วิถีตลาดรถยนต์
ตลาดโตต่อเนื่อง
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมีนาคม 2016/2015
ตลาดโดยรวม,- 2.0 %
รถยนต์นั่ง,- 18.8 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV),+ 52.4 %
รถอเนกประสงค์ (MPV),- 62.7 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ,- 3.0 %
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ,+ 71.5 %
อื่นๆ,- 4.8 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-มีนาคม 2016/2015
ตลาดโดยรวม,- 8.2 %
รถยนต์นั่ง,- 24.2 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV),+ 41.5 %
รถอเนกประสงค์ (MPV),- 68.0 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ,- 6.4 %
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ,+ 32.5 %
อื่นๆ,- 8.4 %
[/table]
เป็นประจำทุกปีที่ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ 6 เดือนแรกของปีจะมีช่วงที่พีคที่สุด คือ เดือนมีนาคม และเมษายน ซึ่งเป็นเดือนที่ 3 และ 4 ตามปฏิทินสากล อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากรอบวัฏจักรของการจัดงานมอเตอร์โชว์ ที่ถือเป็นงานแสดงรถยนต์งานแรกของปี ซึ่งผู้จำหน่ายรถยนต์รายใหญ่รายเล็ก ทั้งที่ฐานการผลิตรถยนต์อยู่ในประเทศ และประเภทที่นำเข้าสำเร็จรูปทั้งคัน ไม่พลาดที่จะจับจองพื้นที่ภายในงานเพื่อแสดงรถยนต์รุ่นใหม่ รุ่นที่มีจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน และรถยนต์ที่มีจำหน่ายอยู่แต่ตกแต่งพิเศษเฉพาะกิจ รวมถึงรถยนต์ที่ไม่ขึ้นสายการผลิตจริง แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และเทคโนโลยี่ที่ก้าวหน้า และที่พลาดไม่ได้ ไม่มีก็ไม่ได้ นั่นคือ พริททีสาวสวยที่ผ่านการคัดสรรการทเรนความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์มาเป็นอย่างดี
ขณะที่พโรโมชันพิเศษกระตุ้นการตัดสินใจซื้อให้ง่ายขึ้นเร็วขึ้นของผู้จำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ขาดเสียไม่ได้ และเป็นเสน่ห์ของงานมอเตอร์โชว์แบบไทยๆ ที่หาไม่ได้ในงานมอเตอร์โชว์ประเทศอื่น
ปี 2559 นี้ก็เหมือนเช่นปีที่ผ่านๆ มา ยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในประเทศขยับตัวสูงขึ้นเป็นพิเศษในเดือนมีนาคม และจะต่อเนื่องไปจนถึงเดือนเมษายน ก่อนที่จะปรับระดับเพดานบินลงมาเป็นระดับปกติในเดือนต่อๆ ไปจนกว่าจะถึงการจัดงานแสดงรถยนต์ในช่วงกลางปีและปลายปีอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ยอดจำหน่ายและจองรถยนต์ใหม่ในระหว่างการจัดงานมอเตอร์โชว์ ถึงแม้จะเป็นตัวเลขที่สูงพอสมควร แต่ก็ยังต่ำกว่าความคาดหมายของผู้จัดงานไปเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากความยังไม่มั่นใจในเรื่องของเศรษฐกิจครัวเรือนเท่าใดนัก กำลังซื้อที่ขาดหายไปจากภาคการเกษตร และอีกทั้งการถึงจุดอิ่มตัวจากโครงการรถยนต์คันแรก เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เห็นได้จากยอดจองภายในงาน ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากรถยนต์ในกลุ่มอีโคคาร์ แต่เป็นรถยนต์ที่มีฐานราคาจำหน่ายสูงกว่า โดยรถยนต์ที่ได้รับความสนใจสั่งจองมากที่สุด เป็นรถยนต์จากค่าย ฮอนดา ตามด้วย โตโยตา, นิสสัน, มาซดา