รู้ไว้ใช่ว่า
"ของกลาง ?"
คนเรา "รู้เยอะ" เอาไว้เมาท์ในหมู่พวก ถือว่าดีกว่านั่งอมลิ้นเปล่าๆ แต่ไม่ขัดคอจนจ้วงกัน อย่างที่เป็นข่าวนะเอ้อ ก็งงผสมแปลก คนไทยทุกวันนี้เป็นอะไรไป ความอดทนมักสั้นจู๋ ไล่ตื้บกันซะงั้น แล้วหนีพ้นความเดือดร้อนไหมล่ะ
ครับรู้เยอะ แต่ไม่เยอะ สำหรับงวดนี้ ขออาสาไปว่าถึงเรื่อง "ของกลาง" ในคดีต่างๆ สักหน่อย
มนุษย์ตัวเป็นๆ ไม่ถือว่าเป็นของกลาง แม้มีคนสัปดน ใครโดนข่มขืนหรือไปข่มขืนเขา มักเข้าไปแจม อยากดูของกลางนิดหนึ่ง โดยเฉพาะสาวๆ
อย่างที่บอก กฎหมายเขาไม่ถือเป็นของกลาง ศาลอัยการไม่เอาไปส่องดูแน่นอน พนักงานสอบสวนก็ไม่ได้ดู มีแต่ "คุณหมอ" นั่นแหละได้สำรวจอย่างละเอียด แบบผะอืดผะอม ผมว่านะ แล้วเขียนรายงานส่งศาล อย่าอิจฉาคุณหมอเขาเลย
แต่ถ้าคนๆ นั้นม่องเท่ง สังขารหรืออวัยวะที่เหลือ เช่น กะโหลกศีรษะ ตากลวงโบ๋ แขนขา คือ "ของกลาง" ผู้เกี่ยวข้องสงสัย เชิญส่องดูได้ ถ้าไม่กลัวผี
สัตว์น้อยใหญ่ในคดีอาญา ตั้งแต่ช้างลงมา เป็นของกลาง ได้มาผิดกฎหมายไหม ลักของเขามาใช่เปล่า หมาๆ ที่คนพวกหนึ่ง ต้อนเอาไปกินไปขาย คือ ของกลาง ทำให้เจ้าหน้าที่หาวเรอ ในการเลี้ยงดู
กรณีที่เป็น ข้าวของ ทรัพย์สินต่างๆ ในคดีอาญา ตามปกติถือเป็น "ของกลาง" หมายถึง "ของกลางๆ" ตามชื่อ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นของใคร ได้มายังไง ผิดถูกกฎหมายไหม เมื่อแน่ใจ ได้ข้อยุติในศาล ท่านก็จะสั่งในคดี ให้จัดการอย่างไร
ที่เห็นๆ คือ สิ่งผิดกฎหมายในตัวของมันเอง เช่น ยาบ้า ของเถื่อนต่างๆ หรือสิ่งที่นำไปใช้ในการกระทำผิด มักสั่งริบเข้าหลวง เช่น เรือ รถยนต์ แบบเดียวกับคนไทยทะลึ่งขายเอกราช เป็นนอมีนีให้คนจีน เอาดินแดนไทยหากินแบบเบ็ดเสร็จ ที่ภูเก็ต เชียงใหม่ พวกนี้ต้องกำจัด ชะช้า เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นใครนี่หว่า หรือสั่งคืนแก่เจ้าของ ถ้าไม่ใช่ของต้องห้าม
ของกลางที่ริบอาจมีค่ามากมาย เช่น เพชรซาอุ อันเป็นที่มาของความโลภ ตำรวจฆ่าชาวบ้าน ติดคุกติดตะรางอย่างที่รู้ หรือริบไปงั้นๆ จำพวก หัวกระสุน ปลอกกระสุน อีดาบเปื้อนเลือด แต่ในคดีต่างๆ เป็นของกลางซึ่งไม่มีใครอยากเก็บไว้ รัฐกำจัดทิ้งเมื่อได้เวลาอันควร อาจมีความสำคัญยิ่งยวด เป็นวัตถุพยาน ยันจำเลยเข้าซังเตมาแล้วก็ได้
อ้อ ทุกวันนี้มี "คลิพวีดีโอ" หรือ "วัตถุที่นำมาตรวจหาดีเอนเอ" กลายเป็นของกลางตัวเอ้ ช่วยมัดคอคนทำผิด จนดิ้นไม่หลุดมานักต่อนัก อย่าได้มองข้าม
ของกลางที่มีค่า ไม่ว่าจะเป็นสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่ เพชร ทอง เงินสด แม้กระทั่งยาเสพติด นั่นแหละตัวร้าย เป็นต้นเหตุให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ สิ้นอนาคตสิ้นอิสรภาพมานักต่อนัก เพราะอม เม้ม หรือยักยอก ของกลาง แล้วโดนจับได้ไล่ทัน ไม่ได้เป็นเฉพาะบ้านเรา ประเทศอื่นๆ เจอทั้งนั้น อย่างที่เห็นในหนัง คนของเอฟบีไอ ด้วยซ้ำ
"นกกาตายเพราะอาหาร คนตายเพราะสมบัติ" นั่นแล
