BENTLEY MULSANNE SPEED

กลยุทธ์เก่าแก่ขนานแท้และดั้งเดิมอีกอย่างหนึ่ง ที่บรรดาผู้ผลิตรถสปอร์ทและรถสมรรถนะนิยมกระทำกันจนเป็นเรื่องปกติ คือ การนำรถที่มีอยู่แล้วในสายการผลิตมาขัดสีฉวีวรรณให้ปรากฏการเปลี่ยนแปลง ถอดเครื่องยนต์บลอคเดิมออกทั้งชุด แล้วแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ที่ให้กำลังสูงขึ้น หรือใช้เครื่องยนต์บลอคเดิมแต่ปรับแต่งให้เรี่ยวแรงสูงขึ้น เสร็จสรรพก็นำออกสู่โชว์รูมในชื่อรุ่นที่ยืดยาวกว่าเดิม ติดป้ายราคาที่อาจจำเป็นต้องใช้ตัวเลขมากกว่าเดิม ซึ่งผลลัพธ์ในที่สุดก็คือ การทำกำรี้กำไรได้ดีกว่าเดิมนั่นเอง เดือนนี้มีตัวอย่างของรถซึ่งกำเนิดขึ้นจากกลยุทธ์ที่ว่านี้มาเล่าสู่กันฟัง 1 รุ่น คือ รถหรู รถแรง รถเร็ว ติดป้ายชื่อ เบนท์ลีย์ มุลซานน์ สปีด (BENTLEY MULSANNE SPEED) ซึ่งนับเป็นรถใหม่อีกแบบหนึ่ง ซึ่งเพิ่งปรากฏตัว "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์ปารีสครั้งล่าสุด เมื่อต้นเดือนตุลาคมของปีม้าพยศ เป็นการอวดตัวพร้อมคำกล่าวอ้างว่าเป็น THE FASTEST ULTRA-LUXURY DRIVING EXPERIENCE IN THE WORLD หรือ "รถซึ่งให้ประสบการณ์การขับขี่รถระดับสุดหรูและอัครฐานที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก" ยอดผู้ผลิตรถหรูและรถสปอร์ทของเมืองผู้ดีซึ่งปัจจุบันมีเจ้าของนั่งเคี้ยวไส้กรอกอยู่ในเมืองเบียร์ เริ่มบรรจุรถเก๋งซาลูนระดับอัครฐานติดป้ายชื่อ เบนท์ลีย์ มุลซานน์ (BENTLEY MULSANNE) เข้าสู่สายการผลิตเมื่อปี 1980 อันเป็นปีที่ยังไม่ได้ตัดญาติขาดมิตรกับค่าย โรลล์ส-รอยศ์ (ROLLS-ROYCE) รถรุ่นดังกล่าวเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับรถ โรลล์ส-รอยศ์ ซิลเวอร์ สปิริท/ซิลเวอร์ สเปอร์ (ROLLS-ROYCE SILVER SPIRIT/SILVER SPUR) และอยู่ในสายการผลิตเพียง 1 ทศวรรษเศษก็ถูกปลดออกไปเมื่อปี 1992 ส่วนที่อยู่ในสายการผลิตขณะนี้เป็นรถรุ่นที่ 2 เพิ่งออกจำหน่ายเมื่อต้นปี 2012 เป็นรถชื่อเดิมแต่หน้าตาและรูปทรงของตัวถังซึ่งยาว 5.575 ม. กว้าง 1.926 ม. สูง 1.521 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.33 ไปกันคนละคุ้งละแควกันเลยกับรถรุ่นแรก ส่วน เบนท์ลีย์ มุลซานน์ สปีด (BENTLEY MULSANNE SPEED) ที่เห็นอยู่ในขณะนี้ มีข้อแตกต่างมากมายเมื่อเทียบกับรถซึ่งเป็นที่มาและไม่มีชื่อ SPEED ห้อยท้าย อย่างไรก็ตามหากใครสักคนพยายามจะค้นหาข้อแตกต่างนี้จากคนของ เบนท์ลีย์ ในเมืองผู้ดี เชื่อได้เลยว่าคำตอบที่จะได้รับก็คือ ความแตกต่างซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของรถ 2 รุ่นนี้ อยู่ตรงที่ว่า มุลซานน์ คือ รถสำหรับเจ้าของรถที่จ้างคนขับ ในขณะที่ มุลซานน์ สปีด คือ รถสำหรับเจ้าของรถที่ชอบขับรถเอง