รอบรู้เรื่องรถ
บอกเล่าเก้าสิบในงานแสดงรถยนต์
เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้ไปงานแสดงรถสปอร์ทจากอิตาลี ซึ่งจัดขึ้นภายในศูนย์การค้าใหญ่ย่านราชประสงค์ งานแสดงประเภทนี้จัดอยู่ในระดับ "ห้ามพลาด" ในใจของคนชอบรถอย่างผม เพิ่งจะมีในระยะหลังนี่แหละครับ ที่ถูกลดระดับมาเป็น "ถ้าพลาด ก็ดีไปอีกแบบหนึ่ง ไม่เสียความรู้สึก" ด้วยเหตุอะไรเดี๋ยวจะทราบเองครับ
สำหรับงานนี้ แม้ส่วนใหญ่จะเป็นรถส่วนตัว ที่เจ้าของต้องเสียสละบางสิ่งเพื่อให้ผู้สนใจได้ชม แต่ผู้จัด คือ ตัวแทนจำหน่ายโดยตรงอย่างเป็นทางการ ผมดูพื้นเพเจ้าของกิจการแล้ว เริ่มมีความหวังด้านบวกขึ้นมาทันที งานนี้จึงอยู่ในตาราง "ห้ามพลาด" รอจนถึงวันแรกของงาน ผมรีบไปชมพร้อมความหวังด้านบวกดังกล่าว ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งนั่นก็คือ งานแสดงรถที่เป็นการแสดงรถจริงๆ ไม่ใช่งานแสดงเจ้าของรถเหมือนที่เราเห็นกันมาโดยตลอด เพราะในงานนี้ มีเพียงป้ายบอกคุณสมบัติของรถแต่ละคันเท่านั้น ซึ่งก็มีแค่นี้แหละครับที่ผู้ชมเขาอยากทราบไม่ต้องมาบอกชื่อ นามสกุลเจ้าของรถ บางรายต้องมีรูปด้วย พร้อมประวัติการได้มา เช่น "พอดีคุณพ่อไปเยี่ยมตอนเรียนอยู่ที่อังกฤษ เลยเจียดเศษเงินจากส่วยมาซื้อให้ครับ" ในฐานะตัวแทนของผู้ชม ผมขอบอกเลยว่าเขาอ่านแล้วคลื่นเหียนอยากอาเจียนมากกว่า
ไม่มีใครชื่นชมหรอกครับ แล้วอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งข้อนี้สำคัญมาก และไม่ค่อยมีใครเข้าใจ ก็คือ ถ้าคุณเป็นผู้มีชื่อเสียงระดับสาธารณชนส่วนใหญ่รู้จัก เขาก็รู้จักอยู่แล้วไม่ว่าคุณจะนำรถพร้อมป้ายชื่อมาแสดงหรือไม่ก็ตาม และในทางตรงกันข้ามถ้าคุณไม่ได้มีชื่อเสียงดังกล่าว ตั้งป้ายหน้ารถแล้ว ก็ไม่มีใครรู้จัก หรืออยากจดจำอยู่ดี เพราะเขาสนใจแต่รถ ประเทศไทยหลุดพ้นจากการเป็นประเทศด้อยพัฒนามานานพอสมควรแล้วครับ เรื่อง "เฉิ่มๆ" หรือ "น้ำเน่า" แบบนี้น่าจะหมดไปนานแล้ว ผมเชื่อว่ามันขึ้นอยู่กับทัศนคติของผู้จัดงานด้วย ในการยกระดับมาตรฐานของงานประเภทนี้ ให้อยู่ในระดับสากลหรือไม่ ต้องสื่อให้เจ้าของรถเข้าใจในการได้รับเกียรติโดยถูกเชิญให้นำรถมาแสดงอย่างนิรนาม หรือหากเจ้าของรถไม่เห็นความสำคัญของสิ่งนี้ และมีรถที่หายาก น่านำมาแสดงผู้จัดก็จะต้องวิงวอน ขอร้อง หรือทำอะไรก็ตาม ให้เจ้าของรถยินยอม โดยไม่จำเป็นต้องเอา "ป้ายน้ำเน่า" ไปเสนอเป็นสิ่งตอบแทน
