รู้ไว้ใช่ว่า
ไม่รู้มันเรื่องใหญ่ ?
คนทุกวันนี้ รวมทั้งตัวผม มักออกแนว
"ตูรู้ดีน่า ไม่ไง่ ไม่ต้องบอกหรอก"
ถ้าจริง ก็โอเค อย่างน้อยๆ สูเอาตัวรอดได้ ไม่ตกเป็นข่าว "หน้าหนึ่ง" ถึงระดับโลก ตัวอย่างเช่น นักแสดงเชื้อสายรัสเซีย "แอนทัน เยลชิน" อายุ 27 ปี รับบท "เชคอฟ" ในหนังเรื่อง "สตาร์ ทเรค" ร่วมบังคับยานเอนเตอร์พไรส์ ธรรมดาซะที่ไหน เขาใช้รถยนต์เกียร์อัตโนมัติ แล้วไม่ใส่เบรคมือ ไม่ใส่เกียร์จอด หันหลังให้รถไปทำธุระใกล้ๆ แถวนั้น รถทั้งคันไหลลงมาอัดร่างกับเสา จนตายคาที่ เป็นข่าวทั่วโลก น่าเศร้า
บ้านเราก็ประจำ เร็วๆนี้ หญิงเจ้าของรถโดนเก๋งอัด ทรุดลงไปตายคาท้องรถ ก่อนหน้านั้นชายหญิงเป็นข่าวอยู่เรื่อย
อันที่จริงไม่ยากเลย หากทำความเข้าใจซะหน่อย
"ใช้รถเกียร์อัตโนมัติ" มันมีข้อควรระวัง หากพื้นจอดไม่ราบเรียบ มีหรือไม่มีเนิน รถเลื่อนไหลได้ จุดนี้ต้อง
"กลัวตาย"
จะลงจากรถ แน่ใจนะว่า "ดึงเบรคมือ ใส่เกียร์จอด" ต้องเชคให้ดี เสียเวลานิดเดียว อย่ารีบร้อน "มันคือความตายสุดแสนทุเรศ" มีคนเห็นตำตา ก็ช่วยไม่ทัน เรื่องจริง คนเราอะไรจะรีบร้อน จน "ลืมตาย" ขนาดนั้น
เรื่องถัดมา หลัดๆ นี่เองครับ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเช่นกัน
วันที่ 30 พฤษภาคม 2559 นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน แจ้งว่ากรมได้ส่งหนังสือ ถึงปั๊มน้ำมันและสถานีขายแกสแอลพีจีทุกแห่ง ให้เข้มงวดความปลอดภัย ขณะเติมน้ำมันเชื้อเพลิง โดยบังคับให้ เติมน้ำมันต้องดับเครื่อง-ห้ามโทรศัพท์-ห้ามสูบบุหรี่ (หมายถึง งดหมดทั้ง 3 อย่าง)
เป็นกฎกระทรวงที่เอาผิดเฉพาะ "ปั๊มน้ำมันปั๊มแกส" ครับท่าน ชาวบ้านที่ฝ่าฝืน ไม่ยักโดน แต่ปั๊มเดือดร้อน เพราะโทษไม่ธรรมดา ร้องเจี๊ยกเป็นลิงโดนน้ำร้อนละกัน คุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ไปถึงขั้นไม่ต่อใบอนุญาต
เป็นนิสัยตามใจ คือ ไทยแท้ ของคนบ้านเรานั่นแหละตัวเอง พอเกิดเรื่องขึ้น ถึงตาตั้ง ส่วนใหญ่มักจะมาในแนว
"เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอกน่า ใช้รถไปเติมน้ำมัน ตูไม่เคยดับเครื่องยนต์ จนรถผุนับไม่ถ้วน คุยซะอีก มันไม่มีปัญหานี่นา" พูดง่ายๆ พวกเราไม่ถนัดการระวังป้องกัน เอาสบายเข้าว่า ก็อยู่ที่ทางการจะกวดขัน ดัดนิสัยคนไทยได้แค่ไหน บอกตรงๆ หนักใจ ถ้าไม่เอาผิดคนใช้รถ
ผมไปที่ปั๊ม รถบัสกระดี๊กระด๊าลงมาเติมน้ำมัน ติดเครื่องกระหึ่ม เด็กปั๊มเตือนไม่พอใจ มันต้องโดน ถึงจะรู้สึก
ยาวไปถึงคดีความของเรา ถึงจะครบเครื่อง
ครับ บริการต่างๆ ของรัฐ มักมีช่องทางสำหรับคนเบี้ยน้อย เช่น การรักษาพยาบาล ซึ่งไทยเราได้รับคำชมมากมาย ที่เมตตาคนยากจน และเลยเถิดไปถึงคนต่างด้าว ด้วยปะไร สหรัฐฯ ยังทำไม่ได้
บริการที่ไม่มีใครอยากใช้ หากไม่จำเป็น คือ "โรงศาล" เขาเรียกเก็บค่าฤชาธรรมเนียม โดยเฉพาะคดีแพ่ง เป็นแสนเป็นล้านก็มี ตามจำนวนทุนทรัพย์ เพื่อไม่ให้คนแห่ไปหาเรื่องง่ายนัก ใช้ชื่อน่าชังว่า "คดีอนาถา" มีเหมือนกัน ตูมีเงิน แต่ไม่อยากจ่าย ยอมเป็นคนอนาถาซะงั้น
