สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ซานเจย์ มิชรา
ทาทา รถยนต์สัญชาติอินเดีย ที่ประสบความสำเร็จในตลาดรถยนต์เมืองไทยอย่างสวยงาม แม้ต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรง และภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ก็ยังคงเดินหน้าเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง
"ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์พิเศษ ซานเจย์ มิชรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาทา มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
ฟอร์มูลา : คุณมองสถานการณ์ตลาดรถยนต์ของปี 2558 เป็นอย่างไร ?
ซานเจย์ : ผมมองว่าในแง่ของความเชื่อมั่นผู้บริโภคน่าจะดีขึ้น แต่ว่าอุปสรรคคือการปล่อยสินเชื่อ ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา มีรถถูกยึดเพิ่มขึ้นสูงมาก ทำให้เกิดหนี้สูญ ดังนั้นสถาบันการเงินน่าจะปล่อยสินเชื่ออย่างเข้มงวดมากขึ้น รวมถึง GDP ที่หลายสำนักคาดการณ์ว่าจะโตขึ้น 4 % ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องไฟแนนศ์ ดีมานด์ หรือความต้องการใช้รถอาจจะขยายตัวได้ถึง 20 % แต่พอมาดูเรื่องการปล่อยสินเชื่อแล้ว สรุป คือ จะโตขึ้นไม่เกิน 10 %
นอกจากนี้ภาษีสรรพสามิตใหม่ที่จะใช้ในปี 2559 ซึ่งกำหนดตามอัตราการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งผู้บริโภคอาจจะเป็นกังวลว่ารถที่ซื้อจะไม่เข้าเกณฑ์ ทำให้ต้องเสียภาษีสรรพสามิตที่สูงขึ้น และราคารถอาจจะสูงขึ้น ในความกังวลนี้ ผมมองว่าผู้ใช้น่าจะเร่งตัดสินใจซื้อภายใต้ภาษีสรรพสามิตปัจจุบัน แต่ผลที่ออกมาชัดเจน น่าจะเป็นช่วงครึ่งปีหลังนี้ ประกอบกับการเปิด AEC น่าจะเลื่อนเปิดในปี 2559 ด้วย 2 ปัจจัยนี้ ผมมองว่าน่าจะได้เห็นตัวเลขการขายที่ดีในช่วงครึ่งปีหลัง
ที่ผ่านมาหลายบริษัท หลายองค์กรได้ประเมินยอดขายรถยนต์ในปี 2558 น่าจะอยู่ที่ 950,000 คัน แต่สำหรับผมแล้วมองว่าน่าจะมีโอกาสเติบโตขึ้นไปถึงเกือบ 1 ล้านคัน
ฟอร์มูลา : อะไรคือปัจจัยบวกที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้น ?
ซานเจย์ : ปัจจัยบวก เกิดจาก 1. การเจริญเติบโตตามสภาวะเศรษฐกิจ เมื่อ GDP โตขึ้น อุตสาหกรรมรถยนต์ก็จะโตไปด้วย 2. ความต้องการใช้รถยนต์ที่ยังตกค้างจากปีที่แล้ว ที่เจอกับปัญหาความเข้มงวดจากสถาบันการเงิน มาถึงปีนี้ความต้องการน่าจะกลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง เพราะผู้ใช้ยังไม่บรรลุเป้าหมาย 3. การเปิดประชาคมอาเซียน 4. ทางภาครัฐต้องพยายามกระตุ้นการใช้จ่าย หรือการลงทุน ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์มีความต้องการใช้รถด้วย และ 5. ราคาน้ำมันที่ถูกลง ทำให้ผู้บริโภคอาจจะหันมามองเรื่องการซื้อรถมากขึ้น
ฟอร์มูลา : คุณวางนโยบายและทิศทางไว้อย่างไร ?