ไม่ต้องอ้อมค้อมดีกว่านะครับ เพราะผมไม่เคยรับจ้างเขียนชมใคร ผู้จัดงานแสดงรถ อันสมควรเป็นแบบอย่างที่ดี คือ ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ของ แฟร์รารี จากประเทศอิตาลี งานแสดงรถมูลค่าสูง และส่วนใหญ่เป็นรถส่วนตัว ต้องมีหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ดีมาก จึงจะสร้างความมั่นใจให้แก่เจ้าของรถที่เสียสละ ซึ่งก็ทำได้ดีมากครับ มีส่วนที่น่าปรับปรุง คือ ข้อมูลจำเพาะของรถแต่ละด้านตัวเล็กมากสำหรับผู้ชมที่ยืนอ่าน และรายละเอียดมากไปครับ น่าจะคิดเฉพาะตัวที่น่าสนใจ เช่น กำลังสูงสุด แรงบิดสูงสุด ชนิดของเครื่องยนต์ ความจุของเครื่องยนต์ อัตราเร่ง ปี และจำนวนที่ผลิต (ในกรณีที่เลิกผลิตแล้ว) น้ำหนักรถ รูปแบบของระบบรองรับ จำนวนเกียร์ ความเร็วสูงสุด ก็น่าจะพอแล้วครับ กว้าง-ยาว-สูง ไม่ต้องบอกเพราะผู้ชมเขาเห็นกับตาอยู่แล้ว หน่วยของกำลัง แรงบิด และน้ำหนัก ควรเทียบเป็นหน่วยเดียวกันทุกคัน อย่าเอาแรงม้าปนกับกิโลวัตต์ น้ำหนักก็ควรเป็น กก. ทุกคันครับ อย่ามีปอนด์เป็นบางคัน
ศูนย์การค้าใหม่ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามการขยายตัวของเมืองเสมอครับ ตามนโยบาย "ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ถ้าคุณมีเงินพอ เราจะตามไปล้วงเงินจากกระเป๋าคุณ" และไม่ได้มารายเดียวด้วย เพราะธุรกิจนี้ขับเคี่ยวกันแบบเอาเป็นเอาตายอยู่แล้ว ไม่มีใครยอมใครเด็ดขาด ซึ่งตรงนี้ผมชอบมาก เพราะผลดีจากการแข่งขันจะตกแก่ลูกค้า ในรูปแบบของการให้บริการ
ผมขอให้ความเห็นเฉพาะการบริการที่เกี่ยวกับรถของลูกค้านะครับ ซึ่งก็มีอยู่แค่สองเรื่องหลักเท่านั้น คือ ความสะดวก และความปลอดภัย ด้านความปลอดภัยก็เป็นที่ทราบกันอยู่นะครับ คือ มีจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เพียงพอ เหมาะสมกับพื้นที่ แต่จำนวนก็ยังไม่สำคัญเท่ากับคุณภาพนะครับ ลานจอดรถต้องมีแสงสว่างเพียงพอ และทั่วถึงทั้งพื้นที่ ที่จอดรถสำหรับผู้พิการก็ต้องถูกสงวนไว้ตามจุดประสงค์ ไม่ใช่ปล่อยให้คนหน้าด้าน หรือนักฉกฉวยที่เผลอมาใช้แทน ด้านความสะดวก ก็ต้องเริ่มตั้งแต่ทางเข้า ลูกค้าต้องขับรถเข้าได้ โดยไม่ต้องถูกรถขาออกขวางจนต้องผลัดกันไป รับบัตรแล้วลูกค้าจะต้องขับไปสู่ที่จอดได้โดยไม่เกิดความเครียดจากป้ายบอกทางที่ไม่ชัดเจน บางที่ไปถึงทางแยกแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะให้ไปทางซ้ายหรือขวา ปัญหานี้แก้ไม่ยากครับ ผู้บริหารควรมาทดลองสมมติตนเองเป็นลูกค้าที่มาศูนย์การค้านี้เป็นครั้งแรก ทำใจให้เหมือนผู้ไม่รู้เส้นทางมาก่อน ก็จะพบจุดบกพร่องได้ไม่ยาก
