ระเบียงรถใหม่
BMW 740E/740LE รถไฮบริดติดใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว
เมื่อเปรียบเทียบอุปกรณ์อำนวยความสะดวก 2 ชนิด ที่ปัจจุบันได้กลายฐานะเป็นปัจจัยที่ 5 และปัจจัยที่ 6 ในการดำรงชีวิตไปแล้ว คือ ระหว่างอุปกรณ์การขนส่งที่เรียกกันว่ารถยนต์ กับอุปกรณ์การสื่อสารที่เรียกกันว่าโทรศัพท์ ก็คงต้องยอมรับโดยดุษณีว่าพัฒนาการของโทรศัพท์ก้าวหน้ากว่าพัฒนาการของรถยนต์เป็นอย่างมาก คือ มากจนแทบจะเทียบกันไม่ได้เลย เพราะในขณะที่เทคโนโลยีของโทรศัพท์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนนักกรีฑาวิ่ง 100 เมตร ก็ยังวิ่งไล่ตามไม่ทัน พัฒนาการของรถยนต์กลับยังคลานต้วมเตี้ยมเหมือนเต่ากระดองหนัก ตอนที่ก่อกำเนิดขึ้นเมื่อ 100 ปีก่อนรถยนต์ต้องมีล้อและจะวิ่งไม่ได้หากไม่มีเชื้อเพลิงเหลวที่ได้จากใต้พื้นพิภพ เวลา 1 ศตวรรษผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันนี้รถยนต์ทุกคันก็ยังต้องมีล้อ และแทบทุกคันก็ยังวิ่งไปไหนมาไหนไม่ได้หากไม่มีเชื้อเพลิงที่ได้จากใต้พื้นโลก
ที่พอจะอวดได้ว่าเทคโนโลยีด้านรถยนต์ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่นะ ก็คือปัจจุบันเรามีรถให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย คือ เรามีรถขับเคลื่อนด้วยพลังของเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วนๆ เหมือนรถยนต์ยุคก่อน เรามีรถยนต์ไฮบริดซึ่งพึ่งพาเชื้อเพลิงธรรมชาติน้อยลง เรามีรถไฟฟ้าซึ่งไม่ต้องติดตั้งท่อไอเสียเพราะไม่มีไอเสีย และอีกไม่นานเราจะมีรถยนต์ที่วิ่งได้โดยไม่ต้องมีผู้ขับ
เดือนนี้เป็นอีกเดือนหนึ่งที่ "ระเบียงรถใหม่" นำเสนอเรื่องราวของรถไฮบริดล้วนๆ มีทั้งรถไฮบริดในรูปลักษณ์ของรถเก๋งซีดานสุดหรู รถไฮบริดในรูปลักษณ์ของรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดกลาง รถไฮบริดในรูปลักษณ์ของรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดใหญ่ และรถไฮบริดในรูปลักษณ์ของรถอเนกประสงค์ราคาย่อมเยา แถมเป็นรถสหประชาชาติอีกต่างหาก คือ มีทั้งรถสัญชาติเยอรมัน รถสายเลือดญี่ปุ่น และรถอเมริกันพันธุ์แท้
รถไฮบริดที่ใช้กันอยู่ทั่วโลกขณะนี้ หากจำแนกแยกประเภทตามชนิดของเครื่องยนต์ที่ใช้ ก็จะแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ รถไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กับรถไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ถ้าแยกประเภทตามลักษณะการใช้งานก็มี 2 กลุ่มใหญ่ๆ เช่นกัน คือ รถไฮบริดชนิดไม่ต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรี กับรถไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรี ที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า PLUG-IN HYBRID VEHICLE หรือ PLUG-IN HYBRID ELECTRIC VEHICLE (PHEV) นั่นเอง
รถไฮบริดชุดแรกที่นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังในเดือนนี้ คือ รถเก๋งหรูระยับติดป้ายชื่อ บีเอมดับเบิลยู 740 อี (BMW 740E) กับ บีเอมดับเบิลยู 740 แอลอี (BMW 740LE) เป็น PHEV คือ รถไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ
รถหรู บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-7 (BMW 7-SERIES) ที่ขายกันอยู่ในบ้านเราขณะนี้เป็นรถรุ่นที่ 5 เริ่มเข้าสู่สายการผลิตในเมืองเบียร์ตอนปลายปี 2008 และปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ "ยกหน้า" ไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อไตรมาสที่ 3 ของปี 2012 รถรุ่นนี้กำลังจะถูกแทนที่ด้วยรถรุ่นที่ 6 ซึ่งเปิดตัวไปแล้ว
ที่เมืองมิวนิคเมื่อวันพุธที่ 10 มิถุนายน 2015 และจะเริ่มการจำหน่ายในไตรมาสสุดท้ายของปี โดยมีรถให้เลือกรวม 12 โมเดล มีทั้งรถขับล้อหลังและขับทุกล้อ แยกเป็นรถฐานล้อมาตรฐาน 6 โมเดล คือ BMW 740I-BMW 750I-BMW 750I XDRIVE-BMW 730D-BMW 730D XDRIVE-BMW 740D XDRIVE และเป็นรถฐานล้อยาว 6 โมเดล คือ BMW 740LI-BMW 750LI-BMW 750LI XDRIVE-BMW 730LD-BMW 730LD XDRIVE-BMW 740LD XDRIVE
