ชีวิตอิสระ(4wheels)
บุรีรัมย์ ลงตัวในความหลากหลาย
บุรีรัมย์ เป็นจังหวัดทางภาคอีสานตอนใต้ที่มีผู้คนให้ความสนใจมากที่สุด จากสนามฟุตบอลและสนามแข่งรถมาตรฐานระดับเวิร์ลด์คลาสส์ รวมถึงโบราณสถานที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ "ชีวิตอิสระ" จะพาคุณไปเยือนเมืองแห่งความหลากหลายที่ลงตัวแห่งนี้
ม่วนคักคัก
ไปกับ เอนพี 300 นาวารา
การเดินทางไปเยือนบุรีรัมย์ สะดวกสบายมาก เส้นทางส่วนใหญ่เป็นถนน 4 เลน มีแค่ไม่เกิน 20 กม. สุดท้ายเท่านั้นที่เป็นเลนสวน เราเดินทางพร้อมเกลอเก่า "นิสสัน เอนพี 300 นาวารา" แบบคิงแคบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ตามเส้นทางสายมิตรภาพ (2) มุ่งสู่ จ. นครราชสีมา และเลี้ยวชวาอีกครั้งที่ อ. สีคิ้ว เพื่อมุ่งสู่บุรีรัมย์ ตามทางหลวง (24) เส้นทางนี้อยากจะเตือนให้ขับเรื่อยๆ ใจเย็นๆ นะครับ เพราะคุณตำรวจตรวจจับความเร็วกันหลายจุด
ระยะทางจากกรุงเทพ ฯ ถึงบุรีรัมย์ประมาณ 400 กม. ผมใช้เวลาไม่ถึง 5 ชม. นับว่าเร็วพอสมควร คงต้องยกความดีให้กับเจ้า นาวารา คันนี้ เนื่องจากมีสมรรถนะดี วิ่งเร็วแต่กลับรู้สึกเหมือนไม่เร็ว เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ ขนาด 2.5 ลิตร ที่ให้กำลังม้าถึง 190 ตัว นั้นแรงเหลือเฟือจริงๆ เทอร์โบแปรผันตอบสนองทันใจทุกความเร็ว เส้นทางบางช่วงมีฝนตกหนัก ผมแค่หมุนปุ่มปรับระบบขับเคลื่อนไปที่ 4H ก็รู้สึกมั่นใจขึ้นเยอะ อีกทั้งภายในยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย ตั้งแต่ระบบนำทาง GPS พร้อมเครื่องเล่น DVD, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเย็นอัตโนมัติ, ระบบเปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ฯลฯ นับว่าเป็นรถที่ครบเครื่อง สมกับสโลแกน "แกร่งเกินคาด ฉลาดเกินใคร" จริงๆ ครับ
ปราสาทเมืองต่ำ
ศาสนสถานที่สมบูรณ์
สถานที่แรกที่ผมจะพาไป คือ "ปราสาทเมืองต่ำ" ตั้งอยู่ อ. ประโคนชัย จ. บุรีรัมย์ เป็นศาสนสถานที่สร้างตามคติความเชื่อทางศาสนาฮินดู แบบศิลปขอมโบราณ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 16-17 เพื่อถวายพระศิวะ มีลักษณะเป็นปราสาทอิฐ 5 องค์ ตั้งอยู่บนศิลาแลงอันเดียวกัน เรียงเป็น 2 แถวตามแนวทิศเหนือใต้ ซึ่งเป็นรูปแบบที่แตกต่างจากปราสาทแห่งอื่นๆ
ปรางค์ประธาน ปัจจุบันเหลือแค่ฐานเท่านั้น ผนังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส โครงสร้างโดยรวมมีลักษณะเหมือนกับปรางค์บริวารทั้ง 4 องค์ แตกต่างกันเพียงปรางค์ประธานมีมุขหน้า ส่วนปรางค์บริวารไม่มี ปรางค์ประธานจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก และเป็นด้านที่มีประตูเข้าสู่ภายในองค์ปรางค์เพียงด้านเดียว ส่วนที่เหลืออีก 3 ด้าน คือ ทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันตกนั้น ทำเป็นรูปประตูหลอก