ซานเจย์ : ในปีนี้ ทาทา จะรุกตลาดอย่างหนัก ด้วยการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ออกสู่ตลาด โดยจะเห็นว่าในงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 31" ที่ผ่านมา บริษัท ฯ ได้เปิดตัวรถ ทาทา ซีนอน รีเฟศ ที่เป็นโมเดลใหม่ เครื่องยนต์ใหม่ เกียร์บลอคใหม่ ซึ่งเป็นการเปิดตัวเท่านั้น แต่จะเริ่มจำหน่ายในปีนี้
นอกจากนี้ยังมี ทาทา ซูเพอร์ เอศ ที่ได้เปิดตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่สำหรับปีนี้จะมีการปรับเครื่องยนต์ใหม่ สเปคใหม่ เรียกว่า ทาทา ซูเพอร์ มิล เป็นเครื่องยนต์คอมมอนเรล ซึ่งจะให้กำลังมากขึ้น และประหยัดน้ำมันอย่างมาก โดยในแผนจะเปิดตัวในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
อีกส่วนหนึ่งจะเป็นธุรกิจรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกันกับกลุ่ม แดวู ที่เป็นบริษัทลูกของ ทาทา โดยจะมีรถหัวลาก คอนกรีทมิกเซอร์ และรถดรัม โดยรถบรรทุกขนาดใหญ่นี้ ได้เตรียมแผนงานมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ยังไม่มีภาพออกมาชัดเจน แต่ปัจจุบันผ่านขั้นตอนของ สมอ. และกรมการขนส่งทางบกเรียบร้อยแล้ว ทำให้ปีนี้จะสามารถเปิดตัวและจำหน่ายได้
พร้อมกันนี้ บริษัท ฯ ได้มีการลงทุนเพิ่มอีกกว่า 120 ล้านบาท เพื่ออัพเกรดและดัดแปลงไลน์ผลิตรถพิคอัพขนาด 1 ตัน เพื่อรองรับการผลิตในรุ่น ซูเพอร์ เอศ อีกทั้งในช่วงเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ได้เริ่มส่งออก ทาทา ซีนอน ลอทแรกไปยังประเทศมาเลเซีย และจะมีการขยายการส่งไปยังประเทศใกล้เคียงอีกภายในปีงบประมาณหน้า ซึ่งนอกจากการมีสินค้าเพิ่มมากขึ้น บริษัท ฯ ยังมีเป้าหมายการขยายตลาดไปยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ฟอร์มูลา : บริษัท ฯ เตรียมพร้อมรับการเปิด AEC และภาษีสรรพสามิตใหม่ ไว้อย่างไร ?
ซานเจย์ : การเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC นั้น สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์จะทำให้โครงสร้างภาษีระหว่างประเทศจะกลายเป็นศูนย์ สิ่งที่บริษัท ฯ ต้องเตรียมความพร้อม คือ 1. สินค้าที่ผลิตขึ้นมาจะสามารถจำหน่ายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะต้องผลิตให้สอดคล้องกับข้อกำหนดในประเทศนั้นๆ 2. บริษัท ฯ ได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศแล้ว เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เมียนมาร์ ส่วนที่ ลาว และ กัมพูชา อยู่ระหว่างการดำเนินการอยู่ ซึ่งนอกจากมีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายแล้ว บริษัท ฯ ยังได้ส่งทีมบริการ และ บริการหลังการขาย ไปอบรมให้ความรู้แก่ประเทศนั้นๆ เพื่อให้ตัวแทนจำหน่ายสามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังมีรถอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นรถขนส่งสินค้า ที่จะวิ่งข้ามพรมแดน โดยจุดนี้ บริษัท ฯ จะพโรโมทรถหัวลาก ที่ขนส่งตู้คอนเทเนอร์ ที่จะใช้วิ่งข้ามประเทศ
ส่วนเรื่องของภาษีสรรพสามิต ถึงแม้ว่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 2559 แต่ ทาทา มอเตอร์ ฯ มีฝ่ายที่ดูแลเรื่องกฎหมายใหม่ ซึ่งขณะนี้รถใหม่ที่จะขายในปีงบประมาณหน้า ส่วนใหญ่ได้ส่งไปทดสอบ ประเมินผล โดยเป้าหมาย คือ ต้องผ่านกฎหมายใหม่ ซึ่งบริษัท ฯ ได้เตรียมความพร้อมในจุดนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ในเรื่องของมาตรฐานเครื่องยนต์นั้น ส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับมาตรฐานยูโร 3 และยูโร 4 แต่อย่างไรก็ตามทั้ง 2 มาตรฐานที่ใช้อยู่ในประเทศไทยเป็นมาตรฐานที่เหนือกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นเรื่องของกฎหมายใหม่ที่ผนวกเรื่องของ CO2 จะทำให้เป็นผลดี เพราะจะทำให้รถที่ผลิตในประเทศไทยนั้นส่งไปขายในต่างประเทศได้ แต่รถที่ผลิตในประเทศเพื่อนบ้านจะนำเข้ามาขายในไทยไม่ได้
ฟอร์มูลา : รถรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้ จะมีกี่รุ่น ?