ถัดมาคือ ขนาดหรือความกว้างของช่องจอด ต้องกว้างพอที่ลูกค้าจะเปิดประตูขึ้นลงได้ไม่ยากนัก ไม่เสี่ยงต่อการไปกระทบรถที่จอดอยู่ด้านข้าง ผมไม่มีตัวเลขความกว้างอยู่ในใจ เพราะไม่ได้ทำงานด้านนี้ แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมพบว่าขนาดที่ผมเห็น และทดลองแล้วว่ากว้างพอ คือ ความกว้างของช่องจอดรถในอาคาร B ของศูนย์การค้า ดิ เอมโพเรียม และที่กว้างจนรู้สึกได้เลยถึงความสะดวก และคิดว่ากว้างที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมา คือ ช่องจอดรถของศูนย์การค้า K-VILLAGE สั่งสายลับไปวัดกันเอาเองนะครับ เพราะทุกศูนย์ ฯ ก็จะมีสายลับตรวจสอบคู่แข่งกันตลอดเวลาอยู่แล้ว กรณีที่เป็นอาคารจอดรถผมขอแนะนำให้ใช้ ความกว้างของช่องจอดเป็นจุดเริ่มต้น ตั้งแต่ตอนออกแบบ ให้ความกว้างของช่องจอด เป็นตัวกำหนดระยะห่างของเสาอาคารไปเลยตั้งแต่ต้น
สร้างศูนย์การค้าหรูเสร็จแล้ว ผู้บริหารก็ต้องอยากให้เจ้าของรถหรูมาใช้บริการกันมากๆ ซึ่งเป็นธรรมดาอยู่แล้ว โดยเฉพาะรถสปอร์ทหรูที่สะดุดตาลูกค้าอย่างชะงัด ถือเป็นการยกระดับภาพลักษณ์ของศูนย์ ฯ แบบได้ฟรีไม่ต้องใช้งบโฆษณา ยังไม่ต้องพูดถึงความพร้อมในการเอาเงินมาใช้จ่าย ถ้าแน่ใจว่าทุกอย่างเพียบพร้อมแล้ว แต่จำนวนเจ้าของรถประเภทนี้ ยังต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ผมเชื่อว่าเหลืออยู่เพียงสาเหตุเดียวครับ คือ พวกเขาไม่กล้ามา หรือจะเรียกว่ามาไม่ได้ก็คงไม่ผิด รถสปอร์ทเหล่านี้เป็นรถความเร็วสูง มีระดับตัวถังต่ำเพื่อการเกาะถนนทรงตัวที่ดี ผู้ผลิตจะเลือกระดับตัวถังให้ต่ำสุดตามมาตรฐาน ซึ่งหมายความว่ารถเหล่านี้จะยังคงขึ้นสะพาน ผ่านสิ่งกีดขวางสาธารณะบนถนนที่สร้างตามมาตรฐานของประเทศพัฒนาแล้ว ได้โดยไม่เกิดความเสียหายต่อตัวรถ
แต่ในยุคนี้ก็เริ่มมีปัญหากันแล้ว โดยเฉพาะทางเข้าออกของที่จอดรถใต้ดิน แม้ในประเทศที่มีมาตรฐานสูง มีเพียงบางรุ่นเท่านั้นครับ ที่มีระบบยกตัวถังเมื่อจำเป็น เจ้าของรถพวกนี้เกือบทั้งหมด ดูแลรักษารถเหล่านี้กันเป็นอย่างดี มียกเว้นก็คงพวกลูกหลานนักการเมือง ที่สามารถฟันเงินภาษีของพวกเราในรูปแบบใดก็ตามมาซื้อรถพวกนี้ จึงถลุงกันได้โดยไม่รู้จักคำว่าเสียดาย เพราะไม่ต่างาจากการได้มาฟรี ส่วนกลุ่มใหญ่ที่ใช้กันอย่างรู้คุณค่า จะต้องรู้สภาพทางจนถึงที่หมายกันก่อนครับ ว่าจะไม่ทำให้รถชำรุด จึงจะกล้าไป จากการวิเคราะห์ปัญหานี้อย่างไม่เป็นทางการของผม ได้คำตอบว่า