ประสาใจ
ชัยชนะจะเป็นของชาวโลก
การศึกษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์โดยทีมงาน มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ค้นพบเชื้อไวรัส เอชไอวี เริ่มจะมีอันตรายน้อยลง และอ่อนแรงในการแพร่ระบาด เนื่องจากแปรสภาพเป็นน้ำจืดจางเมื่อกระทบกับภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์
การค้นคว้าพบด้วยว่า เชื้อไวรัสใช้เวลานานขึ้นในการเปลี่ยนสภาพเป็นโรคเอดส์ การแปรเปลี่ยนของเชื้อไวรัสจะช่วยให้การระบาดของมันชะลอตัว โดยนักไวรัสวิทยาบางคนกล่าวว่า เชื้อไวรัสจะพัฒนาไปในทิศทาง ไม่มีอันตรายถึงชีวิต
ก่อนโลกรู้จักเอดส์ ผมเป็นผู้ชายอีกคนหนึ่งที่เดินทางไปถึงที่ใด แผ่นดินใด มักจะต้องขอ "ไปให้ถึงที่นั้น แผ่นดินนั้น" เพราะนักหนังสือพิมพ์รุ่นพี่เคยสอนว่า
"ถึงวัน เอาวัน, ถึงคืน เอาคืน"
ผมก็เพียรปฏิบัติตาม ซึ่งทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เป็นอารมณ์อันไม่สามารถเอาอกเอาใจได้ แต่หลังจาก เอดส์ ระบาด เรี่ยวแรงแห่งการต่อสู้ของผมหดหายด้วยความกลัว กลัวหัวหดตดหายแบบนั้นแหละ
นึกไม่ถึงว่า ชาตินี้กลัวเมียอย่างเดียวน่าจะแฟร์ ดันกลัวเอดส์อีกต่างหาก เพียงเพราะคำเดียวที่บรรยายสรรพคุณเอดส์ คือ "ตาย" ผมกลัวยิ่งกว่าคำสั่งห้ามเที่ยวผู้หญิงของเมีย
ปัจจุบัน มีข้อมูลระบุว่า มนุษย์ไม่ต่ำกว่า 35 ล้านราย ติดเชื้อเอชไอวี การศึกษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์พบว่า ร่างกายมีสงครามเกิดขึ้น เป็นสงครามล้างผลาญระหว่าง ภูมิคุ้มกัน กับไวรัส
เป็นที่ทราบกันดีว่า เชื้อเอชไอวี เป็นนักปลอมตัวชั้นหนึ่ง มันสามารถเปลี่ยนรูปทรงโดยไม่ยากเพื่อหลีกเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งขณะนี้พบว่า งานของมันกลายเป็นงานที่ยากขึ้น โดยระบบภูมิคุ้มกันกลับเป็นฝ่ายทรงประสิทธิภาพ
ศาสตราจารย์ฟิลิป กูลเดอร์ แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด กล่าวว่า
"ไวรัสจะถูกกักบริเวณไม่มีทางออก และถ้ามันเปลี่ยนสภาพ มันก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดี ศักยภาพของมันต่อการเดินทางลดลง เป็นผลทำให้เอดส์เกิดยาก หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง เชื้อไวรัสต้องใช้เวลานานกว่าจะเป็นเอดส์"
ทีมงานค้นคว้า แสดงผลการค้นคว้าที่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจในแอฟริกา ด้วยการเปรียบเทียบระหว่างบอตสวานา ถิ่นซึ่งโรคเอดส์สร้างปัญหาอย่างยาวนาน กับแอฟริกาใต้ แผ่นดินซึ่งเชื้อเอชไอวีระบาดมาถึงในทศวรรษต่อมา
ศาสตราจารย์ฟิลิป กูลเดอร์ กล่าวด้วยว่า ทีมงานเห็นกับตา รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นการเปลี่ยนไปอย่างคาดไม่ถึง เนื่องด้วยเชื้อไวรัสมีความสามารถต่อการแพร่ระบาดเชื่องช้าลง และนั่นย่อมหมายถึง ความสำเร็จของตัวยาฆ่าเชื้อ
