มาตรวัดตลาดรถ
เริ่มฟื้น
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนเมษายน 2016/2015
ตลาดโดยรวม,1.6 % รถยนต์นั่ง,- 8.5 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV),20.6 % รถอเนกประสงค์ (MPV),- 70.0 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ,10.1 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ,66.5 % อื่นๆ,-15.4 %เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-เมษายน 2016/2015
ตลาดโดยรวม,- 6.1 % รถยนต์นั่ง,- 20.6 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV),36.6 % รถอเนกประสงค์ (MPV),- 68.4 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ,- 3.2 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ,39.0 % อื่นๆ,-10.1 % [/table] หลังจากซบเซามาหลายเดือน ล่าสุดเดือนเมษายนที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีวันหยุดราชการมากมาย แต่ยอดขายรถยนต์ก็ไม่ได้หยุดตามไปด้วย กลับขึ้นมาในแดนบวกอีกครั้ง ทำได้มากกว่าปี 2558 ถึง 1.6 % จำนวน 54,907 คัน ทำให้ยอดรวม 4 เดือน ทำได้ 236,467 คัน ช่วยฉุดให้ขึ้นมา แต่น้อยกว่าปีก่อน 6.1 % หนนี้นับเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เหตุเพราะเป็นการเติบโตต่อเนื่องของตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ที่เกิดจากความนิยมในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่เพิ่งออกสู่ตลาด รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ก็ช่วยส่งเสริมบรรยากาศให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากกำลังซื้อยังไม่ขยายตัวเต็มที่ ทำให้อัตราการเติบโตของยอดขายสะสมยังชะลอตัว แต่นักการตลาดก็มองว่า ในเดือนพฤษภาคม แม้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ประกอบกับกิจกรรมส่งเสริมการขาย และการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ น่าจะไม่ทำให้กระตุ้นตลาดได้มากนัก เพราะอารมณ์ของผู้บริโภค หรือกำลังซื้อยังไม่ขยายตัวเต็มที่ น่าจะอยู่ในระดับที่ทรงตัว ไม่กระโดดขึ้นมาหวือหวาให้ได้เห็นกัน รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนเมษายนยังคงปรับตัวลง จากความกังวลต่อความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจโลก ส่งผลกระทบให้การลงทุนของภาคเอกชนยังคงชะลอตัว ประกอบกับภาวะภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อโดยรวม ทำให้แนวโน้มตลาดรถยนต์ในเดือนพฤษภาคมยังอยู่ในสภาวะทรงตัว เมื่อมองย้อนกลับไปในไตรมาสแรก เพียง 3 เดือน ปริมาณการส่งออกของบ้านเรา ขยายตัวกลับมาเป็นบวกเป็นครั้งแรก ที่ 1.1 % หลังจากที่หดตัวตลอดทั้งปี 2558 ที่ผ่านมา รวมทั้งมีแรงหนุนจากการท่องเที่ยว ที่จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มถึง 15.4 % และการใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น 17.7 % และที่สำคัญ การใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ ก็เพิ่ม 8.3 % ทำให้มีเม็ดเงินไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น แต่พอถึงเดือนเมษายน บรรยากาศในภาคการผลิตของหลายๆ ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน และยูโรโซน มีทิศทางชะลอตัวลง เป็นผลกระทบทำให้การส่งออกของไทย กลับมาหดตัวอีกครั้ง คราวนี้ถึง 8.8 % ทั้งนี้มาจากแรงฉุดของความอ่อนแอจากกำลังซื้อของคู่ค้าสำคัญของไทย ขณะที่การส่งออกรถยนต์/ส่วนประกอบ เครื่องจักรกล และแผงวงจรไฟฟ้า กลับมาติดลบอีกครั้ง แต่นักวิเคราะห์ก็ระบุว่า ทิศทางการฟื้นตัวของราคาน้ำมันในตลาดโลก ที่ทะลุระดับ 40 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล และยังคงปรับตัวสูงขึ้น น่าจะยืนใกล้ระดับ 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ในเดือนพฤษภาคม สามารถประเมินได้ว่า อาจช่วยให้แรงกดดันต่อสถานการณ์ราคาสินค้าส่งออกของไทย ภาพรวมคลายตัวลง คาดว่า สินค้าส่งออกในกลุ่มที่มีราคาเชื่อมโยงกับราคาน้ำมันโลก อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เม็ดพลาสติค และยางพารา อาจกลับมามีระดับที่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนก็ได้ ตั้งแต่ช่วงกลางไตรมาสที่ 3/2559 น่าจะช่วยหนุนความเป็นไปได้ ในการเห็นการส่งออกของไทย กลับมาขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ สำหรับแนวโน้มทั้งปี 2559 นั้น นักวิเคราะห์ยังคงมีมุมมองว่า เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะมีโมเมนทัมที่ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ถ้าหากโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐหลายโครงการเริ่มเดินหน้าได้ จึงมีความเป็นไปได้ที่อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2559 อาจขยับขึ้นไปสูงกว่าประมาณการปัจจุบันที่ 3.0 % โดยทั้งนี้ต้องรอดูตัวเลขการส่งออก สถานการณ์เศรษฐกิจต่างประเทศ และที่สำคัญ คือ ปัญหาภัยแล้ง ซึ่งหากฤดูแล้งสิ้นสุดลงภายในเดือนมิถุนายนตามคาด อาจมีการทบทวนประมาณการให้สะท้อนภาพเป็นเชิงบวกมากขึ้น ก็ต้องช่วยกันภาวนา ภาครัฐก็ลงมือเต็มที่แล้ว มีโครงการขนาดใหญ่มากมาย เพียงแต่สภาวะของเศรษฐกิจโลก ยังอยู่ในทิศทางที่ค่อนข้างอ่อนแอ รวมทั้งภาวะภัยแล้งในบ้านของเราเอง ที่ทำให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง แต่ก็เชื่อว่าไม่เกินฝีมือของนักธุรกิจไทยในปัจจุบัน ที่ก้าวขึ้นไปสู่ระดับโลกกันแล้ว ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมของไทย ก็มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนเมษายน หดตัวลงอยู่ที่ 85.0 จากระดับ 86.7 เหตุเพราะเดือนเมษายน มีวันหยุดต่อเนื่องเยอะ ทำให้การใช้กำลังการผลิตลดลง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ รวมทั้งยังมีความกังวลต่อการแข็งค่าของเงินบาท ที่เป็นตัวกระทบขีดความสามารถในการส่งออก รวมทั้งปัญหาภัยแล้ง ทำให้ขาดแคลนวัตถุดิบ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร ปรับตัวสูงขึ้น แต่ในเมื่อยอดการขายรถยนต์ สามารถเพิ่มขึ้นได้ถึง 3 % เป็นเดือนแรกแล้ว เราก็น่าจะได้เห็นยอดขายที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในแต่ละเดือน ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ในครึ่งปีหลังน่าจะเห็นอะไรที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ที่จะเป็นตัวช่วยให้เกิดการซื้อขายรถยนต์มากขึ้น ได้แต่หวังอย่างนั้นนะครับเรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2559
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/125378