ชีวิตอิสระ(4wheels)
MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN
ไม่บ่อยนัก ที่ผมจะมีโอกาสพาตัวเองไปเคาะสนิม ในการเดินทางคาราวานต่างประเทศ และครั้งนี้ ผมไม่ลังเลใจที่จะตอบรับจดหมายเชิญงาน "MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN คาราวานประวัติศาสตร์เชื่อมโยงสมาชิกประชาคมอาเชียน" โดยนิตยสาร 4 WHEELS ร่วมเดินทางในกลุ่ม B รับช่วงต่อจากเพื่อนๆ สื่อมวลชนกลุ่ม A ที่เดินทางจากประเทศไทย ผ่านประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และส่งไม้ต่อให้เราที่เมืองฮานอย ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามMAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน-5 กรกฎาคม 2559 โดยใช้เส้นทางเริ่มต้นจากลานพระบรมรูปทรงม้า กรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่นครพนม ระยะทางประมาณ 750 กม. จากนั้นจึงข้ามชายแดนไปฝั่ง สปป. ลาว ผ่านชายแดน สปป. ลาว ไปเวียดนาม ระยะทางเบาๆ แค่ 350 กม. และวันที่สามของกลุ่ม A ขับรถจากเมืองวิงห์ ผ่านฮาลองเบย์ ไปจบทริพแบบเบาๆ ที่เมืองฮานอย ด้วยระยะทาง 490 กม. และส่งไม้ต่อให้กลุ่ม B รับหน้าที่จากฮานอย-โฮจิมินห์ เมืองหลวงของเวียดนาม ระยะทางกว่า 1,800 กม. และส่งต่อให้กลุ่ม C รับช่วงสุดท้ายจากโฮจิมินห์ มุ่งหน้าสู่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ระยะทาง 460 กม. และขับข้ามชายแดนสู่ประเทศไทย จบทริพที่กรุงเทพฯ ด้วยระยะทาง 400 กว่ากม. รวมระยะทางทั้งหมดของทริพประวัติศาสตร์ครั้งนี้กว่า 4,284.2 กม. ผ่าน 3 ประเทศ ถือเป็นการเชื่อมโยงประชาคมอาเชียนอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ
วันแรก เดินทางเบาๆ บินไปฮานอย
การเดินทางวันแรกของกลุ่ม B เป็นพโรแกรมเบาๆ นัดหมายรวมตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 05.30 น. เพื่อเชคอินขึ้นเครื่องของสายการบินไทย จุดหมายปลายทาง คือ เมืองฮานอย ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พโรแกรมวันนี้เป็นการแวะชมเมืองหลวง ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติแวะเวียนมาชมศิลปวัฒนธรรมมากมาย ท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบายของฤดูฝน และช่วงเย็น ร่วมงานเลี้ยงรับรองสื่อมวลชน กลุ่ม A และ Bวันที่สอง ฮานอย-ด่งเหย ผ่านบ้านเกิด "ลุงโฮ"