ตานี้มาดูของจริงสักคดีหนึ่ง ซึ่งผมขอสนับสนุนการตัดสินของศาลเราอย่างแรง โดยไม่เกี่ยวกับพวก "ค้าประชาธิปไตย" โคตรมั่ว
"นายมาแรง" พ่อแม่ตั้งชื่อให้เป็นคนขยันทำมาหากิน พอโตเป็นหนุ่มกลับขยันเรื่องรถยนต์ คือ ขับให้รถขยันปรูดปราดเกินเหตุ แถมยังขยันกินเหล้า เข้าไปอีก วันเกิดเหตุโดนตำรวจกวดจับได้ นายมาแรง ห้อรถขณะเมาสุรา ไปตามถนนเลี่ยงเมือง พอตำรวจเรียกให้หยุดตรวจ นายมาแรง ดันเร่งเครื่องยนต์ ขับหลบหนีด้วยความเร็วสูง ตำรวจให้สัญญาณไฟ นำแผงเหล็กมากั้น แต่ไอ้หมอนี่ดันขับรถพุ่งชนแผงเหล็กตำรวจกระเจิง แต่ก็สกัดจับจนได้ อัยการมีงานทำ ฟ้องไปที่ศาล มีคำขอให้ริบรถซะด้วย
นายมาแรง สร่างเมา แล้วให้การรับสารภาพ ไม่สู้คดี คาดว่ารถไม่โดนริบหรอก เพราะไม่มีใครได้รับอันตราย ทรัพย์สินคนอื่นไม่เสียหายเยอะ ยังไงก็ไม่หนัก จริงดังคาด นายมาแรง ได้เฮในยกแรก
ศาลชั้นต้นพิจารณาคดี หน้างี้เคร่งแบบไม่กลัวเมื่อย ตามสไตล์ แล้วตัดสินลงโทษ นายมาแรง อย่างหนัก ฐานขับรถขณะเมาสุรา ฐานขับขี่รถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย รับลดกึ่ง เหลือจำคุก 2 เดือน ปรับ 1 หมื่น โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี ปรับอย่างเดียว 1 หมื่น และคุมประพฤติ กับทำทัณฑ์บนตามควร แต่คำขออื่น คือ เรื่องริบรถ ศาลนี้ให้ยก
อัยการโจทก์ยืนขวาง ด้วยการยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มาแรงกว่าศาลชั้นต้น พิพากษาแก้ ชี้ว่า นายมาแรง ทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานขับรถในขณะเมาสุรา อันเป็นบทหนัก รับลดแล้วเหลือ คุก 1 เดือน ปรับ 6 พันบาท รอลงอาญาตามที่ศาลชั้นต้นว่าไว้ แต่ข้อที่ทำให้ นายมาแรง เข่าอ่อน คือ สั่งริบรถยนต์ของกลาง
นายมาแรง ดิ้นโดยให้ทนายยื่นฎีกา ผ่านความเห็นชอบของผู้พิพากษาท่านหนึ่ง นายมาแรง อ้างว่าทำผิดนิดหน่อย ไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย ทรัพย์สินไม่เสียหายอะไรนัก ศาลเล่นแรง ถึงขั้นริบรถได้ไงครับ
ศาลฎีกาเพ่งดูคดีนี้อย่างใจเย็นตามอายุ แล้วชี้ขาดแบบนิ่มๆ ว่า
พฤติการณ์ของ นายมาแรง ปรากฏดังที่ว่าไว้ข้างต้น เมื่อเป็นซะพรรค์นี้ ถือว่ารถยนต์ "ของกลาง" ที่ นายมาแรง ใช้ขับขณะเมาสุรา โดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น เป็นทรัพย์สินที่ นายมาแรง ใช้ในการกระทำความผิดตามฟ้องโดยตรง ต้องริบตาม ป.อาญา มาตรา 33 (1) ศาลอุทธรณ์มาดเข้มเรื่องนี้ ถือว่าโอเค ศาลฎีกาเอาด้วย
ศาลฎีกาที่ว่าอายุเยอะ แต่ไม่ขี้สงสาร ได้พิพากษายืนแบบไม่กลัวเมื่อย ริบรถยนต์ของ นายมาแรง ซะ ฎีกาของ นายมาแรง ไม่อยากฟัง เอ้ย...ฟังไม่ขึ้น
อยากให้ศาลใช้แนวทางคดีนี้ทุกแห่งทุกท้องที่ เพื่อขจัด "เพชฌฆาต" บนท้องถนนให้ลดลง เพราะมันไม่ใช่เรื่องเล็ก
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6736/2558
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2559
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/131956