รู้ไว้ใช่ว่า
เบรคแตก
"เบรคแตก" หมายถึง อันตราย มีอยู่ 2 ประเภท คือ "คนเบรคแตก" เกิดโทสะทะลุจุดเดือด หมดความอดทน มักตามมาด้วยการใช้กำลัง อาวุธ เลือดตกยางออก โดยไม่เกี่ยงรุ่นเกี่ยงน้ำหนัก ตำรวจ เฮียปอเฮียร่วมเฮียมูล งานเข้า
และ "รถเบรคแตก" ห้ามล้อหรือเบรค รถทุกคันต้องมีต้องใช้ ถ้ารถวิ่งๆ อยู่แล้วมันชำรุดใช้การไม่ได้ ที่เรียกว่า "เบรคแตก" หมายถึง ขนหัวลุก คนขับแก้ไขสถานการณ์ไม่ได้ มีเจ็บ ตาย และทรัพย์สินเสียหาย
ตัวอย่างเช่นรายล่าสุดในบ้านเรา เช้าวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 ซึ่งไม่ใช่รายสุดท้ายแน่นอน เป็นรถทัวร์จากอุดรไปเชียงใหม่ เกิดเหตุกลางสี่แยกที่ลำปาง โชเฟอร์รู้ตัว ถึงกับตะโกนบอกว่า เอาไม่อยู่แล้ว สั่งให้ผู้โดยสารไปข้างท้ายรถ สยองยังกะในหนัง รถทัวร์เฉี่ยวชนรถตู้รับส่งนักเรียน รถอื่นๆ และพุ่งชนบ้านอีกสามหลัง มีคนเป็นเหยื่อมรณะ 3 ราย บาดเจ็บมากน้อยอีกบาน
ถ้าท่านเล่นอินเตอร์เนทได้จะรู้ว่า ภัยจากรถเบรคแตก เกิดขึ้นเป็นประจำ มักเป็นรถขนาดใหญ่ แสดงว่าคนขับรถในบ้านเรา ใช้รถลูกเดียว ไม่ดูแลเอาใจใส่ระบบเบรคเท่าที่ควร อันตรายอย่างเห็นๆ
ในแง่กฎหมาย เจ้าของและคนขับต้องรับผิดชอบนะเอ้อ จะมาอ้างว่าเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ได้หรอก ทำนองเดียวกับรถยางแตก คันส่งหลุด หรือบกพร่องอย่างอื่น แล้วเกิดเหตุขึ้น สร้างความเสียหายให้คนอื่น
ที่น่าสังเกตอีกอย่าง คือ เจ้าของหรือคนอยู่อาศัยในบ้านช่องห้องหอ ลักษณะ "ล่อตะเข้" แถวๆ สามแยก สี่แยก แถวๆ ทางโค้ง พึงระวัง รถเบรคแตก รวมทั้งรถ "ซิ่ง" อย่างเช่น ทางลงเขาป่าตอง ภูเก็ต เจ้าของงี้ส่ายหน้า โดนมาแล้ว 3-4 หน หยกๆ ที่ลำปาง คนในบ้านที่ล่อเป้า เจ็บสาหัส น่าจะสร้างบังเกอร์ป้องกันไว้บ้าง เกิดอะไรขึ้นมา จะได้โดนแค่หอมปากหอมคอ
อันที่จริง มีการแนะนำผู้ใช้รถเสมอมา เรื่องเบรคแตก ให้ตั้งสติก่อนอย่างอื่น รีบลดเกียร์ลง เพื่อเบรคด้วยเครื่องยนต์ รวมทั้งใช้เบรคมือ ไม่แนะนำให้ดับเครื่องยนต์ เพราะบังคับพวงมาลัยควบคุมทิศทางไม่ได้ หากรถยังเดินหน้า อยู่ในที่คับขัน ต้องเลือกเป้าให้สูญเสียน้อยที่สุด บ้านเขาโดนหลายหน เลี่ยงได้ก็ดี
ตามมาติดๆ ด้วยคดีความเกี่ยวกับรถเบรคแตก งานนี้เจ้าของรถบี้อู่ และช่างซ่อมช่วงล่าง ดูซิว่าศาลท่านฟันธงยังไง
โจทก์ คือ "นายรับทรัพย์" เถ้าแก่เจ้าของรถบรรทุก และ "นายอึดจัง" ลูกจ้างขับรถ ร่วมกันฟ้อง "นายฟิทจัด" เจ้าของอู่ซ่อมรถ กับ "นายมือเซียน" หัวหน้าช่าง ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย เป็นราคาค่ารถบรรทุกทั้งคัน กับค่าขาดประโยชน์ในการใช้รถ ด้วยเงินเป็นแสนๆ บาท พร้อมดอกเบี้ย อ้างว่าซ่อมเบรคที่อู่ของจำเลยทั้งสอง แล้วซ่อมห่วยจนเบรคใช้การไม่ได้ ทำให้รถตกลงข้างทาง แถวๆ ภาคเหนือ ขณะบรรทุกข้าวสาร นายอึดจัง เจ็บสาหัส