ภารกิจวันนี้ เราได้รับการแจ้งเตือนจากคาราวานลีเดอร์ว่า จะเป็นการขับผ่านเส้นทางที่มีการจราจรคับคั่งมาก โดยเฉพาะฝูงมอเตอร์ไซค์ที่หนาแน่นเข้าขั้นสาหัสมากๆ เพียงแค่ 9 กม. แรกเท่านั้น เราต้องฝ่าด่านรถติดแบบมหาโหด กว่าจะทะยอยขึ้นทางด่วนออกจากเมืองเล่นเอาเหงื่อตก เพราะฝูงมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งกันขวักไขว้ แถมยังมีเสียงบีบแตรที่ดังระงมไปทั่ว คาราวานลีเดอร์แนะนำเราว่า ให้บีบแตรได้เลย ถ้าไม่บีบแตรรถเราจะเคลื่อนที่ไปได้ยากมาก การบีบแตรในเวียดนาม พี่แฮร์รี ไกด์ท้องถิ่นบอกว่า มันมีความจำเป็นมาก เพราะจะทำให้ผู้ร่วมเส้นทางได้ทราบว่า รถเราอยู่ตรงไหนของเขา และเขาไม่ถือ ไม่เหมือนกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรบ้านเรา ที่บีบแตรเมื่อไหร่ มักจะมีเรื่องตามมาทันที ถนนหนทางในเมืองฮานอย มีความสะดวกสบายในระดับหนึ่ง ไม่ได้เรียบเหมือนทางด่วน หรือไฮเวย์นอกเมือง ทำให้เรานึกย้อนกลับไปถึงต่างจังหวัดบ้านเรา สิ่งหนึ่งที่เรียนรู้จากเมืองฮานอย คือ มารยาทการขับรถ คนที่นี่ขับรถกันแบบสบายๆ ต่างคนต่างหลบกันเอง แต่ทุกคนเคารพกฎจราจรดีมาก ถ้าจอดเกินเส้นที่กำหนด หรือล้ำเข้าไปในสัญญาณไฟจราจร เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินมาจับและต้องจ่ายค่าปรับในอัตราที่สูงมาก ไกด์บอกกับเราว่า ประมาณสองหมื่นบาทไทย และคนเวียดนามเขาถูกจำกัดความเร็วแบบเข้มงวดมาก ในเมืองหรือเขตชุมชน ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 60 กม./ชม. ส่วนทางด่วนหรือไฮเวย์ 120 กม./ชม. ฉะนั้นเวลาขบวนคาราวานของเราวิ่งเข้าเมือง มักจะถูกลดความเร็วเสมอ และไม่จำเป็นต้องเบียดหรือแทรก เพราะทุกสัญญาณไฟจราจรที่เวียดนาม ถูกตั้งอัตโนมัติไว้ 30 วินาที จะมีรถเคลื่อนที่ผ่านแต่ละแยก เราวิ่งผ่านจังหวัดเหงะอาน เมืองนิงห์บิงห์ บ้านเกิดของนักปฏิวัติชาวเวียดนาม ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นนายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม (เวียดนามเหนือ) สมัยก่อนนั้นเวียดนาม แบ่งการปกครองเป็น 2 ส่วน คือ เวียดนามเหนือ มีเมืองฮานอย เป็นเมืองหลวง และเวียดนามใต้ มีเมืองไซ่ง่อน เป็นเมืองหลวง หลังจากสิ้นสุดสงครามเวียดนาม ไซ่ง่อน เมืองหลวงเก่าของเวียดนามใต้ ได้ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็นโฮจิมินห์ซิที เพื่อเป็นเกียรติแก่ โฮจิมินห์ โฮจิมินห์ เป็นบุคคลที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการประกาศอิสรภาพของเวียดนาม ประวัติคร่าวๆ ของเขานั้น พี่แฮร์รี เล่าให้ฟังว่า "ลุงโฮ ในชื่อที่คนไทยรู้จักนั้น เป็นบุคคลที่มีชื่อมากถึง 146 ชื่อ นั่นเป็นเพราะเขาต้องเปลี่ยนชื่อเพื่อออกไปหาประสบการณ์ ไปเรียนรู้โลกกว้าง ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเมือง ทำให้เขาเดินทางออกจากเวียดนาม ตั้งแต่อายุ 21 ปี และกลับมาเวียดนามอีกครั้งในวัย 51 ปี เพื่อมาร่วมต่อสู้และปลดปล่อยเวียดนามจากฝรั่งเศส"- ฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซอลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
