ระเบียงรถใหม่
CITROEN E-MEHARI
เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่เพิ่งผ่านพ้นไป ค่าย ฟอร์ด ยุโรป (FORD EUROPE) ออกข่าวเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ ว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีลิงหลอกเจ้านี้ ฟอร์ด ยุโรปสามารถสร้างสถิติยอดขายขึ้นใหม่ได้หลายรายการ ตัวอย่างเช่น เป็นครึ่งปีแรกที่ขายรถยนต์ทุกชนิดในกลุ่มประเทศ EURO 20 ได้มากที่สุดนับแต่ครึ่งแรกของปี 2010 และเป็นครึ่งปีแรกที่ขายรถเพื่อการพาณิชย์ในกลุ่มประเทศ EURO 20 ได้มากที่สุดนับแต่ปี 1993 (ตามความหมายของ ฟอร์ด ยุโรป กลุ่มประเทศ EURO 20 ที่กล่าวนี้ ประกอบด้วย ออสเตรีย เบลเยียม สหราชอาณาจักรอังกฤษ สาธารณรัฐเชค เดนมาร์ค ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีก ฮังการี ไอร์แลนด์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โปแลนด์ โปรตุเกส โรมาเนีย สเปน สวีเดน และสวิทเซอร์แลนด์)
ฟอร์ด ยุโรปบอกว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2016 นี้ สามารถขายรถทุกชนิดในกลุ่มประเทศ EURO 20 ได้รวมทั้งสิ้น 718,700 คัน คือ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 7.5 จากตัวเลขที่เคยทำได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2015 และเท่ากับร้อยละ 7.9 ของยอดขายโดยรวมในตลาดซึ่งอยู่ระดับ 9,071,700 คัน ตลาดใหญ่ที่สุดของรถ ฟอร์ด คือ สหราชอาณาจักรอังกฤษซึ่งมียอดขายประมาณ 231,500 คัน ถัดไป คือ เยอรมนี 144,400 คัน อิตาลี 82,300 คัน ฝรั่งเศส 58,400 คัน และตุรกี 53,500 คัน
ฟอร์ด ยุโรปยังบอกด้วยว่า เมื่อแยกยอดขายตามรุ่นของรถก็จะพบว่า รถที่ขายได้มากที่สุด คือ รถเก๋ง ฟอร์ด ฟิเอสตา (FORD FIESTA) ที่ขายได้ประมาณ 158,000 คัน ถัดไป คือ รถเก๋ง ฟอร์ด โฟคัส (FORD FOCUS) 117,900 คัน รถกิจกรรมกลางแจ้ง ฟอร์ด คูกา (FORD KUGA) 63,000 คัน รถตู้ ฟอร์ด ทรานซิท คัสตอม (FORD TRANSIT CUSTOM) 58,000 คัน และรถอเนกประสงค์ ฟอร์ด ซี-แมกซ์ (FORD C-MAX) 46,300 คัน จุดที่น่าสังเกตก็คือ รถขายดีติดอันดับ "ทอพธรี" ของ ฟอร์ด ยุโรปล้วนเป็นรถขนาดเล็กทั้งสิ้น
เกี่ยวกันหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ? ทราบแต่เพียงว่ารถที่นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังใน "ระเบียงรถใหม่" เดือนนี้ล้วนเป็นรถขนาดเล็กด้วยกันทั้งนั้น คือ ไม่มีคันใดเลยที่มีตัวถังยาวกว่า 4 เมตรครึ่ง คันเล็กที่สุดมีตัวถังยาวแค่ 3.600 ม. ส่วนคันโตที่สุดก็ยังมีตัวถังที่ยาวเพียง 4.470 ม. แถมเป็นรถสารพัดประเภท คือมีทั้งรถเก๋งแฮทช์แบค รถเก๋งซีดาน รถเก๋งคูเป และรถกิจกรรมกลางแจ้งเปิดประทุน รวมทั้งเป็นรถสหประชาชาติ คือ มีทั้งรถจากเมืองน้ำหอม รถสายเลือดเยอรมัน รถสายพันธุ์โสม และเป็นรถหลากหลายระบบขับ คือ มีทั้งรถเบนซิน รถดีเซล รถไฮบริดชนิดไม่ต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ รถไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ อย่างที่เรียกกันว่ารถ พลัก-อิน ไฮบริด (PLUG-IN HYBRID) และรถที่วิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ไม่มีการติดตั้งเครื่องยนต์แบบใดๆ ไม่ว่าเบนซิน หรือดีเซล
เปิดระเบียงด้วยรถจากเมืองน้ำหอม คือ ซีตรอง อี-เมฮารี (CITROEN E-MEHARI) ซึ่งเริ่มการจำหน่ายในเมืองแม่มาหลายเดือนแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ยังไม่มีจังหวะเหมาะที่จะนำมาเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังเหมือนที่ตัดสินใจทำในเดือนนี้ เป็น COMPACT SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดเล็กกะทัดรัด ซึ่งเป็นผลงานจากร่วมมือของค่าย "จ่าโท" กับค่าย BALLORE GROUP ซึ่งเป็นผู้ชำนาญการด้านรถพลังไฟฟ้าของเมืองน้ำหอม เป็นรถที่ไม่ได้กำเนิดขึ้นโดยไม่มีที่มาที่ไป แต่เป็นตัวเป็นตนเพราะได้แรงบันดาล