จุดที่เรียกความสนใจและสร้างความลังเลใจให้แก่คนรักรถเงินถุงเงินถังสตางค์แยะที่อยากเป็นเจ้าของรถรุ่นใหม่นี้ คือ การประกาศยืนยันในวันเปิดตัวที่กล่าวข้างต้นว่า นอกจากรถ 12 โมเดลที่กล่าวนี้แล้ว หากอดใจได้จนถึงปีหน้า จะมีรถให้เลือกใช้เพิ่มขึ้นอีก 3 โมเดล คือ BMW 740E-BMW 740LE-BMW 740LE XDRIVE ทุกโมเดลล้วนเป็นรถไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟแบทเตอรี
บีเอมดับเบิลยู 740 อี (BMW 740E) เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ในตัวถังฐานล้อมาตรฐาน ซึ่งยาว 5.098 ม. กว้าง 1.902 ม. และสูง 1.478 ม. ส่วน บีเอมดับเบิลยู 740 แอลอี (BMW 740LE) และ บีเอมดับเบิลยู 740 แอลอี เอกซ์ดไรฟ (BMW 740LE XDRIVE) เป็นรถขับล้อหลังและขับทุกล้อ ในตัวถังฐานล้อยาว ซึ่งยาว 5.238 ม. กว้าง 1.902 ม. และสูง 1.485 ม. คือ ยาวกว่าตัวถังฐานล้อมาตรฐาน 14.0 ซม.
ระบบขับไฮบริดในรถซีดานสุดหรู 3 โมเดลนี้ ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,997 ซีซี 190 กิโลวัตต์/258 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 70 กิโลวัตต์/95 แรงม้า และแบทเตอรี ลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) แรงดันสูง ได้กำลังสุทธิสูงสุด 240 กิโลวัตต์/326 แรงม้า และถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หลัง หรือทั้งคู่หน้าและคู่หลังแล้วแต่กรณีผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
ตามตัวเลขของค่าย "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" รถขับล้อหลัง บีเอมดับเบิลยู 740 อี (BMW 740E) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 5.6 วินาที ความเร็วสูงสุดไม่ระบุตัวเลขชัดเจนแต่บอกว่าสูงกว่า 240 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่เห็นตัวเลขแล้วต้องขยี้ตา คือ 2.1 ลิตร/100 กม. หรือ 47.6 กม./ลิตร มีอัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้า 12.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 49 กรัม/กม. และวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 40 กม.แต่จำกัดความเร็วไว้ที่ 120 กม./ชม. เพราะวิ่งเร็วกว่านี้จะเปลืองไฟมากเกินไป
ตามตัวเลขของค่าย "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" เช่นกัน รถขับล้อหลังตัวถังยาว บีเอมดับเบิลยู 740 แอลอี (BMW 740LE) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลา 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุดสูงกว่า 240 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 2.1 ลิตร/100 กม. หรือ 47.6 กม./ลิตร มีอัตราสิ้นเปลืองไฟ 12.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 49 กรัม/กม. และวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 40 กม. แต่จำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 120 กม./ชม.เช่นกัน ส่วนรถขับทุกล้อตัวถังยาว บีเอมดับเบิลยู 740 แอลอี เอกซ์ดไรฟ (BMW 740LE XDRIVE) ตัวเลขที่เปลี่ยนไป คือ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 5.5 วินาที สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 2.3 ลิตร/100 กม. หรือ 43.5 กม./ลิตร สิ้นเปลืองไฟ 13.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 53 กรัม/กม. โดยเฉลี่ย และวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 37 กม.
BMW 740E/BMW 740LE
* ส่วนหนึ่งของ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-7 รุ่นใหม่
* ระบบขับไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ
* เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดตรง+มอเตอร์ไฟฟ้า
* กำลังสุทธิสูงสุด 240 กิโลวัตต์/326 แรงม้า
* มีกำหนดออกจำหน่ายในปี 2016
เรื่องโดย : ชูศักดิ์ ชมจินดา
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2558
คอลัมน์ Online : ระเบียงรถใหม่
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/11279