กรมศิลปากรได้ขุดพบหน้าบัน และทับหลังของมุขปราสาทปรางค์ประธานที่ทำจากหินทราย หน้าบันเป็นรูปพระอินทร์ประทับนั่งในท่ามหาราชลีลาสนะ (นั่งชันเข่าขวาขึ้นขาซ้ายพับ) เหนือช้างเอราวัณสามเศียร เป็นศิลปะเขมรแบบบาปวน มีอายุราวครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 16 ปราสาททั้ง 5 ล้อมรอบด้วยระเบียงคดซึ่งมีทับหลัง และซุ้มประตูแกะสลักด้วยหินทรายอย่างงดงาม มีสระน้ำ (บาราย) กรุด้วยศิลาแลง ทั้ง 4 ทิศ มุมสระมีพญานาคหินทราย 5 เศียร ทอดตัวยาวรอบขอบสระน้ำ ชั้นนอกปราสาทมีกำแพงศิลาแลงอีกชั้น ให้ความรู้สึกขลัง และน่าเลื่อมใสยิ่งนัก
ปราสาทพนมรุ้ง
ความอัศจรรย์ที่ชวนสงสัย
สถานที่ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดนี้ คือ "ปราสาทพนมรุ้ง" ตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว ใน อ. เฉลิมพระเกียรติ จ. บุรีรัมย์ เป็นโบราณสถานตามแบบเขมรโบราณที่สร้างด้วยหินทรายสีชมพู ความงดงาม และยิ่งใหญ่อยู่ที่งานสถาปัตยกรรม ภาพแกะสลักลวดลายรูปเทพเจ้า และเรื่องราวทางศาสนา รวมถึงการจัดสรรพื้นที่ที่มีแผนผังชัดเจน โดยสิ่งก่อสร้างต่างๆ จะเรียงตัวกันเป็นเส้นตรงพุ่งเข้าหาจุดศูนย์กลางอย่าง "ปราสาทประธาน" ทำให้ดูแล้วทึ่งถึงวิวัฒนาการของคนในยุคนั้น และชวนให้สงสัยว่าเขาสร้างปราสาทหลังนี้ได้อย่างไร ?
สำหรับชื่อ "พนมรุ้ง" มาจากภาษาเขมรว่า "วนํรุง" แปลว่า ภูเขาอันกว้างใหญ่ โดยปรากฏอยู่ในศิลาจารึกที่พบที่ปราสาทแห่งนี้ และยังปรากฏชื่อผู้สร้างปราสาท คือ "นเรนทราทิตย์" เชื้อสายราชวงศ์มหิธรปุระ ผู้เกี่ยวข้องเป็นญาติกับพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างปราสาทนครวัดที่ประเทศกัมพูชา
ปราสาทแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อเป็นเทวาลัยที่ประทับของพระศิวะที่ประทับอยู่บนยอดเขาไกรลาส ดังนั้นการที่ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นบนยอดเขาพนมรุ้ง จึงเปรียบเสมือนเขาไกรลาสอันเป็นที่ประทับของพระศิวะ จึงเป็นการสะท้อนถึงการนับถือศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกายได้เป็นอย่างดี
ขึ้นเขากระโดง
เผชิญหน้าภูเขาไฟ
มาถึงบุรีรัมย์ ต้องห้ามพลาดขึ้นเขากระโดง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "พนมกระดอง" เป็นภาษาเขมร แปลว่า "ภูเขากระดอง (เต่า)" เพราะมีรูปลักษณ์คล้ายกระดองเต่า ต่อมาจึงเรียกเพี้ยนมาเป็น "กระโดง" อยู่ห่างจากอำเภอเมืองเพียง 6 กม. บนถนนสายบุรีรัมย์-ประโคนชัย
วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และศึกษาประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยา และชีววิทยาโดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟที่ยังคงปรากฏร่องรอยปากปล่องให้เห็นอย่างชัดเจน มีโบราณสถานกู่เขากระโดง เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง และมี "พระสุภัทรบพิตร" พระพุทธรูปองค์ใหญ่คู่เมืองบุรีรัมย์ อยู่บนยอดเขา นอกจากนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าเต็งรัง บนเนื้อที่กว่า 6 พันไร่ รวมทั้งพันธุ์ไม้พื้นเมืองที่หาชมได้ยาก เช่น ผลของต้นโยนีปีศาจ ที่มักพบในบริเวณเขตภูเขาไฟ
การขึ้นไปยังเขากระโดง สามารถทำได้ 2 วิธี คือ เดินขึ้นบันไดระยะทาง 265 ม. หรือขับรถขึ้นไปถึงยอดเขา ระหว่างทางจะพบพระพุทธรูปปางต่างๆ เรียงรายอยู่เป็นระยะ วนอุทยานแห่งนี้อยู่ในความดูแลของหน่วยอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่ากรมป่าไม้ จังหวัดบุรีรัมย์ได้พัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทำการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
ชมไม้ดอกนานาชนิด
ที่ เพ ลา เพลิน
จากตัวเมืองบุรีรัมย์ ขึ้นเหนือไป อ. คูเมือง ประมาณ 30 กม. จะพบกับ "เพ ลา เพลิน" แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ และแหล่งเรียนรู้ที่สมบูรณ์แบบแห่งเดียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภายในแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ "เพ ลา เพลิน บูติค รีสอร์ท แอนด์ แอดเวนเจอร์ แคมป์" เป็นพื้นที่สำหรับท่องเที่ยวและเรียนรู้ ประกอบไปด้วยมุมต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมและถ่ายรูป รวมถึงเป็นที่พัก และค่ายจำลองสำหรับเยาวชน
อีกส่วนหนึ่ง คือ "อุทยานไม้ดอกเพ ลา เพลิน" เป็นสถานที่จัดแสดงพันธุ์ไม้ดอกนานาสายพันธุ์ และที่อุทยานไม้ดอกแห่งนี้ ยังถือว่าเป็นอุทยานไม้ดอกแห่งแรกในเขตพื้นที่ภาคอีสานใต้อีกด้วย มีการจัดแสดงพรรณไม้นานาชนิด พร้อมให้ความรู้ โดยแต่ละโรงเรือนถูกจัดให้มีบรรยากาศที่แตกต่างกันไป แบ่งเป็น 6 โรงเรีอน ได้แก่ โรงเรือนที่ 1 พรรณไม้ตามฤดูกาล (ช่วงที่เราไป คือ ดอกกระเจียว) โรงเรือนที่ 2 พันธุ์เฟิร์นชนิดต่างๆ โรงเรือนที่ 3 สับปะรดสี และพืชกินแมลง โรงเรือนที่ 4 จัดแสดงกล้วยไม้ชนิดต่างๆ โรงเรือนที่ 5 พืชทะเลทราย และโรงเรือนที่ 6 จัดแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่นประจำภาคอีสาน ถ้ายังไม่เต็มอิ่มยังสามารถนั่งรถราง หรือจะเช่ารถกอล์ฟ เที่ยวชมไร่สตรอว์เบอร์รี ไร่องุ่น ไร่เสาวรส หรือจะชมการเพาะขยายพันธุ์พืชก็ย่อมได้
นิว ไอ-โมบาย สเตเดียม
แลนมาร์คใหม่ของบุรีรัมย์
ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ดึงดูดผู้คนต่างถิ่น ให้มาเยือนบุรีรัมย์เป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งมาจากสนามฟุตบอลที่ชื่อ "นิว ไอ-โมบาย สเตเดียม" สนามประจำสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ธันเดอร์ คาสเซิล สเตเดียม หรือ นิว ไอ-โมบาย สเตเดียม เป็นสนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐานแห่งแรกและแห่งเดียวในไทยที่ไม่มีลู่วิ่งคั่นสนาม โดยผ่านมาตรฐานฟีฟา เอเอฟซี เอเอฟเอฟ มาตรฐานระดับเอคลาสส์ สเตเดียม จากเอเอฟซี และมาตรฐานระดับเวิร์ลด์คลาสส์ จากฟีฟา รวมถึงยังได้บันทึกลงกินเนสส์บุคว่าเป็นสนามฟุตบอลระดับฟีฟาแห่งเดียว ที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดในโลกเพียง 256 วันอีกด้วย
สนามแห่งนี้จุผู้ชมได้ถึง 24,000 คน โครงสร้างส่วนใหญ่ประกอบด้วยเหล็กและไฟเบอร์ ใช้งบประมาณก่อสร้างกว่า 500 ล้านบาท นิว ไอ-โมบาย สเตเดียม มีการจัดทัวร์เดินชมสนามในทุกวัน ยกเว้นวันที่มีแข่งนัดเหย้า (เป็นเจ้าบ้าน) ใครที่สนใจสามารถเข้าชมได้ "ฟรี" แถมยังมีไกด์น่ารักๆ คอยให้ข้อมูล รวมถึงคอยช่วยถ่ายรูปให้อีกด้วย
การมาครั้งนี้ ตรงกับบิกแมทช์สำคัญแมทช์หนึ่งของไทยพรีเมียร์ลีก ซึ่งทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเป็นทีมเหย้าพอดี ผมไม่รอช้ารีบซื้อตั๋วโซน E ซึ่งได้ที่นั่งตรงกลางสนามติดกับแฟนบอลทีมเจ้าบ้าน และนับเป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้าชมการแข่งขันฟุตบอลแบบสดๆ อย่างนี้ ขอยอมรับว่าเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก ไม่ว่าแฟนบอลเจ้าบ้านจะทำอะไร ปรบมือหรือร้องตะโกนเชียร์ ผมก็จะทำตามตลอด ยิ่งเมื่อกองหน้าทีมเจ้าบ้านได้บอลด้วยแล้ว มันเหมือนมีพลังงานบางอย่างดึงผมหายไปกับกองเชียร์ มารู้ตัวอีกที ผมกลายเป็นแฟนบอลของทีมเจ้าบ้านไปเสียแล้ว
แผนที่
ที่กิน
หากพูดถึงเป็ดย่าง จ. บุรีรัมย์ คงไม่มีใครไม่รู้จัก "เป็ดย่างคูเมือง" เพราะถือเป็นอาหารขึ้นชื่อ และสุดยอดของฝากของ จ. บุรีรัมย์ เป็ดของที่นี่จะย่างด้วยวิธีเฉพาะ ทำให้ได้หนังที่กรอบ แต่เนื้อด้านในนุ่ม ทั้งคอ ปีก ไส้ และตูด หัวใจสำคัญอยู่ที่น้ำจิ้มรสเด็ด ที่รสชาติไม่เหมือนใคร จนถูกปากถูกใจลูกค้าทุกเพศทุกวัย นอกจากนี้ยังมีลาบเป็ด ต้มเป็ดรสแซบ ให้เลือกรับประทานกันอีกด้วย ในราคาไม่แพง
ที่นอน
หลังจากเชียร์บอลจนเหนื่อยอ่อน ก็ถึงเวลาพักผ่อนชาร์จแบทเตอรีกันแล้ว ผมเลือกพัก "โรงแรม อัลวาเรซ" ระดับ 4 ดาว หรูหรา และสวยงาม อุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อม ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลนักจากสนาม นิว ไอ-โมบาย สเตเดียม ในราคาเริ่มต้นที่ 1,200 บาท รวมอาหารมื้อเช้า มีสระว่ายน้ำ และสปา บริการด้วย
ขอขอบคุณ
บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อพาหนะในการเดินทางครั้งนี้
เรื่องโดย : วิธวินท์ ไตรพิศ
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2558
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/10588