และมิตซูบิชิ ซึ่งใน 3 ยี่ห้อหลังนี้มีตัวเลขยอดจองที่ต่างกันเพียงไม่กี่สิบคันเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ยอดจำหน่ายและยอดจองบางส่วนในงานมอเตอร์โชว์ เมื่อนำมารวมกับยอดจำหน่ายและยอดส่งมอบจากโชว์รูมผู้จำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ ทั่วประเทศ ที่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม ทำให้เดือนนี้ของปี 2559 ยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาอย่างมาก แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะแซงผ่านยอดจำหน่ายที่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคมของปี 2558 โดยยอดจำหน่ายรถยนต์เดือนมีนาคม ปี 2559 อยู่ที่ 72,646 คัน ขณะที่เดือนมีนาคมปี 2558 อยู่ที่ 74,117 คัน ต่างกันอยู่ 1,471 คัน ติดลบ 2.0 % และเมื่อนำตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ที่เกิดขึ้นในเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ มาบวกรวมกับยอดจำหน่ายที่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคมนี้ ทำให้การซื้อขายรถยนต์ใหม่ทุกประเภททุกชนิดรวมกันแล้ว 181,560 คัน น้อยกว่าที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาเดียวกันนี้ในปีที่ผ่านมา 8.2 % โดยยี่ห้อรถยนต์ที่ถือครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด เมื่อผ่านไตรมาสแรกของปี 2559 นี้ไป 5 อันดับแรกประกอบไปด้วย โตโยตา ถือครองส่วนแบ่งการตลาด 27.7 % จากยอดจำหน่ายรวม 3 เดือนแรกของปี 50,285 คัน อีซูซุ มีส่วนแบ่งการตลาด 20.1 % จากยอดจำหน่ายรวม 36,419 คัน ฮอนดา ส่วนแบ่งการตลาด 13.8 % ยอดจำหน่ายรวม 25,02
8 คัน มิตซูบิชิ ส่วนแบ่งการตลาด 9.3 % ยอดจำหน่ายรวม 16,921 คัน และนิสสัน ส่วนแบ่งตลาด 7.0 % จากยอดจำหน่ายรวม 12,701 คัน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดมากสุด แต่เมื่อซอยย่อยออกไปในแต่ละตลาดรถยนต์ โตโยตา ก็ใช่ว่าจะยึดตำแหน่งยอดจำหน่ายมากที่สุดได้ในทุกตลาด โดยเฉพาะในตลาดรถยนต์นั่งที่ยอดจำหน่ายสูงที่สุด เมื่อผ่านไตรมาสแรกของปีนี้ไปเป็น ฮอนดา ที่เป็นผู้นำยอดจำหน่ายอยู่ ซึ่งเป็นการบ้านที่ทีมงาน โตโยตา ต้องขบคิดกันต่อไปว่าจะพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นผู้นำได้อย่างไรต่อไป ขณะที่ตลาดรถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่เป็นตลาดใหญ่ มีสัดส่วนการตลาดมากที่สุดเช่นเดียวกับสัดส่วนการตลาดของรถยนต์นั่ง โตโยตา ก็ยังไม่สามารถกลับมาทวงตำแหน่งแชมพ์ยอดจำหน่ายสูงสุดได้เมื่อไตรมาสแรกของปีสิ้นสุดลง ยังคงมียอดจำหน่ายรวมที่ตามหลัง อีซูซุ อยู่พอสมควร และเป็นอีกหนึ่งการบ้านที่ทีมงาน โตโยตา ต้องหาทางแก้ไขสถานการณ์ให้ได้ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่อีก 3 ไตรมาสในปี 2559 นี้