ซานเจย์ : รถใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้ จะมี 2 รุ่น คือ ซูเพอร์ ริส และซูเพอร์ เอศ ที่ปรับใหม่เป็น ซูเพอร์ เอศ นิว นอกจากนี้ก็จะมีในกลุ่มรถขนาดใหญ่ เช่น หัวลาก ดรัมเพอร์ คอนกรีทมิกเซอร์ และอีกกลุ่มหนึ่งที่บริษัท ฯ จะพยายามนำเข้ามาแนะนำสู่ตลาดในช่วงปลายปี คือ รถในกลุ่มไลน์ทรัค ที่มีขนาดกลาง 4 ล้อ และ 6 ล้อ
สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในปีนี้น่าจะไม่มีเปิดตัวในประเทศไทย แต่ในปีงบประมาณ 2559/2560 อาจจะมี โดยในปีที่แล้วบริษัทแม่ที่อินเดีย เปิดตัวรถเก๋งขนาดเล็ก ทั้งแบบซีดาน และแฮทช์แบค ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี การที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการพัฒนาให้เหมาะสมกับคนไทย
ฟอร์มูลา : คุณคิดว่าจนถึงปัจจุบัน ทาทา ประสบความสำเร็จในประเทศไทยมากน้อยเพียงใด ?
ซานเจย์ : ผมค่อนข้างที่จะพอใจ กับสถานะของ ทาทา ในประเทศไทย ถึงแม้ว่าตัวเลขการขายอาจจะเทียบกับรถญี่ปุ่นไม่ได้ แต่ต้องมองว่าตลาดเมืองไทยค่อนข้างยาก เพราะผู้บริโภคเคยชินกับบแรนด์ คุณภาพ และการบริการของรถญี่ปุ่น ตอนแรกที่ ทาทา มอเตอร์ เข้ามาที่ประเทศไทย ตอนนั้นยังไม่มีคนรู้จัก พอเริ่มรู้ว่าเป็นบแรนด์จากประเทศอินเดียก็ไม่แน่ใจว่าคุณภาพ การบริการ สินค้าต่างๆ จะสู้ได้ไหม แต่สำหรับการเปิดตลาดในประเทศไทย 7 ปี ทาทา ขายรถไปแล้วประมาณ 22,000 คัน ปัจจุบันได้เห็นรถ ทาทา วิ่งตามถนน แต่ภาพลักษณ์ของ ทาทา ยังมองว่าเป็นรถใช้งาน โดยจุดนี้เป็นสิ่งที่บริษัท ฯ ต้องพัฒนาต่อไป
นอกจากนี้ในเรื่องของการขยายตัวแทนจำหน่าย ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ ปัจจุบันมี 55 สาขา และยังมีผู้สนใจที่จะร่วมลงทุนกับ ทาทา โดยบริษัท ฯ ตั้งเป้าขยายตัวแทนจำหน่ายเป็น 70 แห่ง
ถ้าให้ผมประเมินตัวเอง ถือว่าพอใจในระดับหนึ่ง เนื่องจากบริษัท ฯ มีทิศทางที่ชัดเจน มีคณะกรรมการบริหารที่วางแผนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน รองรับการเกิดขึ้นของ AEC
ประการที่ 2 การพยายามที่จะเพิ่มสินค้าในตลาดเมืองไทยให้มากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าตอนนี้สินค้าของ ทาทา มอเตอร์ อาจจะมีไม่ครบทุกเซกเมนท์ที่ตลาดต้องการ แต่ถ้าดูจากสินค้าที่มีขาย โดยเฉพาะสินค้าที่บริษัท ฯ เน้นทำตลาด เช่น กระบะตอนเดียว เพื่อบรรทุก หรือเพื่อการพาณิชย์ น่าจะอยู่อันดับที่ 5 จาก 8 บแรนด์ ซึ่งถ้าดูจากปัจจัยเฉพาะสินค้าที่มีอยู่ บริษัท ฯ ค่อนข้างพอใจกับผลงานที่ทำได้ดีพอสมควร แต่ถ้าต้องการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้มากขึ้น บริษัท ฯ ต้องขยายไปยังเซกเมนท์ที่ใหญ่ขึ้นไปอีก
ฟอร์มูลา : ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ทาทา ประเทศไทย ประสบความสำเร็จคืออะไร ?
ซานเจย์ : จุดเด่นของ ทาทา มอเตอร์ คือ ตัวรถแข็งแรง ประหยัดน้ำมัน จากคำยืนยันของลูกค้าว่าประหยัดกว่า รับน้ำหนักได้มากกว่า เพราะรถ ทาทา จะอยู่ในกลุ่มรถยกสูง แต่รถ ทาทา จะสูงกว่ารถที่ไม่ได้ยกสูงของค่ายอื่น ทำให้การใช้งานเหมาะสมกับทุกสภาพการใช้งาน ขณะที่พื้นกระบะไม่ได้สูงเกินไป เมื่อยกขึ้นหรือลง ถ้ามองในแง่ของรถใช้งานเพื่อการพาณิชย์ ก็จะเหมาะสมและถูกใจลูกค้า และที่สำคัญราคาอะไหล่ถูกกว่า
ฟอร์มูลา : คุณวางแผนงานเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคไว้อย่างไร ?