นอกจากความลาดชันเกินไปแล้ว มีสาเหตุมาจากรูปทรงทางเรขาคณิต ของช่วงที่เป็นมุมครับ ซึ่งอาจจะมาจากความไม่เข้าใจของผู้ออกแบบ หรือไม่ก็จากการเอาง่ายเข้าว่าของผู้รับเหมา เพราะทางขึ้นและลงที่มีปัญหาต่อรถ ก็คือ ทางที่สร้างอย่างง่ายที่สุด เร็วที่สุด และคงถูกที่สุดด้วย ซึ่งก็คือ การให้ระนาบทั้งสองมาชนกันเป็นมุม (ในภาพตัด) (ดังรูปที่ 1) วิธีที่ถูก คือ การทำให้ส่วนที่เป็นมุมนี้กลายเป็นส่วนโค้ง หรือเว้า (รูปที่ 2) หรือถ้าหากผู้รับเหมายังยืนยันว่า ทำไม่ได้ หรือทำไม่เป็น เป็นแต่แบบระนาบ สั่งให้เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ระนาบก็ช่วยได้มากครับ (รูปที่ 3) ผมเชื่อว่าสำหรับเมืองไทย งานง่ายๆ แต่มีผลกระทบอย่างมากทำนองนี้ ก็ยังต้องใช้อำนาจของผู้บริหารระดับสูงอยู่ดี เพราะพนักงานส่วนใหญ่ของเรา คุณสมบัติต่ำกว่าหน้าที่ และเงินเดือนกันแทบทั้งนั้น
เนื่องจากเป็นคนชอบรถ ผมจึงไม่ค่อยพลาดการเป็นผู้ชม ไม่ว่าจะเป็นงานแสดงรถจริงๆ หรืองานจำหน่ายรถก็ตาม ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างหลังครับ ช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว ผมไปชมงานจำหน่ายรถเยอรมันย่านราชประสงค์ ซึ่งช่วงไม่กี่ปีหลังกำลังได้รับความนิยม จากคุณสมบัติด้านบวกต่างๆ ซึ่งเป็นผลงานของบริษัทต้นทางในยุโรปล้วนๆ นะครับ ไม่ใช่เพราะฝีมือในการขายหรือการบริการ รูปแบบของแท่นแสดงรถ การให้แสง จัดฉากต่างๆ รวมทั้งเครื่องแบบของพนักงานขายทั้งชายและหญิง ดีมากครับ ตามมาตรฐานของบริษัทต้นทาง เนื่องจากการชมรถเหล่านี้ ผู้ชมมักจะถูกทาบทามชักชวนให้ซื้อรถรุ่นใดรุ่นหนึ่ง ซึ่งก็คือ จุดประสงค์หลักของผู้จัดงานอยู่แล้ว ผมจึงมีโอกาสพิจารณาคำพูด กิริยามารยาท ของพนักงานขายได้อย่างเต็มที่ ผลลัพธ์คือ ไม่ประทับใจเท่าที่ควร ไม่ใช่เฉพาะงานนี้นะครับ แต่รวมไปถึงงานแสดงรถเพื่อขายรถไปในตัวด้วยทุกๆ งาน หลังจากวิเคราะห์หาสาเหตุ ผมก็พบคำตอบว่า กิริยามารยาทของพนักงานขายรถ ไม่มีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อรถของผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งต่างจากพฤติกรรมในการซื้อรถของชาวตะวันตกอยู่พอสมควร ซึ่งจำนวนไม่น้อยยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกบแรนด์ และรุ่นแน่นอน เมื่อมาพบพนักงานขาย พวกเขามักมี "ตัวเลือก" อยู่ในใจ บางรายอาจมีไม่ต่ำกว่าสอง จึงเป็นหน้าที่ของพนักงานขาย ที่จะสร้างความพึงพอใจให้ได้มากที่สุด