กิจกรรม(formula)
MERCEDES-BENZ THE NEW E-CLASS
DAIMLER AG จัดกิจกรรม THE PRESS TEST DRIVER FOR MERCEDES-BENZ THE NEW E-CLASS ณ เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เพื่อเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนจากทั่วโลกได้สัมผัส เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ รุ่นล่าสุด 6 รุ่น ประกอบด้วย อี 200/อี 200 ดี/อี 300/อี 350 ดี/อี 350 อี และ อี 400 4 เมทิค ซึ่งเป็น อี-คลาสส์ เจเนอเรชันที่ 10 ได้รับการยกย่องให้เป็นที่สุดของความอัจฉริยะ ทั้งเรื่องสมรรถนะเครื่องยนต์ ที่ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และลดการปล่อย CO2 รวมถึงเทคโนโลยีที่ทำให้การขับขี่ง่ายและความปลอดภัยมากขึ้น เช่น ระบบไฟหน้ามัลทิบีม แอลอีดี แบบความละเอียดสูงทำงานด้วยระบบดิจิทอลทั้งหมด รวมถึงระบบ แอคทีฟ ไลท์ ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าเป็นครั้งแรกของโลก
DAIMLER AG ได้ส่ง เมร์เซเดส-เบนซ์ วี-คลาสส์ รถตู้ 6 ที่นั่ง เบาะนุ่มนั่งสบาย กว้างขวาง มารับถึงสนามบิน ไปส่งที่ ESPELHO DE AGUA จุดเริ่มต้นกิจกรรมวันนั้น โดยหลังจากลงทะเบียนแล้ว มีการต้อนรับด้วยอาหารเที่ยง และกล่าวทักทาย พร้อมทั้งแนะนำ เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ ใหม่ ด้วยวีทีอาร์สั้นๆ จากนั้นนักข่าวทุกคนมีโอกาสได้เลือก อี-คลาสส์ ใหม่ รุ่นไหนก็ได้ ขับไปสนามแข่ง ESTORIL เพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น โดยขับตามแผนที่จากระบบนำทางผ่านดาวเทียมที่แม่นยำ และใช้งานง่าย
กิจกรรมวันแรก
เริ่มจากการนำชมเครื่องยนต์ 4 สูบ เกียร์ แบบ 9G-TRONIC (เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ) ตัวถังน้ำหนักเบา แต่แข็งแกร่ง การทำงานของระบบไฟ การเชื่อมต่อมือถือ จากนั้นเป็นการสาธิตเทคโนโลยีความปลอดภัยต่างๆ โดยแบ่งออกเป็น 4 สถานี ดังนี้
1. COMFORT สาธิตการทำงานของระบบ DRIVE PILOT เทคโนโลยีที่รถขับเองได้ สามารถอ่านป้ายกำหนดความเร็วบนถนน และปรับความเร็วให้เป็นไปตามป้าย หักพวงมาลัยกลับมาเองได้ หากขับรถทับเส้นแบ่งเลน ในกรณีเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว รถจะหักพวงมาลัยเอง ถ้าเรดาร์จับว่าไม่มีรถใกล้เข้ามา หรือหากการจราจรติดขัดรถเคลื่อนไปได้อย่างช้าๆ สามารถตั้งให้ขับตามคันหน้าโดยที่เราไม่ต้องหมุนพวงมาลัย หรือเหยียบเบรคเลย
2. SAFETY เน้นเรื่องการสาธิตระบบช่วยเบรคอัตโนมัติ โดยการจำลองสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะมีคนปั่นจักรยานอยู่ด้านข้าง หรือมีรถคันข้างๆ วิ่งอยู่ใกล้เกินไป ระบบก็จะเตือน และหักพวงมาลัยออกมาโดยอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ หากผู้ขับมัวแต่เล่นโทรศัพท์ ไม่ทันมองว่ามีรถเบรคอยู่ข้างหน้า หรือหากมีรถ หรือคนวิ่งตัดหน้า รถก็จะเบรคโดยอัตโนมัติแม้ในขณะความเร็วสูง และที่เหนือไปกว่านั้น ระบบจะคำนวณ และตัดสินใจให้ถ้าสิ่งกีดขวางนั้นสามารถหลบพ้น รถก็จะไม่เบรค หรือเบรคแค่ครึ่งเดียว แล้วแต่ละสถานการณ์ ต้องขอชมเชยว่า สถานีนี้เป็นการสาธิตที่ทำให้เห็นภาพได้ชัดมาก มีการนำตุ๊กตาจำลอง รถยนต์จำลองมาประกอบในการสาธิตด้วย ทำให้เสมือนจริงมากขึ้น และสามารถทดสอบให้เห็นประสิทธิภาพสูงสุดของระบบนี้ได้ชัดเจน
3. HIGH WAY เป็นการทดสอบระบบ DRIVE PILOT บนถนนไฮเวย์ที่มีการใช้งานจริง เพื่อให้เห็นการทำงานของระบบให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
4. PARKING สาธิตระบบการจอดอัตโนมัติ สามารถจอดได้เอง ทั้งวิธีจอดแบบเข้าซอง จอดขนาน และการจอดแบบตั้งฉาก หรือการถอย/เดินหน้าจอดในที่แคบ โดยการจอดแบบนี้ สามารถควบคุมการใช้งานผ่านมือถือได้เลย ขณะที่เราอยู่นอกตัวรถ ในกรณีต้องถอยจอดในที่แคบ และลงจากรถไม่สะดวก โดยเพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