ใจจากรถประเภทเดียวกันแต่ขนาดเล็กกว่ากันนิดหน่อยที่เคยโด่งดังในอดีต คือ รถติดป้ายชื่อ ซีตรอง เมฮารี (CITROEN MEHARI)
ตามข้อมูลที่ค้นได้จากสารานุกรมออนไลน์ WIKIPEDIA รถที่กล่าวนี้เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งเปิดประทุนขนาดเล็กที่ค่าย "จ่าโท" ผลิตออกสู่ตลาดรวม 144,953 คัน ในช่วงปี 1968-1988 มีขนาดตัวถังยาว 3.520 ม. กว้าง 1.530 ม. สูง 1.640 ม. และมีน้ำหนักตัวพร้อมขับ 570 กก. เป็นวางเครื่องหน้า/ขับเคลื่อนล้อหน้าหรือทุกล้อ ด้วยพลังของเครื่องยนต์เบนซิน 2 สูบนอนยัน (บอกเซอร์) 602 ซีซี
ส่วนรถแบบใหม่ซึ่งมีตัวถังยาว 3.809 ม. กว้าง 1.728 ม. สูง 1.653 ม. และมีน้ำหนักตัวพร้อมขับ 1,405 กก. นี้ ยังคงรูปลักษณ์สำคัญของรถซึ่งเป็นที่มาไว้อย่างครบถ้วน คือ เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งซึ่งติดตั้งประทุนหลังคาแบบอ่อนที่สามารถถอดออกได้ดังที่เห็นในภาพ ส่วนห้องโดยสารที่ออกแบบให้นั่งได้รวม 4 คน ก็ออกแบบและทำด้วยวัสดุที่ไม่กลัวน้ำ เมื่อรถสกปรกและจำเป็นต้องทำความสะอาดด้วยการล้าง ก็สามารถพ่นฉีดน้ำได้ทั้งภายนอกและภายในตัวถัง
ที่ไม่เหมือนกันเลยกับรถซึ่งเป็นที่มา คือ ระบบขับ กล่าวคือ ยังคงเป็นรถวางเครื่องหน้า/ขับเคลื่อนล้อหน้าเช่นเดิม แต่ที่มาของพลังขับเปลี่ยนจากเครื่องยนต์เบนซินขนาดกระจิ๋วเป็นระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ไม่มีการติดตั้งเครื่องยนต์แบบใดๆ เป็นระบบขับซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 50 กิโลวัตต์/68 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับระบบเกียร์จังหวะเดียว และแบทเตอรี ลิเธียม เมทัล โพลีเมอร์ (LITHIUM METAL POLYMER) ขนาด 30 กิโลวัตต์ชั่วโมง การประจุไฟแต่ละครั้งด้วยไฟบ้านต้องใช้เวลายาวนานถึง 13 ชั่วโมงเมื่อใช้ไฟบ้านขนาด 10 แอมแปร์ แต่จะลดเหลือเพียง 8 ชั่วโมงเมื่อใช้อุปกรณ์ที่จัดไว้โดยเฉพาะและใช้ไฟ 16 แอมแปร์ เมื่อประจุไฟเต็มหม้อรถจะวิ่งได้ไกลประมาณ 200 กม. และสามารถทำความเร็วสูงสุด 110 กม./ชม.
เริ่มการจำหน่ายในเมืองน้ำหอมไปแล้วเมื่อฤดูใบไม้ผลิที่เพิ่งผ่านพ้นไป ค่าตัวไม่รวมแบทเตอรีเริ่มต้นที่ ระดับ 25,000 ยูโร หรือประมาณ 1.0 ล้านบาทไทย แบทเตอรีไม่มีการขายขาด แต่ต้องเช่าจากค่าย BOLLORE GROUP โดยเสียค่าเช่าเดือนละ 79 ยูโร หรือเท่ากับประมาณ 3,200 บาทไทย
เป็นรถที่ค่าย "จ่าโท" ตั้งใจจะทำขายเพียง 1,000 คัน มีสีตัวถังให้เลือกรวม 4 สี โดยที่ 2 สีซึ่งเห็นได้ในภาพ คือ สีฟ้า BLUE เป็นสีที่เชิญชวนให้ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ข้างหลัง กับสีส้ม ORANGE เป็นสีที่ส่งทอดความรู้สึกในพละกำลังและการมองโลกในแง่ดี อีก 2 สีที่ไม่เห็นในภาพ คือ สีเหลือง YELLOW เป็นตัวแทนของความกระฉับกระเฉงและกระตือรือล้น กับสีครีม BEIGE เป็นสัญลักษณ์ของความสง่างาม ส่วนประทุนหลังคามีให้เลือกเพียง 2 สี คือ สีดำ BLACK กับสีแดงแกมส้ม ORANGE-RED
[table]
CITROEN E-MEHARI
* รถพลังไฟฟ้า/ขับเคลื่อนล้อหน้า * มอเตอร์ไฟฟ้า 50 กิโลวัตต์/68 แรงม้า * ประจุไฟเต็มหม้อวิ่งได้ไกล 200 กม. * ความเร็วสูงสุด 110 กม./ชม. * ค่าตัวไม่รวมแบทเตอรี 25000 ยูโร [/table]เรื่องโดย : ชูศักดิ์ ชมจินดา
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2559
คอลัมน์ Online : ระเบียงรถใหม่
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/132285