วันที่สาม ด่งเหย-ฮอยอัน แวะชมเส้นขนานที่ 17 และชมเมืองชายทะเลดานัง
เช้านี้ระยะทางที่ต้องเดินทาง 334.2 กม. ม้าศึกคู่ใจของเรา คือ "น้องสอง" หรือ มาซดา 2 เส้นทางส่วนใหญ่วิ่งเลียบชายทะเลเป็นหลัก ไฮไลท์ของเส้นทาง คือ ผ่านเนินทราย และเมืองดานัง เมืองที่มีอุโมงค์ยาวที่สุดในเวียดนาม ช่วงเช้าเราเดินทางออกจากเมืองด่งเหย เลาะเลียบชายทะเล มาแวะถ่ายรูปที่เนินทรายขาว ซึ่งอยู่ห่างจากชายทะเลไม่ไกลนัก เนินทรายแห่งนี้ สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากคลื่นยักษ์สึนามิ ในอดีตที่พัดพาทรายจากทะเลลึกขึ้นมาเกยฝั่งแถบนี้ จึงเกิดเป็นเนินทรายสีขาวเม็ดละเอียดที่ทอดตัวยาวหลายกิโลเมตร ดูแล้วสวยงาม สุดลูกหูสุดลูกตา มีความรู้สึกเหมือนโอเอซิส ประมาณนั้นจริงๆ จากนั้นออกเดินทางต่อ ควบ "น้องสอง" ทะยานด้วยความเร็วที่โดนจำกัดทั้งในและนอกเมือง จนต้องท่องจำไว้ในใจ "60 ในเมือง 120 นอกเมือง" น้องสองทำอัตราเร่งได้ระดับหนึ่ง ความเร็วเฉลี่ย 105-110 กม./ชม. ใช้รอบเครื่องยนต์ประมาณ 2,800 รตน. และทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 5.5 ลิตร/100 กม. ถือว่าประหยัดมาก แต่ยังน่าห่วงเรื่องอัตราเร่งแซงที่ลากรอบยาวๆ มีลุ้นเป็นบางช่วง ในเวลาที่กดคันเร่งแซงรถหัวลากขนาดใหญ่ ซึ่งในเวียดนาม เขานิยมใช้รถหัวลากของอเมริกัน เช่น FREIGHLINER และ INTERNATIONAL เป็นส่วนใหญ่ แต่น้องสองมีดีที่ขนาดตัวและรูปร่างที่กะทัดรัดและปราดเปรียว หาจังหวะดีๆ น้องสองก็เร่งแซงได้สนุกตามประสารถเล็ก แต่ที่ต้องปรับปรุง คือ เสียงแตร ที่ยังเบาไปนิดหนึ่ง เส้นทางช่วงนี้เป็นถนน 2 เลนสวนทาง เราเดินทางมาถึงประมาณ 75.6 กม. แวะพักขบวนจอดรถถ่ายรูปที่อนุสรณ์สถานโกลเกิ๊น หรือเส้นขนานที่ 17 จุดแบ่งพรมแดนระหว่างเวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ ในอดีต แวะชมความงดงามของสถาปัตยกรรมที่มีรูปแบบของชาวตะวันตกมาผสมผสาน จุดเด่นของสถานที่แห่งนี้ คือ เสาธงชาติเวียดนามที่มีขนาดใหญ่ โบกสะบัดพลิ้วไหว โดดเด่นเห็นแต่ไกล และสะพานที่เป็นจุดแบ่งพรมแดนดังกล่าว จากนั้นเดินทางต่อ ไปแวะชมอุโมงค์หลบภัยสงคราม วิงห์ มอคห์ ไปย้อนอดีตดูนิทรรศการความโหดร้ายของสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ และเดินทางต่อโดยใช้ทางหลวง AH1 แวะทานอาหารกลางวันที่เมืองด่งฮ่า และผ่านเมืองเว้ วิ่งลัดเลาะชายทะเลผ่านอุโมงค์ไฮเวิน ที่มีความยาว 6.38 กม. ซึ่งยาวมาก อุโมงค์แห่งนี้ใช้เวลาในการขุดเจาะ 5 ปีกว่าๆ โดยความร่วมมือของรัฐบาลญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ มาทะลุเมืองดานัง ในอดีตเมืองดานังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เพราะทหารอเมริกันยกพลขึ้นบกที่เมืองนี้ แต่ปัจจุบัน ดานังเป็นเมืองท่า และเมืองน่าท่องเที่ยวที่สำคัญของเวียดนาม เราเดินทางชมเมืองชายทะเล และเข้าที่พักที่เมืองฮอยอัน ในเวลาพลบค่ำวันที่สี่ ฮอยอัน-ตุยหวา ชมความงามแหล่งท่องเที่ยวโบราณ
