สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย จัดสัมมนาทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย 2016

สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย จัดสัมมนาวิชาการ "CEO TALK: ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย 2016" ในงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32" ผู้ร่วมสัมมนาประกอบด้วย พรชัย ตระกูลวรานนท์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงาน MOTOR EXPO 2015 พิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ (ซีโอโอ) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด พาสกาล เศรษฐบุตร รองประธานฝ่ายขายและความพึงพอใจลูกค้า บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพียงใจ แก้วสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และองอาจ พงศ์กิจวรสิน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย วัชระ ธรรมศรี นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักยานยนต์ไทย เปิดเผยว่า ในปี 2559 จะมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ และเข้าร่วม เออีซี ประกอบกับการที่ภาครัฐมีการสนับสนุนให้กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์เข้าร่วมเศรษฐกิจรูปแบบพิเศษ หรือซูเพอร์คลัสเตอร์ ทั้งหมดเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้ไทยก้าวสู่การเป็นดีทรอยท์ของเอเชีย ดังนั้นทางสมาคม ฯ จึงได้จัดเวทีสัมมนาเพื่อระดมความคิดเห็นผู้บริหารทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อวิเคราะห์ภาพรวมตลาด อุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งปัจจุบัน และอนาคต   สรุปทิศทางยานยนต์ไทย 2559 ในปี 2559 จะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดขึ้นในหลากหลายมิติ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีขึ้น โดยจะมีการปรับฐานอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างมั่นคงและถูกทิศทาง และตอบสนองต่อการเติบโตในระยะยาว ทั้งเรื่องการปรับโครงสร้างภาษี ซึ่งจะจูงใจให้ประชาชนใช้รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยสูงขึ้น อีกทั้งยังเป็นการทำให้เกิดการพัฒนาขีดความสามารถไปในทิศทางที่ประชาคมโลกและตลาดสากลจะตอบรับ ซึ่งจะมีความยั่งยืนมากกว่าตลาดในประเทศ การมีนโยบายจากรัฐบาลเกี่ยวกับการสนับสนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์ที่จะช่วยเชื่อมโยงอุตสาหกรรมเกิดห่วงโซ่เพื่อเพิ่มมูลค่า เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การเปิด เออีซี หากไทยมีความพร้อมถือเป็นการสร้างโอกาสที่ดี เพราะตลาดจะกลายเป็นซิงเกิลมาร์เกท และจะทำให้อาเซียนกลายเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่สำคัญของโลก แต่สมาชิกของแต่ละประเทศต้องร่วมมือกัน เพื่อให้เกิดมาตรฐานยานยนต์ ไปสู่การผลิตที่ดีขึ้นกว่าในปัจจุบัน ประเทศไทยยังมีจุดเด่น คือ การเป็นฐานการส่งออกของโลก โดยมีกำลังการผลิตรถยนต์รวมทั้งหมด 2.9 ล้านคัน และหากโครงการอีโคคาร์ 2 เดินหน้าและเป็นไปตามที่ยื่นขอ ก็จะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มสูงขึ้นไปอีก ขณะที่ยอดขายในประเทศคิดเป็น 30 % ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดส่งออกเป็นตลาดหลัก อย่างไรก็ตาม การส่งออกมีความเปราะบาง เพราะอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ควบคุมยาก ขณะที่เงื่อนไขการเจรจาทางการค้าในรูปแบบต่างๆ ทั้ง เอฟทีเอ, เออีซี หรือ ทีพีพี ก็ล้วนเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก การเป็นเขตการค้าเสรี ไทยสามารถแข่งขันได้แน่นอน เพราะทุกวันนี้เราส่งชิ้นส่วนไปต่างประเทศ ถือว่ามีความเข้มแข็ง ขณะที่การเปิด เออีซี จะส่งผลบวกให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ ส่วน ทีพีพี เบื้องต้นยังไม่กระทบกับเรา แต่หาก อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม ได้เข้าไปแล้ว และไทย ยังไม่เข้าร่วม ก็อาจจะกระทบ ดังนั้นคาดว่าในอนาคตก็ต้องพยายามเข้าร่วม