สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
โมริคาซุ ชกกิ
"ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์พิเศษ โมริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กับความมุ่งหวังที่จะนำพา มิตซูบิชิ สู่ความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งฟอร์มูลา : ประวัติการทำงานของคุณที่ผ่านมา ? ชกกิ : ผมเข้าร่วมงานกับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์พอเรชัน และ มิตซูบิชิ คอร์พอเรชัน มาเป็นเวลา 36 ปีแล้ว โดยเริ่มต้นทำงานแผนกธุรกิจส่งออกรถยนต์มายังประเทศไทย และได้รับความไว้วางใจให้ดูแลงานในหลายด้าน รวมถึงได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบธุรกิจในประเทศไทย และมาเลเซีย ด้วย นอกจากนี้ยังเคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2549 จนถึงต้นปี 2552 ซึ่ง ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ฯเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง มิตซูบิชิ คอร์พอเรชัน และ อีซูซุมอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น สำหรับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ฯ ผมเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2558 ฟอร์มูลา : คุณมองว่าสถานการณ์รถยนต์ในปี 2558 นี้จะเป็นอย่างไร ? ชกกิ : จากสถานการณ์รถยนต์ในช่วงไตรมาสที่ 1 ผมมองว่ายังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัว ซึ่งถ้าตลาดยังเป็นอย่างนี้ต่อไป คาดว่าตลาดคงจะไม่เติบโตเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามยังคงหวังว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ น่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน ฟอร์มูลา : คุณมองว่ามีปัจจัยใดบ้างที่จะทำให้ตลาดฟื้น ? ชกกิ : สำหรับ มิตซูบิชิ จะเน้นการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่เพื่อกระตุ้นตลาด ซึ่งตอนนี้ได้เปิดตัว ทไรทัน ใหม่ ออกสู่ตลาดแล้ว และพโรโมท ผมมั่นใจว่ารถของเราได้มีการพัฒนาคุณภาพ ฟังค์ชัน ได้ถูกใจตลาดแล้ว มั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายได้แน่ๆ รวมถึงการพัฒนาเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายเพื่อตอบสนองความต้องการด้านบริการ และสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า และด้วยสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน บริษัท ฯ มั่นใจว่าจะส่งเสริมให้มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น สำหรับการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็นเงื่อนไขของสถานการณ์การตลาด ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าตลาดเติบโต ยอดขายก็จะเติบโตเพิ่มขึ้นไปด้วย ฟอร์มูลา : คุณวางนโยบายและทิศทางไว้อย่างไร ? ชกกิ : อันดับแรก บริษัท ฯ จะรุกตลาดด้วยการนำเสนอสินค้ารุ่นใหม่ออกสู่ตลาด เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค และผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ การพัฒนาการบริการก่อนและหลังการขาย โดยเน้นการพัฒนาให้มีคุณภาพที่สูงขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัท ฯ ได้ตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมาใหม่ เพื่อดูแลตัวแทนจำหน่ายโดยเฉพาะ จะเน้นการวางแผน การพัฒนาคุณภาพตัวแทนจำหน่ายให้มีบริการที่มีคุณภาพ และมาตรฐาน ฟอร์มูลา : สินค้าใหม่ที่จะแนะนำในปีนี้ ? ชกกิ : ที่ผ่านมา บริษัท ฯ ได้แนะนำ มิตซูบิชิ เดลีคา สเปศแวกอน เป็นรถยนต์อเนกประสงค์เหนือระดับ นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ที่โดดเด่นด้วยระบบความปลอดภัยครบครัน สมรรถนะ และดีไซจ์นที่ลงตัว ทั้งภายนอกและภายใน ห้องโดยสารกว้างขวาง รองรับได้ถึง 7 ที่นั่ง ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เหมาะสำหรับนักธุรกิจ และผู้ที่มองหารถสำหรับครอบครัว อีกทั้งยังเป็นรถอเนกประสงค์ที่จะเข้ามาเสริมทัพในเซกเมนท์ของรถยนต์ในกลุ่ม เอมพีวี ที่จะมาแทนรถยนต์ มิตซูบิชิ สเปศแวกอน รุ่นเดิม นอกจากนี้ยังได้แนะนำรถยนต์ มิตซูบิชิ แอททราจ รุ่นปี 2015 ที่ได้รับการปรับโฉมภายนอกให้เท่ยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าและคิ้วฝากระโปรงท้ายแบบโครเมียมรมดำ ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว สีเงินรมดำ พร้อมสีมาตรฐานใหม่ สีเทาไททาเนียม มาพร้อมเบาะหนังสีดำ รวมถึง มิตซูบิชิ มิราจ รุ่นปี 2015 และ มิตซูบิชิ ทไรทัน ใหม่ รถกระบะที่ได้รับการพัฒนาขึ้น ภายใต้คอนเซพท์การเป็นที่สุดของรถกระบะอเนกประสงค์แบบสปอร์ท ULTIMATE SPORT UTILITY TRUCK ที่มาครบทุกรุ่น ทั้งดับเบิลแคบ เมกาแคบ และซิงเกิลแคบ นอกจากนี้ ช่วงปลายปีจะแนะนำ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท รวมถึงรถรุ่นพิเศษอื่นๆ ฟอร์มูลา : ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ มิตซูบิชิ กี่แห่ง ? ชกกิ : จนถึงสิ้นปี 2558 บริษัท ฯ จะมีตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ มิตซูบิชิ ทั่วประเทศ 219 แห่ง โดยบริษัท ฯ มองว่าการมีตัวแทนจำหน่ายเพียงเท่านี้เหมาะสมและเพียงพอกับความต้องการแล้ว เพราะไม่ต้องการขยายจำนวนเพิ่มมากเกินไป ต้องการที่จะพัฒนาการให้บริการในส่วนต่างๆ ให้มีคุณภาพและมาตรฐาน และได้รับความพึงพอใจสูงสุด ฟอร์มูลา : คุณคิดว่าปัจจุบัน มิตซูบิชิ ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ? ชกกิ : มิตซูบิชิ มีความแข็งแกร่งในเรื่องของสินค้าลูกค้าที่เคยใช้ มิตซูบิชิส่วนใหญ่จะเป็นแฟนพันธุ์แท้ อีกทั้ง มิตซูบิชิ ยังมีฐานการผลิตที่ประเทศไทย และส่งไปจำหน่ายกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเมื่อมีสินค้าที่ดี การบริการถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมา มิตซูบิชิ ได้มีการพัฒนาการบริการให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม การบริการนั้นจะต้องมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา รวมถึงต้องเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวแทนจำหน่าย นอกจากนี้การเสริมสร้างกลยุทธ์ด้วยการจัดกิจกรรม และการรับรู้ในเรื่องของบแรนด์ให้แก่ลูกค้า ที่จะต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรม ซึ่ง มิตซูบิชิ จะไม่เน้นเรื่องการลดราคา เพราะจะทำให้สินค้าไม่น่าสนใจ โดยกลยุทธ์หลักขณะนี้ จะเน้นการจัดกิจกรรมกับตัวแทนจำหน่าย จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การสร้างบแรนด์ ภาพลักษณ์ให้ลูกค้าได้สัมผัสรถ มิตซูบิชิ เพิ่มมากยิ่งขึ้น ที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มียอดขายต่ำกว่าจุดที่น่าจะทำได้ หากมองในอดีต มิตซูบิชิ เป็นบแรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก มียอดขายถึง 140,000 คัน ในปี 2555 ซึ่งมียอดขายเป็นอันดับ 1 ความท้าทายของ มิตซูบิชิ อีกก้าวหนึ่ง คือ การผลักดันให้มียอดขายอันดับ 1 ในกลุ่ม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ฯ ปัจจุบันยอดขายลดลงค่อนข้างสูง ในปี 2557 มียอดขาย 59,000 คัน มีส่วนแบ่งการตลาด 8 % อยู่ในอันดับ 7 ของตลาด โดยสาเหตุเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งในเรื่องของการผลิตที่ค่อนข้างช้า สภาพเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าเป็นจุดหนึ่งที่ต้องยอมรับ แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน มิตซูบิชิ จำเป็นต้องเปิดเกมรุกให้มากยิ่งขึ้น ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องทำงานกันมากขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กลับคืนมา ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างมาก ส่วนในปี 2558 บริษัท ฯ คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ฟอร์มูลา : คุณมีความคิดเห็นอย่างไร เกี่ยวกับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 ? ชกกิ : โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ในปี 2559 ปรับเพื่อตอบรับแผนการสนับสนุนรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงได้ใช้ปริมาณการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษี จากเดิมที่จะใช้ปริมาตรกระบอกสูบเครื่องยนต์กำหนด ซึ่งรถแต่ละเซกเมนท์มีการปรับที่แตกต่างกัน รถที่ไม่ได้รับผลกระทบ คือ โครงการอีโคคาร์ มิตซูบิชิ เตรียมความพร้อมกับการปรับภาษีใหม่ครั้งนี้เรียบร้อยแล้วหากมีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : สายชล อรรถาเวช
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2558
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/11885