จำเลยพากันสู้คดี อ้างว่า นายอึดจัง นั่นแหละขับรถประมาท ใช้เบรคเยอะ จึงเกิดเหตุขึ้น ไม่ใช่พวกตนซ่อมเบรคชุ่ย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาตามเนื้อผ้า โดยไม่ได้เอาผ้ามาดู แล้วตัดสินยกฟ้อง ให้จำเลยได้เฮ
โจทก์ คือ นายรับทรัพย์ และนายอึดจัง เดินหน้ายื่นอุทธรณ์ เพื่อเอาชนะ แล้วหน้าจืดลงจากศาล เมื่อศาลอุทธรณ์อ่านสำนวนแล้ว พยักหน้าเห็นด้วยกับศาลชั้นต้น พิพากษายืน ยกฟ้องเช่นเคย
มียก 3 เพราะโจทก์ยื่นฎีกา ลุ้นเป็นเฮือกสุดท้าย
ศาลฎีกาเมื่อยเพราะงานแยะ กัดฟันคว้าสำนวนคดีนี้ที่มาถึงคิว ส่องดูด้วยความชำนาญ แล้วชี้ขาดว่า นายอึดจังนำรถไปซ่อมที่อู่ของ นายฟิทจัด แล้ว นายอึดจัง ขับรถบรรทุกข้าวสารไปส่งลูกค้าทางเหนือ รถเบรคแตกตกลงข้างทาง รถพังยับ นายอึดจัง เจ็บสาหัส ได้ความจากพยานว่า นายมือเซียน หัวหน้าช่าง ถอดซีลล้อหน้าและจานเบรคออก เพื่อเปลี่ยนซีลและนำจานเบรคไปเจียน อีแบบนี้ นายมือเซียน ย่อมพบเห็นสปริงรั้งก้ามเบรคล้อหน้าด้านขวา ติดตั้งผิดวิธี หลังเกิดเหตุ นายมือเซียน และพยานฝ่ายจำเลยไปตรวจสภาพรถปรากฏว่าล้อหน้าด้านขวาเพียงล้อเดียว ที่ติดสปริงรั้งก้ามเบรคไว้ด้านนอก เป็นการผิดวิธีการติดตั้งสปริงรั้ง ก้ามเบรค แต่นายมือเซียนปล่อยปละละเลย ไม่แก้ไขให้ถูกต้อง ก่อนประกอบซีลล้อและจานเบรคเป็นการกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ระบบเบรคล้อหน้าด้านขวาของรถคันพิพาทแตก ไม่ได้เกิดจากการใช้เบรคมากอย่างที่แก้ตัว นายจ้าง คือ นายฟิทจัด ต้องร่วมรับผิดกับ นายมือเซียน ลูกจ้างด้วย
สำหรับค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ศาลฎีกาแทงว่า เมื่อรถพังไม่สามารถใช้ได้ นายรับทรัพย์ ขอค่าเสียหายเต็มจำนวน จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้รถอีกต่อไป ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถไม่เกิดขึ้น ส่วน นายอึดจัง คนขับรถบรรทุกไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายใดๆ ไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายมา (เออ...แปลก ถ้ามีทนาย ไหงฟ้องโดยไม่เรียกค่าเสียหายให้นายอึดจัง ทั้งๆ ที่เจ็บสาหัส) ศาลไม่กำหนดค่าเสียหายให้
ศาลฎีกาจึงพิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันจ่ายค่ารถทั้งคัน พร้อมดอกเบี้ยแก่ นายรับทรัพย์ เจ้าของรถ
เห็นไหมว่า อู่หรือศูนย์ซ่อมรถ ถ้าปรากฏชัดว่า ซ่อมเบรคไม่ได้เรื่อง จนใช้การไม่ได้ หรือเบรคแตกระหว่างที่เจ้าของรถนำไปใช้งาน เกิดการเสียหายมากหรือน้อย อู่ซ่อมและช่างต้องรับผิดนะเออ
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 306/2534
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2558
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/11412