หลังจากเสร็จกิจกรรมวันแรกในสนาม ผู้สื่อข่าวสามารถเลือกขับ อี-คลาสส์ รุ่นใดก็ได้ กลับที่พักสุดหรูกลางใจเมืองลิสบอน และปิดท้ายด้วยดินเนอร์แสนอร่อย ร่วมกับผู้บริหารจาก เมร์เซเดส-เบนซ์ เยอรมนี
กิจกรรมวันที่ 2
ผู้จัดเสนอทางเลือกให้นักข่าว 2 ทาง คือ ขับรถออกนอกเมือง ระยะทางประมาณ 70-80 กม. หรือขับในสนาม ตอนแรกสองจิตสองใจอยู่ว่าจะเลือกทางไหนดี เพราะน่าสนใจทั้งคู่ แต่สุดท้ายแล้วก็เลือกขับในสนาม เพราะได้ยินว่าสนามนี้เคยเป็นสนามแข่ง F1 มาก่อน ครั้งหนึ่งในชีวิต ขอสัมผัสประสบการณ์สนามแบบนี้ดูสักครั้ง และอยากได้ทดสอบสมรรถนะรถแบบเต็มๆ เพราะวันแรก เน้นไปที่การแนะนำระบบต่างๆ ของรถเสียมากกว่า พอไปถึงที่สนาม ได้ลงรอบแรกใช้ อี 400 4 เมทิค ในโหมด SPORT+ โดยขับตามครูฝึกที่เป็นนักแข่งรถชาวเยอรมัน จำนวน 3 รอบสนาม รอบแรกให้ทำความคุ้นเคยกับรถ รอบ 2 ให้ดูไลน์สนาม และรอบ 3 ให้ทดสอบจริง
สรุปภาพรวม
จากการทดลองขับ 3 รอบ (ที่อาจจะดูน้อยไปหน่อย) แต่ก็พอจะจับความรู้สึกได้ว่า ในเรื่องของการขับขี่ในสนาม เมร์เซเดส-เบนซ์ อี 400 4 เมทิค เป็นลักชัวรี ซีดาน ที่แรง เร่งสนุก การกระจายน้ำหนักใช้ได้ ส่วนการขับทั่วไปบนท้องถนนนั้น ต้องยกนิ้วให้ ด้วยช่วงล่างที่นุ่มนวล เบาะที่นั่งกระชับตัว ให้ความรู้สึกเบาสบายในการขับเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังนำเกียร์ 9G-TRONIC เข้ามาใช้ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว ควบคุมเเรงเหวี่ยงจากการทำงานของเครื่องให้ต่ำลง ช่วยให้การขับนุ่มนวล มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มความสนุกในการขับ โดยมีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 5 แบบ คือ ECO, COMFORT, SPORT, SPORT+, INDIVIDUAL เทคโนโลยีฉลาดล้ำ สมกับเป็นรุ่นที่เรียกว่า INTELLIGENT DRIVE ทั้งเรื่องความปลอดภัย ความประหยัด เทคโนโลยี และการขับขี่ โดยเฉพาะในรุ่น อี 350 อี เป็นรุ่นไฮบริดที่ขับแล้ว รู้สึกว่าการทำงานของระบบไฟฟ้าเงียบ และเนียนมาก
ภายใน มีปุ่มควบคุมที่พวงมาลัยแบบสัมผัส แผงหน้าปัดทันสมัยขึ้นกว่าเดิม ด้วยจอดิสพเลย์รายละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอ แบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วน คือ แผงหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดต่างๆ ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ WIDE SCREEN ขนาดใหญ่ เพื่อให้ผู้ขับมองเห็นได้อย่างชัดเจน และอีกส่วนหนึ่ง จะเป็นหน้าจออินโฟเทนเมนท์ โดยผู้ขับขี่ สามารถเลือกรูปแบบของแผงหน้าปัดได้ 3 แบบ ได้แก่ แบบคลาสสิค แบบสปอร์ท และแบบพโรกเรสสีฟ อีกทั้งระบบเชื่อมต่อมือถือ ที่เพรียบพร้อมอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้มือถือแทนกุญแจ การชาร์จมือถือไร้สาย การเชื่อมต่อมือถือผ่านจอดิสพเลย์ นอกจากนั้นภายในห้องโดยสาร สามารถสร้างบรรยากาศที่แตกต่างด้วยสีไฟถึง 64 สี
จุดเด่นของ เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์ ใหม่ อยู่ที่ระบบความปลอดภัยที่ใช้งานได้จริง และมีประโยชน์ในชีวิตประจำวัน แต่น่าเสียดายว่ารุ่นที่จะนำมาขายในเมืองไทยนั้น อาจมีออพชันไม่ครบ เนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่รองรับ
เรื่องโดย : ชไมพร ปภัสร์พงษ์
ภาพโดย : โรงงานผู้ผลิต
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2559
คอลัมน์ Online : กิจกรรม(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/122868