ต่างจากผู้บริโภคชาวไทย ที่เลือกบแรนด์ และรุ่นมาอย่างแน่นอนแล้ว จากความชอบส่วนตัว หรือคำแนะนำของบรรดา "ผู้รู้" การจะเจอพนักงานขายดีหรือไม่ ถือเป็นเรื่องของโชคเท่านั้น กลายเป็นว่าผู้ซื้ออาจเป็นผู้อ้อนวอนผู้ขายเพื่อขอเงื่อนไขพิเศษที่หวังไว้ สิ่งเหล่านี้แหละครับ ที่ทำให้เราไม่ค่อยได้พบพนักงานขายที่สุภาพ และให้เกียรติลูกค้าเพียงพอ เข้าข่ายตัวไม่เลวร้ายจริงๆ ก็ซื้ออยู่แล้ว แต่ผมเชื่อว่าในระดับสูงกว่านี้เป็นรถที่ราคาระดับเป็นสิบๆ ล้านบาท คงจะดีกว่านี้แน่นอน แต่ไม่ได้มีโอกาสไปสำรวจครับ เพราะไม่ต้องการไปทำตัวเป็นผู้สนใจจะซื้อ ผมเชื่อว่าทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมานี้ นอกจากทัศนคติ และพื้นเพส่วนตัวแล้ว ผู้ฝึกอบรมพนักงานเหล่านี้คือส่วนที่สำคัญ อย่าเอาอย่างชาวตะวันตกกันมากนัก ยกตัวอย่างเช่น ท่ายืนต้อนรับหรือสนทนากับลูกค้า มีเพียง 2 ท่าเท่านั้น คือ ห้อยแขนปกติ หรือดีกว่านี้ คือ ประสานมือไว้ด้านหน้า ไม่ใช่เอามือไขว้หลัง หรือเลวร้ายที่สุด คือ กอดอก การกอดอกเป็นท่าที่ชาวตะวันตกนิยม ในวัฒนธรรมไทยถือว่าไม่สุภาพ ไม่ให้เกียรติกัน ไม่ต้องไปคุยกับผู้ใหญ่ที่ไหนหรอกครับ แค่ยืนถ่ายรูปก็ใช้ไม่ได้แล้ว ผมขอแนะนำผู้อ่านไว้เลย ว่าอย่าไปกอดอกถ่ายรูป ตามคำแนะนำของช่างภาพสิ้นคิดทั้งหลาย นึกอะไรไม่ออก บอกกอดอกไว้ก่อนง่ายดี อย่าไปเชื่อครับ
ใครที่อยากดูตัวอย่างการต้อนรับลูกค้าอย่างสุภาพ และให้เกียรติ มาสังเกตการณ์ได้ที่ร้าน เพนดูลัม สาขา ดิ เอมโพเรียม ซึ่งจำหน่ายนาฬิกาข้อมือระดับสูงครับ ทันทีที่ลูกค้าก้าวผ่านประตูร้าน พนักงานทุกคนจะลุกขึ้นยืนต้อนรับ แม้จะมีการแบ่งหน้าที่กันจำหน่ายเฉพาะบแรนด์ และพนักงานเพียงคนเดียว กำลังต้อนรับให้คำแนะนำแก่ลูกค้า พนักงานคนอื่นทุกคนก็ยังคงยืนประสานมือไว้ด้านหนึ่ง ให้เกียรติลูกค้าและเตรียมพร้อม เผื่อลูกค้าจะหันมาสนใจบแรนด์ที่ตนรับผิดชอบ นี่คือตัวอย่างการบริการอย่างให้เกียรติลูกค้าครับ อาจมีที่อื่นดีกว่านี้ก็ได้ ผมเพียงยกตัวอย่างเพราะผมต้องเดินผ่านร้านนี้สัปดาห์ละหลายครั้ง เนื้อที่หมดพอดีครับ ที่จริงยังมีต่อ ระหว่างนี้ผมขอฝากคำแนะนำแบบชั่วคราวไว้ก่อนคือ "อย่าเอาผลประโยชน์หรือเงิน ไปให้แก่พนักงานขาย หรือใครก็ตามที่ไม่ให้เกียรติเรา" ครับ
เรื่องโดย : เจษฎา ตัณฑเศรษฐี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2558
คอลัมน์ Online : รอบรู้เรื่องรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/11944