สารคดี(formula)
เมียวดี สโลว์ไลฟ ในเมืองเล็ก
แม้ประเทศเมียนมาร์จะมีพรมแดนติดกับประเทศไทยในหลายจังหวัด แต่ไม่บ่อยนักที่จะได้ไปสัมผัสอย่างใกล้ชิด "ฟอร์มูลา" เดินทางสู่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาร์ เมืองเศรษฐกิจพิเศษที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในด้านการค้า แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบสโลว์ไลฟ โดยมีพุทธศาสนาเป็นหลักนำพาชีวิต
ประตูบานใหญ่ สู่อาเซียน
เมียวดี (MYAWADDY) หรือคนเมียร์มาร์ เรียกว่า "บะลำบะดี๋" ตั้งอยู่ในรัฐกะเหรี่ยง (KAYIN STATE) โดยมีเมืองหลวง คือ เมืองพะอัน (HPA AN) อยู่ติดกับ อ. แม่สอด จ. ตาก ของประเทศไทย โดยมีแม่น้ำเมยเป็นพรมแดนธรรมชาติ เชื่อมความสัมพันธ์ด้วยสะพานมิตรภาพ (ไทย-เมียนมาร์)
เมียวดี ถูกยกให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศเมียนมาร์ เปรียบเสมือนประตูบานใหญ่ที่เชื่อมกับมิตรประเทศอาเซียน โดยเฉพาะด้านการค้าขาย เพราะเป็นเส้นทางสัญจร และขนส่งสินค้าไปยังภูมิภาคต่างๆ โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย ในการสร้างถนนจาก อ. แม่สอด ไปยังเมืองเมียวดี ระยะทาง 17 กม.
ข้ามสะดวก ปลอดภัยมากขึ้น
การเดินทางไปเที่ยวเมืองเมียวดีนั้นแสนง่าย แค่พกบัตรประชาชนใบเดียว ไปยื่นที่สำนักงานออกหนังสือผ่านแดน (อยู่เลยปั๊ม ปตท. ก่อนถึงสะพานมิตรภาพ) พร้อมเงิน 30 บาท ก็จะได้บัตรผ่านแดนชั่วคราว หรือจะใช้บริษัททัวร์ฝั่งไทยก็ได้ คิดค่าบริการแบบเหมา ครั้งละประมาณ 1,500 บาท แบบไป-กลับใน 1 วัน (ไม่รวมค่าผ่านแดน และค่าทำหนังสือเดินทาง)
ทุกวันนี้ ประเทศเมียนมาร์ส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวมากขึ้น นักท่องเที่ยวจะได้รับการดูแล และมีความปลอดภัยกว่าแต่ก่อนเยอะ จากเมียวดีสามารถเดินทางต่อไปยังเมืองพะอัน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยงได้ หรือจะเดินทางโดยรถประจำทางไปยังรัฐมอญ หรือย่างกุ้ง ก็ได้
ส่วยมินหวุ่น วัดคู่บ้านคู่เมือง
[table]
,
[/table]
เมื่อข้ามสะพานมิตรภาพ (ไทย-เมียนมาร์) ก็เข้าสู่เมืองเมียวดีเต็มตัว ผู้คนที่นี่ต่างมีทเรนด์เฉพาะถิ่น คือ ต้องประแป้งกันทุกคน บนถนนที่รัฐบาลไทยสร้างต่างเต็มไปด้วยรถยนต์ และรถจักรยานยนต์วิ่งกันอย่างขวักไขว่ พร้อมเสียงแตรกึกก้อง
สถานที่แรกที่ไกด์พาเราไป คือ วัดส่วยมินหวุ่น หรือวัดเจดีย์ทอง มีชื่อเต็มว่า "เจดีย์ชเวเมียนโหว่นเซตี้" เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของเมียวดี ภายในประดิษฐานพระมหามุนีจำลอง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำชาติ จุดเด่นของวัดนี้อยู่ที่องค์เจดีย์สีทองเหลืองอร่ามแบบศิลปะมอญ-เมียนมาร์ บริเวณด้านบนสุดของเจดีย์ประดับด้วยยอดฉัตร ตกแต่งด้วยทองคำแท้ และอัญมณีล้วนๆ บริเวณโดยรอบมีพระพุทธรูปประจำอยู่ทั้ง 4 ทิศ ด้านนอกมีสิงโตที่มีหัวเป็นคน ทำหน้าที่ปกป้องวัดตามความเชื่อ และยังมีพระพุทธรูปที่สร้างจากหวายสุดงดงามประดิษฐานอยู่ด้วย
ยกหินเสี่ยงทาย ที่วัดเจ้าโหล่งจี
[table]
,
[/table]