ซานเจย์ : สิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกค้ามั่นใจ คือ ต้องปรับปรุงเรื่องคุณภาพสินค้า ที่ทางโรงงานจะต้องเข้มงวดเรื่องมาตรฐานการผลิต รวมถึงการบริการหลังการขาย ที่จะต้องขยายเครือข่ายให้ครอบคลุม ควบคู่กับการพัฒนามาตรฐานการบริการ
ปีที่แล้วบริษัท ฯ มีการจัดแข่งขันทักษะช่างเพื่อพัฒนางานบริการของตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ซึ่งอยู่ในแผนงานที่จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ช่างเกิดเแรงจูงใจในการพัฒนาคุณภาพการบริการด้วย
นอกจากนี้ต้องวางแผนเรื่องการสตอคอะไหล่เพื่อลดปัญหาการรอนาน ซึ่งสาเหตุนี้จะทำให้ลูกค้าเกิดความไม่มั่นใจ และที่สำคัญ คือ การแนะนำสินค้ารุ่นใหม่ออกสู่ตลาด เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้ว่า ทาทา มอเตอร์ ยังทำตลาดในประเทศไทยอยู่
ฟอร์มูลา : ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้เท่าไร ?
ซานเจย์ : ปีงบประมาณ 2557 ตั้งเป้าไว้ที่ 5,000-6,000 คัน แบ่งเป็นตลาดส่งออกประมาณ 1,000 คัน
ฟอร์มูลา : คุณรู้สึกอย่างไรกับตลาดเมืองไทย ?
ซานเจย์ : ผมมองว่าคนไทยค่อนข้างมีความรู้ และตื่นตัวในเรื่องสินค้าประเภทรถยนต์มาก โดยเฉพาะในเรื่องคุณภาพของสินค้า ค่อนข้างจะตื่นเต้น และคาดหวังว่าสินค้าใหม่จะต้องมากับคุณสมบัติการใช้งานใหม่ๆ ที่ดีขึ้น ในเรื่องของราคา เป็นราคาที่สมเหตุสมผล สินค้าในประเทศไทยมีความสามารถการไปขายในประเทศอื่นได้ ไม่ค่อยแตกต่างจากความต้องการของประเทศเพื่อนบ้านมากนัก เพราะฉะนั้นในการที่จะพัฒนาสินค้าครั้งหนึ่งสามารถไปขายในตลาดที่ใหญ่ขึ้นได้ ตลาดเมืองไทยค่อนข้างล้ำหน้ากว่าประเทศอินเดีย สิ่งที่เราเก็บเกี่ยวได้จากตลาดเมืองไทย คงไม่ใช่เรื่องยอดขาย แต่เป็นความรู้ที่จะนำมาปฏิบัติ ซึ่งสำคัญมาก สามารถนำไปต่อยอดสินค้าเพื่อปกป้องความเป็นผู้นำในตลาดอินเดียได้ รวมถึงนำไปใช้ในการพัฒนาสินค้า และนำไปจำหน่ายยังประเทศอื่นได้
สุดท้ายอย่างไรก็ตาม ทาทา มอเตอร์ มีเป้าหมายว่า รายได้จะต้องมาจากธุรกิจจากต่างประเทศ มากกว่าธุรกิจในประเทศแม่ ถ้ามองในแง่ที่เป็นประโยชน์ทางอ้อม ทาทา เรียนรู้อย่างมากว่าอะไรคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งเมืองไทยเหมาะสมอย่างมาก
ฟอร์มูลา : คุณคิดว่า ทาทา ประเทศไทย จะต้องมีการปรับเปลี่ยนในส่วนใดเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ ?
ซานเจย์ : อันดับแรกสินค้าจะต้องมีรูปลักษณ์ที่ถูกใจผู้บริโภคมากกว่านี้ ส่วนประกอบต่างๆ ต้องล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีมากกว่านี้ การขยายเครือข่ายต้องให้เข้าถึงทุกที มีคุณภาพ ไม่ใช้เน้นแต่จำนวนเท่านั้น และการเข้าถึงลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น โดยเน้นการจัดกิจกรรม การจัดพโรโมชัน หรือแคมเปญต่างๆ โดยให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ/สุดาภรณ์ ไกรแก้ว
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2558
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/12943