วันที่สี่ของการเดินทาง เราผ่านมาครึ่งทางแล้ว เส้นทางส่วนใหญ่เป็นภูเขาทางเหนือ ถนนแคบ 2 เลนสวนทาง มุ่งหน้าสู่แดนใต้ ลัดเลาะเมืองชายทะเล และพาหนะคู่กายในวันนี้ คือ "พี่สาม" มาซดา 3 ม้าศึกผู้คึกคะนอง แน่นอนว่า วันนี้เราได้รถที่ขับสนุก คล่องแคล่วว่องไว ความเร็วเฉลี่ย 100-120 กม./ชม. ใช้รอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 2,200-2,800 รตน. อัตราเร่งแซงไว้ใจได้เลย และแถมยังทำอัตราสิ้นเปลืองได้ 7.7 ลิตร/100 กม. น่าคบหาดูใจกันไปยาวๆ นะพี่สาม ระยะทางวันนี้ 394 กม. ถือว่าไม่ไกลมาก แต่ใช้เวลานานเหมือนเคย เพราะสภาพเส้นทางที่เป็นถนน 2 เลนสวนทาง บวกกับรถหัวลากขนาดใหญ่วิ่งกันขวักไขว้ แต่สมรรถนะของพี่สาม ยังเชื่อใจได้เสมอ ออกจากที่พักเดินทางผ่านเมืองตามกี แวะพักขบวนชิมกาแฟโบราณสูตรเวียดกง และเดินทางต่อไปทานอาหารกลางวันที่เมืองซาเหว่ย จากนั้นไปชมความงดงามของธรรมชาติแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเวียดนาม...แก่งหินจานโบราณ หรือ GHENH DA DIA ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนชมความงดงามของพระอาทิตย์ตกดิน ชมความงามของเกาะแก่ง และเรือประมงของชาวเวียดนาม และเดินทางเข้าที่พักในเมืองตุยหวา ในเวลาเกือบ 2 ทุ่มวันที่ห้า ตุยหวา-โฮจิมินห์ สัมผัสเมืองหลวงของรถมอเตอร์ไซค์
ระยะทางวันนี้ 606.5 กม. คือ เป้าหมายสุดท้ายของกลุ่ม B ที่จะต้องขับเคลื่อนฝูงบิน SKYACTIV ไปส่งมอบให้กับสื่อมวลชน กลุ่ม C ที่รอรับไม้ต่อจากเรา และแน่นอนอีกแล้วครับว่า วันนี้เราต้องเปลี่ยนพาหนะคู่กาย โดยไปขับพี่ใหญ่ มาซดา ซีเอกซ์-5 ซึ่งระยะทางวันนี้โหดสุดๆ แต่ได้สมรรถนะของเจ้า ซีเอกซ์-5 แน่นอนว่าครอสส์โอเวอร์เอสยูวีคันนี้ ไม่ได้มีดีแค่หน้าตาเท่านั้น แต่สมรรถนะยังไม่เป็นรองใคร กดเมื่อไหร่ แรงม้ามารอเมื่อนั้น เร่งแซงฉับไว ปลอดภัยตามมาตรฐานโลก วันนี้เราสตาร์ทจากที่พักเช้ามาก 06.30 น. คือ เวลาล้อหมุน เราคงใช้เส้นทางหลวง AH1 มุ่งหน้าลงใต้ ผ่านเมืองนาตรัง เส้นทางขึ้น/ลงเขา ทางแคบ ถนน 2 เลน ผ่านชุมชนหมู่บ้าน ผ่านโรงงานไฟฟ้าพลังลม ผ่านเนินทรายขาว-แดง แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเวียดนาม เราขับรถด้วยระยะทางกว่า 380.6 กม. เพื่อไปทานอาหารกลางวันที่เมืองนาฮัง ออกเดินทางต่อผ่านชุมชนที่ปลูกผลไม้แก้วมังกร กันทั้งเมือง และรีบมุ่งหน้าเข้าเมืองโฮจิมินห์ อย่างรวดเร็ว โดยเดินทางถึงทางด่วนใหม่ ที่เปิดใช้ได้ไม่นานในเวลาทุ่มตรง และรู้ทันทีว่า ต่อจากนี้ระยะทางอีก 21.6 