รู้ไว้ใช่ว่า
"ไฟไหม้รถ/ค้ายา !"
กระดูกงูร้อยสายไฟ (CABLE CHAIN) คือ พลาสติคแข็งทนความร้อน เป็นท่อกลมๆ ผ่าเอาไว้ตลอดเส้น สำหรับร้อยสายไฟตามปกติ หรือสายไฟที่ยึดติดไว้ 2 ด้านแล้ว โดยไม่ต้องรื้อสายไฟออกมา มีขนาดต่างๆ ให้ใช้ ราคาไม่แพง
ผมนำเสนอเรื่องนี้ เพื่อให้ท่านผู้อ่านใช้เวลาว่างให้สำราญบานใจ ไม่ต้องหงุดหงิด คิดไม่ออก ทำอะไรดี ด้วยการซื้อกระดูกงูร้อยสายไฟ ขนาดต่างๆ สอบถามร้านซ่อมรถที่คุ้นเคยก็ได้ ว่ามีขายที่ไหน เขาขายให้ไหม ใช้ขนาดไหนดี
กลับมาถึงบ้าน เปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดที่ถนัด จากนั้นเปิดฝากระโปรงรถยนต์ที่ใช้ประจำ เก่าใหม่ก็ช่าง เหล่ดูว่าสายไฟในห้องเครื่องเป็นไง เขาเก็บสายไฟจากโรงงานมาดีไหม ใช้ท่อร้อยสายไฟทุกเส้นไหม ถ้าไม่ใช่รถระดับเทพ หรือหรูเลิศ รับรองมีสายเปลือยๆ ให้เราจัดการแน่นอน ทั้งสายเดี่ยวๆ หรือสายที่รวมกันหลายๆ เส้น ชนิดเอาเทปพันสายไฟมาพันไว้ก็มี
ให้ท่านบรรจงเลือกท่อร้อยสายไฟที่เหมาะสม ดำเนินการร้อย หรือจัดการให้สายไฟอยู่ในท่อตั้งแต่หัวถึงหาง เก็บมิดเท่าไร ยิ่งเก่งยิ่งดีเท่านั้น ตอนแรกๆ อาจยังไม่ชำนาญ แต่ทำไปสักพัก เดี๋ยวก็กลายเป็นเรื่องง่าย
สิ่งที่ได้มา คือ ห้องเครื่องในรถของท่านดูเนียน ดูดี ไม่มีสายไฟรุงรังให้เห็น ท่อร้อยสายไฟที่ว่านี้สีดำขรึมขลัง สายไฟเส้นไหนที่ร้อยท่อแล้ว แกว่งไกวไปมาได้ หาตอกพลาสติค หรือสายรัดพลาสติคสีดำ ซึ่งเตรียมไว้แล้ว มารัดแล้วยึดกับจุดที่ยึดได้ เลี่ยงจุดที่มีความร้อนมากๆ เมื่อเครื่องยนต์ทำงาน สายไฟเส้นไหนถลอกหรือจะหลุด ยึดไม่แน่น ฉนวนเปื่อย นั่นละตัวการ ต้องแก้ไขด่วน
สิ่งสำคัญที่ได้มาอีกอย่าง คือ ป้องกันไฟลัดวงจร หรือไฟชอท ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ว่าแล้ว เผ่นออกจากรถ เอาชีวิตรอดแทบไม่ทัน ส่วนรถแสนรักกลายเป็นเศษเหล็กต่อหน้าต่อตา ดังที่เป็นข่าวอยู่เรื่อยในระยะนี้ เพราะอากาศบ้านเราร้อนจัด ตอนหน้าแล้ง เป็นเหตุได้
ตามมาติดๆ ด้วยคดีความให้คึกคักอย่างเคย
"นกกาตายเพราะอาหาร คนตายเพราะสมบัติ" อยากมีรถหรู บ้านหรู แก้วแหวนเงินทอง แล้วไปค้ายาบ้า แม้โทษหนักหนาก็ยังทำ จับกันไม่เว้นแต่ละวัน คนที่ตำรวจตะครุบได้ ติดคุกสวมหมวกไม่ได้ทั้งนั้น ไม่สมควรเลย "นส. เสวยเพชร" วัยกำลังสาว เธอโอดโอยกับญาติพี่น้องที่ไปเยี่ยมยังห้องขังว่า ซวยแท้ๆ ไม่ได้ค้ายา แต่โดนจับโดนฟ้อง จะรอดไหมไม่รู้
ชั้นศาลเธอให้การปฏิเสธ สู้คดี อ้างว่าหนูนั่งรถไปด้วยกับเพื่อน ไม่รู้ว่าเค้าจะไปส่งยาให้ตำรวจที่ล่อซื้อ หนูบริสุทธิ์นะเจ้าคะ ปล่อยหนูเถิด
ศาลชั้นต้นโดยผู้พิพากษาหนุ่ม นั่งหน้าเครียดตามฟอร์มให้ขลัง ไม่ได้ทุกข์ร้อนใจอะไร ฟังความทุกข้างแล้วเห็นว่า นส. เสวยเพชร ไม่ผิด ตัดสินยกฟ้อง ถ้ากรี๊ดได้ เธอคงกรี๊ดด้วยความดีใจ แต่นั่นแค่ยกหนึ่ง
