โค้งอันตราย
ท่าจะดี ถ้ามีคนทำ
เปิดเผยตัวเลขมาจากสภาอุตสาหกรรม ฯ ว่าเดือนตุลาคม เพียงเดือนเดียว ยอดขายในประเทศทำได้ จำนวน 67,908 คัน ลดลงจากปีที่แล้ว 4.2 % จากภาวะเศรษฐกิจในประเทศและการลงทุนของภาคเอกชนที่ยังคงชะลอตัว การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่ยังไม่ได้ตามเป้าหมาย ราคาสินค้าเกษตรยังไม่ดีขึ้น และการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน แต่เป็นการลดลงเหลือเปอร์เซนต์ตัวเลขตัวเดียว ต่างจากที่ลดลงเป็นเปอร์เซนต์ตัวเลขสองตัว มานานมาก
อานิสงส์จากตัวเลขหลักเดียว เลยทำให้ เดือนมกราคม-ตุลาคม 2558 ยอดขายรถยนต์ 621,740 คัน ลดลงจากปี 2557 ถึง 13.6 % ช่วยฉุดขึ้นมาจากหลุมแท้ๆ
ถึงแม้ว่า สภาวะเศรษฐกิจบ้านเรา จะยังไม่ฟื้นตัว อย่างที่สภาอุตสาหกรรม ฯ ระบุเอาไว้ก็ตาม แต่แว่วๆ ว่า ได้ยินคนใหญ่คนโตในแวดวงอุตสาหกรรมท่านหนึ่ง รำพึงให้ฟังว่า ประเทศไทย สภาพเศรษฐกิจโดยรวมได้พ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว ท่านแยกเป็นฉากๆ ไปว่า ปีนี้ภาครัฐก็จะอนุมัติโครงการใหญ่อีกหลายรายการ ที่เชื่อว่า แค่ 2 เดือนน่าจะเกินแสนล้าน ส่วนปีหน้า ก็มีโครงการใหญ่มาคอยให้เซ็นอีกนับไม่ถ้วน
นั่นก็จะทำให้การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ที่เราเอง ก็จับสังเกตมาหลายเดือนแล้วว่า จากตัวเลขการขายที่นำเสนอกันอยู่นี่ มีเพียงรถเพื่อการพาณิชย์ ประเภทเดียว ที่มีการเจริญเติบโต ขณะที่รถประเภทอื่น อาจจะเติบโตเพราะความต้องการ หรือเพราะจุดประสงค์ในการใช้งานก็ตามที แต่แนวโน้มการเติบโตของรถเพื่อการพาณิชย์ มันน่าจะเป็นตัวบ่งชี้อะไรที่น่าพิจารณากันบ้าง
จากเอกสารของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ล่าสุดระบุว่า ในปี 2558 ยอดการผลิตรถบรรทุกของไทยโดยรวมน่าจะแตะ 27,500 คัน ขยายตัวที่ 25 % หากตลาดยังเติบโตได้ต่อเนื่องก็น่าจะไต่ระดับไปสู่ 40,000-50,000 คันได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งรถบรรทุกขนส่งสินค้าขนาดเล็ก-ขนาดกลางขนาด 5-20 ตัน จะมีบทบาทสำคัญในการขนส่งในเมืองและระหว่างเมืองมากขึ้น ทำให้ยอดการผลิตรถบรรทุกขณะนี้เติบโตอย่างน่าสนใจ สวนทางกับอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวม
หากมองกันในระยะสั้น การผลิตรถบรรทุกจะขยายตัวต่อเนื่องตามการลงทุนของผู้ผลิตค่ายยุโรป จีน และญี่ปุ่น ที่เปิดตัวรถบรรทุกรุ่นใหม่ และการขยายศูนย์บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าธุรกิจที่ใช้รถบรรทุกในหลายระดับราคา นอกจากตลาดในประเทศแล้วตลาดรถบรรทุกในภูมิภาคก็มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ แต่การที่ไทยต้องพึ่งพาการนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศกว่าร้อยละ 60-70 ของการผลิต อาจเป็นข้อจำกัดในการก้าวไปสู่การเป็นผู้ผลิตรถบรรทุกของภูมิภาค
ในปี 2558 การผลิตรถบรรทุกในประเทศทั้งหมดจะมีจำนวนราว 27,500 คัน หลังจากที่ 9 เดือนแรกของปี ผลิตได้จำนวน 20,756 คัน เติบโตถึงร้อยละ 47.9 ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นไปเพื่อสนับสนุนการจำหน่ายในประเทศ ขณะที่การส่งออกรถบรรทุกและชิ้นส่วนน้ำหนักตั้งแต่ 5 ตันขึ้นไปนั้น แม้ว่ามีสัดส่วนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับยานยนต์ประเภทอื่นแต่การเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 1.5 เท่าตัวจากปี 2557 แตะมูลค่า 92.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 สะท้อนโอกาสการเติบโตของตลาดรถบรรทุกทั้งภายในประเทศและตลาดส่งออก