ชัดใช่ไหม ? วิจารณ์กันในเมืองผู้ดีว่า หากคนของ เบนท์ลีย์ กล้าให้คำตอบอย่างที่กล่าวข้างต้น ที่มาที่ไปก็คือ ผลลัพธ์จากการทดสอบที่ชี้ชัดว่า การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนานาประการเพื่อทำให้ มุลซานน์ เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็น มุลซานน์ สปีด ได้ผลลัพธ์เป็นรถรุ่นใหม่ที่ตอบสนองผู้ขับได้ดี และทันอกทันใจกว่าเดิมถึงร้อยละ 15 และคงกล่าวไม่ได้เลยว่า หัวใจของการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์ใน เบนท์ลีย์ มุลซานน์ ซึ่งติดป้ายค่าตัว 228,200 ปอนด์ หรือเท่ากับประมาณ 11.5 ล้านบาทไทย เมื่อซื้อขายกันในเกาะอังกฤษ เครื่องยนต์ที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ฝากระโปรงหน้า เป็นเครื่องทวินเทอร์โบเบนซิน OHV วี 8 สูบ 6,750 ซีซี ซึ่งให้กำลังสูงสุด 337 กิโลวัตต์/512 แรงม้า ที่ 4,200 รตน. และแรงบิดสูงสุด 1,020 นิวตัน-เมตร/104.1 กก.-ม. ที่ 1,750 รตน. ส่วนใน เบนท์ลีย์ มุลซานน์ สปีด เครื่องยนต์ยังใช้บลอคเดิม แต่ปรับแต่งจนกำลังสูงสุดพุ่งขึ้นเป็น 395 กิโลวัตต์/537 แรงม้า ที่ 4,200 รตน. และกำลังสูงสุดเพิ่มเป็น 1,100 นิวตัน-เมตร/112.2 กก.-ม. ที่ 1,750 รตน. ส่วนระบบเกียร์เพื่อส่งทอดกำลังสู่ล้อคู่หลังยังคงเดิม คือ ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ZF QUICKSHIFT พละกำลังที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 และแรงบิดที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 ดังที่กล่าวข้างต้น ส่งผลกระทบต่อตัวเลขสมรรถนะความเร็วอย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่เคยทำได้ใน 5.3 วินาที ลดเหลือเพียง 4.9 ส่วนความเร็วสูงสุดที่เคยทำได้ 296 กม./ชม. ก็เพิ่มขึ้นอย่างทันตาทันใจเป็น 305 กม./ชม. ที่ต้องบอกไว้ด้วยแม้ว่าผู้ที่คิดจะเป็นเจ้าของรถระดับนี้คงไม่ใส่ใจสักเท่าไร คือ อัตราสิ้นเปลือง ซึ่งมีค่า 22.8 ลิตร/100 กม. หรือ 4.4 กม./ลิตร เมื่อวิ่งในเขตเมือง และลดเป็น 9.9 ลิตร/100 กม. หรือ 10.1 กม./ลิตร เมื่อวิ่งนอกเมือง ส่วนค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 14.6 ลิตร/100 กม. หรือ 6.8 กม./ลิตร ส่วนอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ค่อนข้างจะหนักหนาสาหัส คือ มีค่าเฉลี่ยที่สูงถึง 342 กรัม/กม. นั่นเทียว   BENTLEY MULSANNE SPEED * รถระดับอัครฐานที่เร็วที่สุดในโลก * เครื่องเทอร์โบเบนซิน วี 8 สูบ 537 แรงม้า * ขับเคลื่อนล้อหลัง/เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ * อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 4.9 วินาที * ความเร็วสูงสุด 305 กม./ชม.