สำหรับตัวเลขยอดจำหน่ายพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ ในเดือนมีนาคม ปี 2559 มียอดรวมทั้งสิ้น 28,208 คัน ลดลง 3.0 % เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม ปี 2558 โดย อีซูซุ มีผู้สนใจเลือกซื้อหาไปใช้งานมากที่สุดถึง 11,210 คัน ทำให้ได้ส่วนแบ่งการตลาดไป 39.7 % ขณะที่ โตโยตา อยู่ในอันดับ 2 จำหน่ายไปได้ 8,589 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 30.4 % อันดับ 3 ฟอร์ด มียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 2,291 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 8.1 % ตามด้วยพิคอัพ ทไรทัน จากค่าย มิตซูบิชิ ยอดจำหน่ายอยู่ที่ 2,199 คัน ได้ส่วนแบ่งการตลาดไป 7.8 % และอันดับ 5 เป็นพิคอัพตระกูล นาวารา ของ นิสสัน ยอดจำหน่ายรวม 1,686 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 6.0 %
เวลาผ่านพ้นไป 3 เดือน พิคอัพขับเคลื่อน 2 ล้อ จำหน่ายไปแล้วรวมทั้งสิ้น 75,587 คัน ลดลง 6.4 % เมื่อเทียบช่วง 3 เดือนแรกของปี 2558 อีซูซุ ผงาดยึดตำแหน่งจ่าฝูง ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยจำหน่ายแล้วรวม 31,202 คัน ส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 41.3 % โตโยตา ถึงแม้ต้องการทวงบัลลังก์แชมพ์คืนแต่ก็ยังไม่ใช่โอกาสของ โตโยตา ในไตรมาสแรกของปี 2559 นี้ทำได้ดีที่สุดในอันดับ 2 จากยอดจำหน่ายรวม 22,094 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 29.2 % ตามด้วย ฟอร์ด ที่มาแรงในปีนี้ แต่ยังห่างไกลจากอันดับที่ 1 และ 2 อย่างมาก 3 เดือนแรก ฟอร์ด มียอดจำหน่ายรวม 5,904 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 7.8 % อันดับที่ 4 เป็นของ มิตซูบิชิ 5,328 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 7.0 % และพิคอัพจาก นิสสัน อยู่ในอันดับที่ 5 ยอดรวม 5,085 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 6.7 % ยังบอกได้ยากว่าใครจะเป็นหมู่ใครจะเป็นจ่าสำหรับตลาดรถยนต์ประเภทนี้ คงต้องให้เวลาที่เหลืออยู่อีก 9 เดือน และผู้ซื้อ เป็นผู้ให้คำตอบที่ถูกต้องชัดเจนต่อไป
พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นตลาดที่ชัดเจนที่สุดว่า โตโยตา ผูกขาดตำแหน่งแชมพ์ยอดจำหน่ายสูงสุดอย่างแน่นอน แม้ว่าจะเหลือเวลาให้ค้าขายกันอีกถึง 9 เดือนก็ตาม จากยอดจำหน่ายที่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคมนี้ที่ 3,082 คัน เป็นรถ โตโยตา 62.8 % หรือ 1,936 คัน ขณะที่อันดับ 2 อีซูซุ ยังจำหน่ายไปได้เพียง 437 คัน หรือ 14.2 % ของตลาดเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 ฟอร์ด จำหน่ายได้ 307 คัน ส่วนแบ่งตลาด 10.0 % จากยอดจำหน่ายรวมทั้งหมด อันดับ 4 มิตซูบิชิ จำหน่ายได้ 290 คัน เท่ากับ 9.4 % ของตลาดรวม และอันดับ 5 นิสสัน 82 คัน ส่วนแบ่งตลาด 2.7 % รวม 3 เดือน ยอดจำหน่ายพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ มีทั้งสิ้น 7,076 คัน เพิ่มขึ้น 32.5 % 5 อันดับแรก โตโยตา 4,205 คัน ส่วนแบ่งตลาด 59.4 % อีซูซุ 1,107 คัน ส่วนแบ่งตลาด 15.6 % ฟอร์ด 799 คัน ส่วนแบ่งตลาด 11.3 % มิตซูบิชิ 685 คัน ส่วนแบ่งตลาด 9.7 % และนิสสัน 220 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3.1 %