ข้อบ่งชี้ที่ทำให้มีสัญญาณความต้องการรถบรรทุกมากขึ้นในระยะข้างหน้า จากแรงผลักดันของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การกระจายความเป็นเมือง ก่อให้เกิดโครงการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ ศูนย์การค้า และการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณพื้นที่ชายแดนของไทย ซึ่งล้วนต้องอาศัยรถบรรทุกขนาดกลาง-ใหญ่ ขนส่งสินค้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรถบรรทุกขนาดเล็ก-กลาง เป็นตัวเชื่อมสินค้าสู่มือผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ แม้ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตเชื่องช้า อาจส่งผลต่อความต้องการรถบรรทุกของภาคธุรกิจชะลอตัวไปบ้างก็ตาม
แต่สัญญาณบวกจากตลาดส่งออกรถบรรทุกเติบโตสูง โดยเฉพาะเมื่อกำแพงภาษีศุลกากรของกัมพูชา สปป. ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม (CLMV) ลดลงเหลือร้อยละ 0 เมื่อต้นปี 2558 ตามมาด้วยการเปิดเสรีทางการค้าภายใต้ AEC อย่างเต็มรูปแบบปลายปีนี้ ซึ่งจะกระตุ้นให้การขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเร่งตัวขึ้นอีก ทั้งนี้ ความต้องการรถบรรทุกและชิ้นส่วนจากไทยใน CLMV เพิ่มอย่างมีนัยสำคัญถึง 1.5 เท่าจากปีก่อน มูลค่า 52.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 อีกทั้ง CLMV ยังเป็นตลาดส่งออกหลักของรถบรรทุกไทยคิดเป็นสัดส่วน 47 % ของมูลค่าการส่งออกรถบรรทุกไทย และเมื่อรวมกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียนจะมีสัดส่วนถึง 66 %
อย่างไรก็ตาม การขับขี่โดยใช้พวงมาลัยซ้ายของประเทศเพื่อนบ้าน ที่ล่าสุดทางการเมียนมาร์ประกาศเปลี่ยนมาใช้พวงมาลัยซ้ายภายในปี 2561 ซึ่งจะทำให้ประเทศในกลุ่ม CLMV ใช้รถพวงมาลัยซ้ายทั้งหมดนั้น อาจส่งผลต่อการเข้าไปขยายตลาดรถบรรทุกที่ผลิตจากไทยที่ใช้พวงมาลัยขวา โดยจะต้องมีการปรับการผลิตสำหรับรุ่นที่จะส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ที่ในปัจจุบันก็มีรถบรรทุกค่ายจีน เกาหลีใต้ ทำตลาดอยู่ด้วย
ก็ต้องมาดูกันว่า การเติบโตที่น่าสนใจของตลาดในไทยและต่างประเทศ ประกอบกับความสามารถของผู้ผลิตในไทยในการประกอบรถบรรทุกตามคำสั่งซื้อของลูกค้า หรือ “MADE TO ORDER” ที่ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งห้องโดยสารคนขับ การเพิ่มเติมสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่รถบรรทุก การประกอบตัวถังหรือส่วนบรรทุกสินค้าที่สอดคล้องกับการใช้งานในรูปแบบที่ต่างกันออกไป จะเป็นตัวช่วยผลักดันภาคการผลิตรถบรรทุกของไทยให้ก้าวไปข้างหน้าได้เร็วขนาดไหน ก็ต้องถามว่า ใครจะเป็นคนทำ
แต่คำถามนี้ ใครล่ะจะกล้าตอบ ถ้าไม่ได้รับการหนุนหลังจากภาครัฐ
ทิ้งเอาไว้ให้อ่านกันเล่นๆ ตอนสิ้นปี 2558 นะจ๊ะ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2559
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/113259