงตัว ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรม เปิดเผยยอดผลิตรถยนต์ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาลดลงเล็กน้อย 7.18 % ทำให้ภาพรวมของการผลิตรถยนต์ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2559 อยู่ที่ 1,147,330 คัน เติบโตที่ 4.2 % โดยที่ผ่านมา ยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคม-มิถุนายน โดยเฉพาะการผลิตเพื่อการส่งออก รวมถึงการผลิตรถยนต์นั่งที่มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องในช่วงต้นปี ปีนี้เราตั้งเป้าหมายการผลิตรถยนต์ที่ 1.95-2 ล้านคัน เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 1.93 ล้านคันเล็กน้อย ซึ่งหากดูจากทิศทางการผลิตแล้ว ต้องถือว่ามีแนวโน้มที่เป็นไปได้ จากการเติบโตของภาพรวมของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลงทุนขนาดใหญ่ที่ทำให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ ส่วนยอดจำหน่ายทั้งปีที่วางไว้ 7.5 แสนคัน น่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่จากความเห็นของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่บอกว่า ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และเชื่อว่าจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งแตกต่างกันไปตามแต่ละเซกเมนท์ แนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป ปัจจัยที่จะเป็นบวกประกอบไปด้วย รายได้เกษตรกรเริ่มดีขึ้น กลุ่มผู้ซื้อรถยนต์คันแรกครบกำหนดการถือครอง อัตราดอกเบี้ยยังทรงตัวต่ำต่อเนื่องไปถึงปีหน้า รวมไปถึงการเปิดตัวโมเดลใหม่ๆ ของค่ายรถ โดยมองว่าตลาดรถยนต์นั่งจะเติบโตได้ดีกว่า โดยที่ เอสยูวี จะมีแนวโน้มการเติบโตสูงสุด อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบที่อาจจะส่งผลกระทบและต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ แนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวที่ช้า และเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ โดยเติบโต 2.8 % ในปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเติบโต 3 % ในปีนี้และ 3.3 % ในปี 2560 ซึ่งโครงสร้างของเศรษฐกิจในปัจจุบันยังไม่เอื้อต่อการเติบโตอย่างมากในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ายอดจำหน่ายรถยนต์แต่ละเดือนน่าจะอยู่ที่ระดับ 6.5 หมื่นคัน หรือมียอดขาย 7.5-7.6 แสนคัน ลดลงราว 5 % จากปีที่ผ่านมา สำหรับในปี 2560 คาดว่าตลาดรถยนต์ไทยน่าจะมีการเติบโตอย่างมาก และเชื่อว่าอาจจะกลับไปมียอดจำหน่ายได้สูงสุดถึง 8.8 แสนคันในกรณีที่ดีที่สุด หากมีการกระตุ้นตลาดที่เหมาะสมและผู้บริโภคมีความต้องการซื้อรถยนต์รุ่นใหม่ และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้เชื่อว่าการกลับมาของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคตในระยะยาวอาจจะไม่แข็งแกร่งเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจนั้นไม่ได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ แต่เชื่อว่าในช่วงปลายปีน่าจะมีการออกมาตรการใหม่ๆ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์มา ซึ่งน่าจะเป็นแรงกระตุ้นให้กับผู้ประกอบการในการผลักดันตลาดรถยนต์ร่วมกันเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องในอนาคตทั้งหมดทั้งมวล ก็เห็นได้จากแคมเปญการขาย เอาแค่ที่ปรากฏกันในโฆษณาที่มองเห็นได้ง่าย ก็แทบจะรู้สึกได้เลย ว่าที่จริงการขายก็ไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่มานั่งคุยกันนัก การทำแคมเปญของผู้ประกอบการร่วมกับผู้ประกอบการทางการเงิน ซึ่งเป็นตลาดของผู้บริโภคที่ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม ซึ่งทำให้ภาพรวมของธุรกิจยานยนต์มีความคึกคักและเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ก็น่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับผู้บริโภค ที่ยังสามารถเลือกหาซื้อรถยนต์ไว้ใช้ ตามแต่สถานะทางการเงิน ที่อัตราดอกเบี้ยเอง ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากมายอย่างใด ยังคงใกล้เคียงกับในช่วงที่ผ่านมา ถ้าจำเป็นต้องซื้อรถไว้ใช้งาน ก็ขอแนะนำว่า ให้เลือกหาเลือกซื้อให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ น่าจะเป็นเรื่องที่ปลอดภัยสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะที่นี่เองก็ยังไม่สามารถบอกไ้ว่า สภาวะเศรษฐกิจโลกในอนาคต หรือในปีหน้า จะเป็นอย่างไรบ้าง และจะกระทบมาถึงบ้านเราได้มากมายขนาดไหน เพื่อความปลอดภัย ก็น่าจะตัดสินใจกันเสียตั้งแต่ตอนนี้ น่าจะดีที่สุด
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2559
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/136393