งานนี้ "นางล้นหลาม" แกเถียงศาลว่า พ่อแม่ตั้งชื่อให้เท่ๆ แต่ฐานะตอนนี้แย่เจ้าค่ะ จึงขอยื่นฎีกาโต้แย้งคำตัดสินศาลอุทธรณ์แบบคนอนาถา ขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล ซึ่งให้หล่อนแพ้คดี จ่ายอาน
ศาลชั้นต้นด่านแรก อ่านคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า เอาเหอะหนู ให้เวลา 20 วัน หาเงินมาชำระซะ นี่ไม่ได้หมายถึงการขยายเวลายื่นฎีกานะ อย่าเข้าใจผิด ถ้าเธอไม่ชำระค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกา ในเวลานั้นละก็ ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งไม่รับฎีกานะเอ้อ
นางล้นหลาม ไม่ธรรมดา หาทางให้จงได้ ด้วยการยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น อ้างนั่นนี่ขอให้เปลี่ยนแปลงคำสั่ง แล้วรับฎีกาอย่างคนอนาถาของหนูเถิด ไม่ใช่ให้ดิฉันหาเงินมาจ่ายใน 20 วัน
ศาลชั้นต้นปวดหัวเหมือนกัน อ่านอุทธรณ์ของ นางล้นหลาม ที่ตื้อสะบัด แล้วสั่งยก ไม่รับอุทธรณ์
นางล้มหลาม ไม่ยอมง่ายๆ ยื่นฎีกาโต้แย้งอีกตามเคย
ศาลฎีกาเซ็งเป็ด เล็งดูแล้วชี้ขาดว่า นางล้นหลาม ฎีกาอย่างคนอนาถา สำหรับการยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น ที่ให้หล่อนหาเงินมาจ่ายใน 20 วัน มันไม่ทำให้คำสั่งศาลชั้นต้นสะดุดหยุดลง หรือทำให้สิทธิการวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นฎีกาสะดุดหยุดอยู่ จนกว่าศาลฎีกาจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเป็นเรื่องระหว่างศาลชั้นต้นกับ นางล้นหลาม ถ้าศาลฎีกามีคำสั่งเป็นอื่น คำสั่งศาลฎีกาย่อมลบล้างคำสั่งศาลชั้นต้นไปในตัว ศาลชั้นต้นไม่ต้องรอฟังคำสั่งศาลฎีกาก่อน ไม่งั้นคำสั่งศาลชั้นต้นจะไร้ผล เมื่อ นางล้นหลาม ใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น แต่อุทธรณ์ยื่นเกินกำหนด และศาลฎีกาสั่งยกคำร้องของ นางล้นหลาม ซะแล้ว เท่ากับ นางล้นหลาม ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์มาแต่ต้น แม้ นางล้นหลาม ไม่ทราบคำสั่ง เนื่องจากย้ายไปรับราชการที่อื่น ไม่ได้รับหมายนัดจากศาลชั้นต้น ให้มาฟังคำสั่งศาลฎีกา และนางล้นหลาม ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งศาลฎีกาให้จำเลยฟังใหม่ แม้ศาลชั้นต้นอ่านใหม่ นางล้นหลาม ก็ต้องผูกพันตามศาลชั้นต้น เป็นกรณีล่วงเลยเวลาที่ นางล้นหลาม จะชำระค่าธรรมเนียมศาลแล้วละ งานนี้จอดป้าย แพ้คดีที่ศาลตัดสินไว้ โดยไปไม่ถึงศาลฎีกา แม้พยายามอย่างสุดๆ ก็ตามที
สรุปง่ายๆ นางล้นหลาม ตื้อแหลก ขณะที่ทนายก็มีงานทำไม่หยุด ได้ค่าจ้างไปเรื่อย นางล้นหลาม ซื้อความหวังไปเรื่อย นั่งเมาท์ว่า คดีจะชนะยังงั้นยังงี้ ฝันหวานตลอด นี่คือสภาพของคน "ค้าความ" อย่างหนึ่ง เพลียเลยละ
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6167/2544
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2559
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/134646