"เมื่อ 20 ปีก่อน โรคเอดส์ใช้เวลา 10 ปี แต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในบตสวานา ระยะเวลายืดยาวออกไปเป็น 12.5 ปี ภาพโดยรวมต้องถือว่าการค้นคว้าของเราประสบความสำเร็จ"
หากสูตรนี้มีความเป็นไปได้ เชื้อไวรัสเอชไอวีแห่งอนาคตกาล ก็น่าจะสูญพันธุ์ไปในที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม ทีมงานมีคำเตือนว่า เชื้อไวรัสเอชไอวีที่จืดจางนั้น ยังมีอันตรายต่อการเพาะเชื้อให้กลายเป็นเอดส์ขึ้นมาได้เสมอ
เชื้อไวรัสเอชไอวี ตั้งต้นจากพิภพวานร และเป็นโรคติดต่อแบบอ่อนๆ ศาสตราจารย์โจนาธาน บอลล์ แห่งมหาวิทยาลัยนอททิงแฮม กล่าวผ่านรายการโทรทัศน์บีบีซี ของอังกฤษ
"หากทิศทางดังกล่าวของการศึกษาเดินหน้าต่อไป เราคงได้เห็นภาพใหม่ของโลก เชื้อไวรัสอันยาวนานหมดฤทธิ์ สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นประวัติศาสตร์ แต่สิ่งที่เราพูดถึงนั้น หมายถึง ห้วงเวลาที่กว้างไกลอย่างมากๆ"
ศาสตราจารย์แอนดรูว์ ฟรีดแมน จากมหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ ชี้ว่า การศึกษาค้นคว้าเรื่องนี้ใช้ยุทธการให้กลอุบายเป็นพระเอก
"ทีมงานฉลาดที่เลือกใช้บอตสวานา เป็นพื้นที่แสดงผลงาน ทุกคนรู้ดีว่า พื้นที่ในบอตสวานาเป็นแหล่งร้ายกาจของเชื้อเอชไอวี ดังนั้นการใช้กลอุบายในการปราบปรามจึงเป็นเรื่องน่าตื่นตะลึง"
UNITED NATIONS AIDS รายงานเมื่อ 16 กค. 2557 ว่ามีโอกาสที่การระบาดของโรคเอดส์จะถูกควบคุมได้ภายในปี 2573 หรืออีก 16 ปีข้างหน้า
รายงานระบุด้วยว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเอชไอวี และความตายที่เกิดจากเอดส์ มีจำนวนน้อยลง แต่สหประชาชาติก็เตือนว่า ความเพียรพยายามของนานาชาติในการต่อสู้กับเอดส์ยังคงต้องดูแลอย่างเต็มที่เป็นปกติ
รวมถึงการบริจาคยาบำบัดเชื้อไวรัสเอชไอวี ก็ยังเป็นกิจกรรมพิเศษที่ต้องปฏิบัติ ไม่ควรละเว้น ตาม รายงานที่บอกว่า ประชากรชาวโลกวันนี้ 35 ล้านราย ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี
เฉพาะปี 2013 มนุษย์เป็นเอดส์เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านราย น้อยกว่าเหยื่อเอดส์ 3.4 ล้านรายในปี 2011 ถึง 38 % นั่นเป็นคำตอบว่า เอดส์คร่าชีวิตมนุษย์น้อยลงปีละ 1.5 ล้านราย ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา
หรือแปลว่า 5 ปีที่ผ่านมา สงครามต่อสู้เอดส์ของมวลมหามนุษย์ในโลกมีสัมฤทธิภาพมากขึ้นกว่าเมื่อ 23 ปีก่อน
สหประชาชาติยังรายงานด้วยว่า จากความชัดแจ้งในการศึกษาค้นคว้าที่ระบุถึงจุดแข็งจุดอ่อน เชื่อได้ว่า เอดส์จะสูญพันธุ์
การอ้างถึงการล่มสลายของเอดส์ในปี 2573 ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่อสู้ในปี 2563 ถ้าอยู่ในร่องในรอยก็แปลว่า 15 ปีข้างหน้า เอดส์เสร็จแน่นอน แต่ถ้า 5 ปีจากนี้ยังไม่สำแดง เราก็จำเป็นต้องบวกเพิ่มไปอีก 1 ทศวรรษ ไปโน่นเลย ปี 2583