กม. เราต้องเจอกับวิกฤตการจราจรยามเย็นของมหานครโฮจิมินห์ ที่เขาเล่าว่า เป็นเมืองหลวงของรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งพอเราลงทางด่วนเท่านั้นละ "งงเป็นไก่ตาแตก" เพราะเราต้องฝ่าดงรถมอเตอร์ไซค์ที่เยอะมากมายมหาศาล ไกด์บอกกับเราว่า รถมอเตอร์ไซค์ที่มีอยู่ในเวียดนาม มีทั้งหมดกว่า 45 ล้านคัน ส่วนประชากรชาวเวียดนามทั้งประเทศ มีประมาณ 90 ล้านคน เฉลี่ยแล้วเท่ากับ 2 คน/1 คัน...มันมากมายมหาศาลจริงๆ แต่เราใช้ความเร็วค่อนข้างต่ำ อาศัยจังหวะการคืบคลานไปทีละนิด เพื่อไปถึงจุดหมายปลายทางที่พักโดยสวัสดิภาพ ในเวลาประมาณ 19.30 น. เกือบ 14 ชม. ที่อยู่บนรถ มีแค่ 2 ช่วงเท่านั้นที่แวะพักขบวน ตลอด 5 วันของการเดินทางในขบวนคาราวานประวัติศาสตร์ MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN ครั้งนี้ ทำให้เรารู้ว่า "สงคราม" ไม่ว่าจะเกิดจากชนชาตินักล่าอาณานิคม หรือชนชาติเดียวกัน มันทิ้งรอยทางประวัติศาสตร์ที่แสนเจ็บปวด เกินกว่าจะเยียวยาไว้ให้เราเสมอ แต่เบื้องหลังที่แสนปวดร้าว มักจะมีเบื้องหน้าที่งดงามเสมอ ทรัพยากรป่าไม้ และทะเลของเวียดนาม ถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่า ที่มีความสวยงามและยั่งยืนเกินสิ่งใดจริงๆ พื้นที่ส่วนใหญ่ 2 ใน 3 ของประเทศนี้ คือ ภูเขาและป่าไม้ ชัยภูมิของเวียดนามนั้น ทิศตะวันออกติดทะเล และทะเลที่ว่านี้ คือ อ่าวตังเกี๋ย (GULF OF TONKIN) หรืออาณาเขตทะเลจีนใต้ (SOUTH CHINA SEA) แต่ทั้งหลายทั้งปวงนี้ คือ มหาสมุทรแปซิฟิค ที่กว้างใหญ่ไพศาลนั่นเอง เป็นชัยภูมิที่แปลกมาก ตั้งแต่ทิศเหนือจรดใต้ ฝั่งตะวันออกติดชายทะเลทอดตัวยาวต่อเนื่องตลอด ส่วนฝั่งตะวักตก เป็นแนวของสันเขาที่กั้นระหว่างประเทศเวียดนาม กับ สปป. ลาว และราชอาณาจักรกัมพูชา ส่วนทิศเหนือติดประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน [table] เมืองหลวง,ฮานอย เมืองที่ใหญ่ที่สุด,โฮจิมินห์ ภาษาราชการ,ภาษาเวียดนาม ประกาศเอกราชจากประเทศฝรั่งเศส,เมื่อวันที่ 2 กันยายน ปี 2488 และเป็นที่ยอมรับในปี 2497 มีพื้นที่รวม,331689 ตร.กม. มีพื้นที่แหล่งน้ำ,ประมาณ 1.3 % มีประชากรประมาณ,89693000 คน ความหนาแน่ของพื้นที่,272 คน/ตร.กม. ระบบการจราจร,พวงมาลัยซ้าย ขับชิดขวา [/table]- ขอขอบคุณ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เชิญไปร่วมงาน MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN ครั้งนี้ ทำให้เรามีโอกาสได้สัมผัสฝูงบิน SKYACTIV ครบทุกรุ่น ตั้งแต่ มาซดา 2, 3, ซีเอกซ์-3 และซีเอกซ์-5
เรื่องโดย : แอลเอนนิวส์
ภาพโดย : แอลเอนนิวส์ และบริษัทผู้ผลิต
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2559
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/131708