อัยการโจทก์เดินหน้า ยื่นอุทธรณ์ อ้างว่าจำเลยรายนี้สมคบกับพวกที่รับสารภาพ ศาลตัดสินไปก่อนหน้านี้ ค้ายาชัวร์ อย่ายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์นั่งอ่านสำนวนในห้องทำงาน สบายกว่าตอนอยู่ศาลชั้นต้น เห็นว่า นส. เสวยเพชร ทำผิดอยากมีเพชรหรือไง จึงพิพากษากลับ ลงโทษฐานสนับสนุนพรรคพวกในการค้ายาบ้า จำคุก 4 ปี ปรับ 2 แสน 8 หมื่นบาท โทษปรับคดีค้ายา ดุเดือดนะเอ้อ ไม่มีค่าปรับเจ้าหน้าที่ตามไปยึดทรัพย์ซะด้วย ขอบอก
จำเลย คือ นส. เสวยเพชร ทำท่าจะได้เสวยตะราง ส่วนเราท่านไม่รู้ว่าเธอสมคบกับพวกไหม คอยดูว่าศาลฎีกาตัดสินยังไง เมื่อเธอยื่นฎีกา ลุ้นยกสุดท้าย หลุดไม่หลุด
ศาลฎีกาเหล่ดูสำนวนจนตาลายพอสมควร จึงชี้ขาดว่า งานนี้แม้โจทก์ไม่นำตัวสายลับมาเบิกความ ไม่มีพยานเบิกความยันว่า นส. เสวยเพชร มีส่วนร่วมในการเจรจาตกลงซื้อขายยาบ้ากับสายลับ แต่เมื่อ นส. เสวยเพชร กับเพื่อน คือ "นางโกยเงิน" ชื่อไปกันได้ เดินทางโดยรถเก๋ง นำยาบ้ามาส่งมอบให้สายลับด้วยกัน มีนายตำรวจยันว่า เห็นสายลับเดินไปที่รถทางด้านซ้าย จุดที่ นส. เสวยเพชร นั่ง แล้วกระจกรถก็ลดลง สายลับพูดคุยกับคนในรถ มีการส่งมอบสิ่งของแก่กัน การขายยาบ้าโทษสูง ถ้าน้องหนู เสวยเพชร ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง นางโกยเงิน ย่อมไม่กล้าทำโดยเปิดเผย ให้ นส. เสวยเพชร รู้เห็น ชั้นสอบสวน นส. เสวยเพชร ให้การรับว่า นางโกยเงิน ชวนนั่งรถมาเป็นเพื่อน บอกว่าจะเอายาไปส่งลูกค้า ยังงี้ นส. เสวยเพชร ต้องรู้อยู่แล้วว่า นางโกยเงิน ค้ายา จะมาเถียงว่าตำรวจเขียนเอง ฟังไม่ขึ้น อีกอย่าง นางโกยเงิน ก็ไม่ได้มาเป็นพยานบอกว่า นส. เสวยเพชร ไม่เกี่ยว ตำรวจยังคุมตัว นส. เสวยเพชร และนางโกยเงิน ไปตรวจค้นร้านเสริมสวยของ นส. เสวยเพชร ยึดยาบ้าอีก 2 เม็ด ห่อกระดาษตะกั่วเก็บอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ของ นางโกยเงิย ในห้องนอนของร้านเสริมสวย ยังงี้มันชัดอยู่แล้วละว่ารู้เห็นพฤติการณ์ แสดงว่าสนับสนุนเขา
แต่เอาเหอะ ศาลฎีกาเมตตาน้องหนู เห็นว่าคำให้การในชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษศาลฎีกาลดให้ 1 ใน 3 โดยไม่ต้องส่งฝาขวด เหลือจำคุก 2 ปี 8 เดือน และปรับ 186,666.67 บาท
ขอเรียนว่า นั่งรถไปกับใคร ต้องระวังเรื่องค้ายาบ้าไว้ด้วย มีคนซวยเพราะเรื่องพรรค์นี้ไม่น้อย ไม่รู้มาก่อนว่า เขาทำชั่ว เขาขนยาบ้ามาด้วย หรือกำลังไปส่งยา แล้วโดนตำรวจซิว หรือถึงขั้นแหกด่าน โดนไล่ล่า โดนยิง คนที่ไปด้วยบริสุทธิ์ ไม่รู้มาก่อนเลยจริงๆ ยังไงก็โดนรวบ หรือโดนกระสุนด้วยซ้ำ ไม่ตายก็ยากจะแก้ตัว รอดมาได้ต้องไปรดน้ำมนต์ไม่รู้กี่วัด ถ้าติดคุก ผมว่าทุกข์ใจตรอมใจ กว่าคนที่มันทำผิดจริงๆ หลายเท่า คติที่ว่า "รู้หน้าไม่รู้ใจ" จงนำมาเตือนสตินะครับ
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18982/2555
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2558
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/12504