ประชาชนชาวไนจีเรีย 80 % ไม่ได้รับการบำบัด ดร. เจนนิเฟอร์ คอห์น ผู้อำนวยการ MEDECINS SANS FRONTIERES กล่าวในรายงานสหประชาชาติ และอ้างถึงประชากรด้อยพัฒนาอีกมากไม่ได้รับการบำบัดเหมือนเช่นที่ประชากรชาวโลกในประเทศที่พัฒนาแล้วได้รับ
"จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องไม่ทอดทิ้งคนไข้แม้แต่รายเดียว" ดร. คอห์น กล่าว "ในบางประเทศ คนไข้ได้รับการบำบัดช้าเกินไปที่จะรอดตาย หรือสตรีมีครรภ์ก็เช่นกัน ไม่ได้รับการดูแลจากแพทย์ในระยะอันควร"
เอดส์เป็นเรื่องน่าเครียด ที่ต้องบันทึกไว้ก็เพื่อสังคมโลกกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเปลี่ยนไป และอย่าเข้าใจว่า ผมจะเป็นผู้ชายที่ดีมากเพราะกลัวเอดส์ เนื่องจากต้องยอมรับว่า ที่สุดแล้วผมก็อดเสี่ยงตายไม่ได้โดยใช้ถุงยางนิรภัย
"ถุงมีชัย" ได้รับความนิยมทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งชายและหญิง เพราะมนุษย์เป็นโรคกลัวเอดส์เหมือนผม และมีความเชื่อว่า ถุงมีชัยช่วยได้โดยไม่เดือดร้อนโรงหมอ
เพื่อบรรเทาความเครียด และเพื่อต้อนรับ "วันวาเลนไทน์" ผมขออนุญาตเล่าเรื่องคลายเครียดสักเรื่อง
หญิงสาวคนหนึ่งเอนตัวลงนอน กล้ามเนื้อเริ่มรัดตัวด้วยความตื่นเต้น พยายามยกมือป้องชายผู้นั้นแต่เขาก็ปฏิเสธ คงย่างสามขุมเข้าหาอย่างไม่หวั่นอันตราย
ฝ่ายชายถามว่า เธอกลัวหรือ ? หญิงสาวใจแข็งฝืนตอบว่า ไม่กลัว ผู้ชายดูจะเป็นผู้ชำนาญการ แต่นิ้วของเขาที่แตะลงมาต้องหญิงสาวเป็นประสบการณ์ครั้งแรก
ฝ่ายชายแหย่ลึกลงไปอีก ฝ่ายหญิงมีอาการสั่นสะท้าน ฝ่ายชายปฏิบัติการต่อไปบนพื้นฐานความสุภาพตามที่ลั่นปากแต่แรก
เขามองดูเธอ ทั้ง 2 คนสบตากัน เขาบอกเธอว่าให้ไว้ใจ นี่เป็นงานที่เขาทำมาแล้วนับไม่ถ้วนว่ากี่ครั้งกี่หน
ยิ้มอันเยือกเย็นของเขา ทำให้เธออ้ากว้างขึ้นเพื่อเปิดทางสะดวกให้ฝ่ายชาย เธอเริ่มวิงวอนขอให้เขาเร่งมือขึ้น แต่เขาก็ยังช้า เหมือนต้องการให้เธอเจ็บน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขายิ่งเข้าลึก กดหนักขึ้น เธอรู้สึกว่า บีบกระดาษเช็ดมือในมืออย่างลืมตัว
เธอรู้สึกเจ็บไปทั่วสรรพางค์ และรู้สึกว่า น่าจะมีโลหิตออก ฝ่ายชาย มองตาเธอแล้วถามว่า เจ็บหรือ
ดวงตาของเธอเอ่อด้วยน้ำตา แต่เธอก็ใจแข็ง สั่นศีรษะเล็กน้อยแล้วพยักหน้าเป็นสัญญาณให้เขาทำต่ออย่าหยุด
เขาก็เลยทำไม่หยุดด้วยความเชี่ยวชาญ ส่วนเธอเองก็หมดความรู้สึกที่จะต้าน
ครู่หนึ่ง เธอรู้สึกรอดตายเมื่อเขาเอาสิ่งนั้นออกจากตัวเธอ เธอนอนหายใจเต้นแรง รู้สึกโสมนัสที่จบข่าว เขามองเธออีกครั้งพร้อมด้วยยิ้ม ก่อนจะชมว่า เธอนี่โคตรดื้อกว่าทุกคนที่เขาเคยทำ
เธอขอบคุณ...เขาคือทันตแพทย์ ส่วนเธอเป็นคนไข้ที่เข้ามาถอนฟันเป็นครั้งแรก...!!!
เรื่องโดย : ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2558
คอลัมน์ Online : ประสาใจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/13561