ตลาดรถเอสยูวี ถึงแม้ โตโยตา จะนำหน้าอยู่ทั้งจากยอดจำหน่ายรายเดือน และยอดจำหน่ายรวม 3 เดือน แต่ใช่ว่าจะนิ่งนอนใจได้ เพราะคู่แข่งสำคัญ ฮอนดา ตามอยู่ไม่ห่างนัก แถมยังมีรถยนต์ประเภทนี้ให้เลือกหลากหลายโมเดลกว่าอีกด้วย 9 เดือนที่เหลือมีโอกาสพลิกสถานการณ์ขึ้นมาคว้าแชมพ์ยอดจำหน่ายไปครองก็เป็นไปได้ถ้า โตโยตา ไม่มีโมเดลใหม่ๆ มาเสริมตลาด เดือนมีนาคม ยอดจำหน่ายของรถเอสยูวี อยู่ที่ 13,673 คัน เพิ่มขึ้นถึง 52.4 % เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม ปี 2558 โดย โตโยตา จำหน่ายไปได้ถึง 4,195 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 30.7 % ฮอนดา จำหน่ายได้ 3,704 คัน มากเป็นอันดับที่ 2 ส่วนแบ่งตลาด 27.1 % อันดับ 3 เป็นของ มิตซูบิชิ 2,938 คัน ส่วนแบ่งตลาด 21.5 % อันดับ 4 มาซดา 888 คัน ส่วนแบ่งตลาด 6.5 % และอันดับ 5 นิสสัน 745 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 5.4 %
ไตรมาสแรกของปี 2559 กล่าวได้ว่ารถเอสยูวี เป็นตลาดที่มีการเติบโตมากที่สุดในบรรดารถยนต์ประเภทต่างๆ ที่มีจำหน่ายอยู่ มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 31,080 คัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปี 2558 ถึง 41.5 % รถเอสยูวีที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในไตรมาสแรก เป็นของ โตโยตา มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 28.4 % จากยอดจำหน่ายทั้งสิ้น 8,841 คัน ตามด้วย ฮอนดา ส่วนแบ่งการตลาด 25.5 % จากยอดจำหน่าย 7,922 คัน มิตซูบิชิ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในอันดับที่ 3 จากยอดจำหน่าย 6,487 คัน ซึ่งเท่ากับ 20.9 % ของยอดจำหน่ายรวมทั้งตลาด อันดับที่ 4 มาซดา มียอดจำหน่ายรวม 2,353 คัน คิดเป็น 7.6 % ของตลาดทั้งหมด และความนิยมสูงเป็นอันดับที่ 5 ตกเป็นของ นิสสัน ยอดจำหน่ายรวม 1,824 คัน ได้ส่วนแบ่งการตลาด 5.9 %
#รถเอมพีวี สวนทางกับกระแสความนิยมของรถเอสยูวี ยอดจำหน่ายเดือนมีนาคมหดหายไปเกินกว่าครึ่ง เมื่อเทียบกับยอดจำหน่ายเดือนมีนาคม ปี 2558 โดยจำหน่ายรวมกันได้เพียง 591 คัน ลดลงถึง 62.7 % เป็นอีกตลาดหนึ่งที่ โตโยตา มีแนวโน้มว่าจะเป็นแชมพ์ยอดจำหน่ายสูงสุดได้ เฉพาะเดือนมีนาคมจำหน่ายได้ 275 คัน คิดเป็นสัดส่วนการตลาดสูงถึง 46.5 % อันดับ 2 ฮอนดา จำหน่ายได้ 100 คัน เท่ากับ 16.9 % ของตลาด อันดับ 3 เป็นของ ซูซูกิ จำหน่ายได้ 94 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 15.9 % อันดับ 4 เกีย จำหน่ายได้ 53 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดเท่ากับ 9.0 % และอันดับ 5 นิสสัน 45 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 7.6 %
รวม 3 เดือนแรกของปี 2559 รถเอมพีวี มียอดจำหน่ายที่ลดน้อยลงจาก 3 เดือนแรกของปี 2558 ถึง 68.0 % จำหน่ายได้มากที่สุดมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเป็นอันดับ 1 ได้แก่ โตโยตา 433 คัน เท่ากับ 31.5 % ของตลาดทั้งหมด อันดับ 2 ฮอนดา 368 คัน มีส่วนแบ่งการตลาด 26.8 % อันดับ 3 ซูซูกิ 239 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 17.4 % อันดับ 4 นิสสัน 145 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 10.5 % และอันดับ 5 เกีย 71 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 5.2 %
การจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยปิดไตรมาสแรกไปด้วยประการฉะนี้แล
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2559
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/124143