ต่อจากนั้นเราเดินทางไปวัดเจ้าโหล่งจี หรือวัดก้อนหินใหญ่ ตั้งอยู่บนลานหินขนาดใหญ่บนเนินเขา ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปที่งดงาม ด้านนอกมีหอระฆัง สามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์ของเมืองเมียวดีได้ทั้งเมือง วัดนี้คนเมียร์มาร์นิยมมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล และอาจเสี่ยงทายด้วยการยกก้อนหินสีทอง ที่หนักราว 10 กก. ขั้นตอน คือ ให้ลองยกดูก่อนว่าหนักแต่ไหน จากนั้นให้อธิษฐานแล้วลองยกอีกครั้ง ถ้ารู้สึกว่าเบากว่าครั้งแรกแสดงว่าคำอธิษฐานนั้นจะเป็นจริง แต่ถ้ารู้สึกหนัก คำอธิษฐานก็คงไม่เป็นผล
วัดจระเข้ ใครเห็นเป็นต้องตะลึง
ใครมาวัดนี้จะต้องเห็นจระเข้สีเขียวตัวใหญ่มาแต่ไกล ความยาวลำตัวตั้งแต่หัวจรดหางยาวถึง 65 เมตร ทาสีเขียวสดใสทั้งตัว กลางตัวจระเข้สร้างเป็นหอไตรกลางน้ำ โดยมีเรื่องเล่ากันว่า ในอดีตมีจระเข้จะเข้ามากินเนื้อพระภิกษุสงฆ์ แต่ท่านแสดงธรรมจนจระเข้เห็นธรรม และเลิกกินเนื้อสัตว์ พร้อมกับมักจ้องมองไปทางเจดีย์ชเวเมียนโหว่นเซตี้อยู่เสมอจนสิ้นใจ เนื่องจากอยากไปกราบไหว้แต่ไม่สามารถทำได้ ชาวบ้านจึงช่วยกันสร้างจระเข้ตัวนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์ และภายในวัดยังมีหอแสดงพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าให้เดินชมกัน
ตลาดบุเรงนอง มีทุกสิ่งให้เลือกสรร
ปิดท้ายทริพนี้ด้วยตลาดบุเรงนอง ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเมียวดี เป็นศูนย์รวมสินค้า ทั้งเสื้อผ้า สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ส่วนใหญ่มาจากประเทศไทยเรานี่แหละ คนเมียนมาร์ที่ค่อนข้างมีฐานะ จะนิยมใช้สินค้าจากประเทศไทย เพราะมีคุณภาพดี ในราคาที่รับได้ นอกจากนั้นก็เป็นสินค้าจากประเทศจีน ด้านหน้าตลาดขายสิ่งของเครื่องใช้ และเสื้อผ้า ส่วนท้ายจะเป็นตลาดสด ขายเนื้อสัตว์ ปลาหน้าตาแปลกๆ ผักนานาชนิด ผลไม้ ดอกไม้ ขนม และเครื่องเทศต่างๆ มาที่เดียวได้ของครบแน่นอน
เมืองเมียวดี แม้จะยังไม่พัฒนาด้านการท่องเที่ยวมากนัก แต่ก็มีความสะดวกสบายในระดับหนึ่ง วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนที่นี่คล้ายคลึงกับบ้านเรา สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจคือ พระพุทธศาสนา
เมียนมาร์ ไม่ใช่ พม่า
ถ้าใครเรียกชาวเมียนมาร์ ว่า "พม่า" ในยุคนี้ ขอบอกเลยว่าคุณเชยมาก ! เพราะประเทศเมียนมาร์เป็นประเทศที่รวมกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ไว้มากถึง 135 กลุ่ม ประกอบด้วยเชื้อชาติหลัก (มีจำนวนประชากรมากที่สุด และมีความเป็นมาทางชาติพันธุ์เด่นชัด) 8 กลุ่ม ได้แก่ พม่า ไทใหญ่ กะเหรี่ยง ยะไข่ จีน มอญ อินเดีย กะฉิ่น แต่ละกลุ่มก็มีเอกลักษณ์ด้านภาษา และวัฒนธรรมแตกต่างกันไป ถ้าเราเรียกทุกคนว่า พม่า หลายคนอาจบอกว่า มะช่ะๆ (ออกเสียงแบบสั้นๆ) ฉันไม่ใช่พม่า ฉันเป็นกะเหรี่ยง ฉันเป็นไทใหญ่ ฉันเป็นกะฉิ่น เป็นต้น ดังนั้น การเปลี่ยนชื่อประเทศจาก พม่า (BURMA) เป็น เมียนมาร์ (MYANMAR) จึงเป็นการประนีประนอม และเป็นชื่อกลางในการเรียกผู้คนในประเทศของเขา ดังนั้น จากนี้ไปเราต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ และพูดคำว่า "เมียนมาร์" กันให้ชิน
เรื่องโดย : วิธวินท์ ไตรพิศ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2558
คอลัมน์ Online : สารคดี(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/105254