รู้ไว้ใช่ว่า
พระเพลิง
โปรดทราบๆ "รถยนต์" เป็นวัตถุไวไฟ ไม่ได้พูดเกินเลย มีส่วนที่เป็นจริงครับท่าน หากดูข่าวเฉพาะบ้านเรา เดี๋ยวนี้มีคลิพวีดีโอจากมือสมัครเล่นให้ชมเพื่อความระทึกใจอีกต่างหาก เกิดขึ้นแทบไม่เว้นวัน จอดอยู่วิ่งอยู่ไฟลุกขึ้นเอง หรือคนขับเอาไม่อยู่ พารถไปชนนั่นนี่ หรือรถชนกัน แล้วพระเพลิงมาทำหน้าที่ โดยไม่ต้องมีใครเชื้อเชิญ วอดทั้งคันในเวลาไม่นาน น่าเศร้าน่าสยดสยอง คือ คนอยู่ในรถโดนย่างสด ชนิดที่เรียกว่า "ดำเป็นตอตะโก" ผู้ทำหน้าที่ของมูลนิธิต่างๆ คุ้นกับงานนี้พอสมควร
หยิบยกมาเอ่ยด้วยความปรารถนาดีต่อแฟนๆ รวมทั้งตัวกระผมเอง เพื่อให้ตระหนักอยู่เสมอ เวลาใช้รถ ไม่ว่าหรูหรือกระบะ เก่าหรือใหม่ อย่าได้วางใจแบบพันเปอร์เซนต์ เกี่ยวกับเรื่อง "ไฟลุกไหม้รถ" ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุหรือไม่ก็ตาม ตระหนักเพื่อที่จะดูแลตรวจตรารถของเรา ไม่ให้มีจุดเสี่ยงเรื่องไฟไหม้ จะได้ระมัด ระวังเวลาขับขี่ ไม่ให้รถไปทิ่มไปกระแทก หรือโดนรถอื่นอัดง่ายๆ "พระเพลิง" มาโชว์ตัว แล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ เนื่องจากรถยนต์ที่เราใช้กันทั้งโลก ไฟไหม้ได้ง่าย ไหม้แล้วดับได้ยาก มีวัตถุต่างๆ เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี รวมทั้งน้ำมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ "แกส" ที่เราใช้กันเยอะ ผมคนหนึ่งละไม่กล้าพอ กัดฟันใช้น้ำมันอย่างเดียวมาตลอด
ก่อนเขียนเรื่องนี้ ผมลองเปิดยูทูบ เขาโหลดไว้เมื่อปี 2013 น่าจะเป็นที่อินเดีย มีพิธีอะไรสักอย่าง แล้วเอารถหรูมาวิ่งโชว์ ขับข้ามสะพานใหญ่ขึ้นฝั่งก็เลี้ยวขวา มีแขกมุงโห่ร้องต้อนรับคับคั่ง ผ่านไปราวๆ สิบคัน ก็เห็นรถ เอาดี อาร์ 8 ยังไม่ทันพ้นสะพาน มีควันฉุยขึ้นมา คนขับหยุดรถเปิดประตูเผ่นออก ในที่เกิดเหตุมีตำรวจมีเจ้าหน้าที่เยอะ คอยกันรถกันคนไม่ให้เข้าใกล้ แต่ไม่มีใครเข้าไปดับไฟ เข้าใจว่าไม่มีการตระเตรียมอุปกรณ์ดับเพลิง แถมไม่เรียกรถดับเพลิงมาอีกต่างหาก ไหม้ได้ไหม้ไป ไหม้หมดทั้งคัน อีนี้ฉานไม่แคร์นะนายจ้า งงปนขำพอสมควร
ตานี้มาว่ากันถึงคดีความให้คึกคักอย่างเคย
เป็นเรื่องสนุกสนานครับ หากอยู่เมืองใหญ่ก็ต้องมีงานเคาน์ท์ดาวน์ ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ "นายครึกครื้น" แกชื่อนี้จริงๆ เอากะเขาด้วยแม้อยู่เมืองเล็ก เพื่อให้การเฉลิมฉลองมีสีสัน นอกจากญาติพี่น้องและพรรคพวกเพื่อนฝูงแล้ว ยังชวนพระเพลิงมาด้วย แบบไม่รู้ตัว ด้วยการลงทุนหาพลุไว้ แล้วให้คนสนิท คือ "นายมือฉมัง" เป็นคนจุด ตามเวลาที่กำหนด
ผลที่ตามมาเกินคาด เพราะพลุไปหล่นใส่บ้านของ "นางเยือกเย็น" แล้วลุกไหม้ โดยเจ้าหล่อนและคนในบ้านได้แต่วิ่งหนีออกมา ยืนงงเป็นไก่ตาแตก
นั่นคือสาเหตุที่ นายครึกครื้น และนายมือฉมัง ได้ไปเที่ยวที่ศาล โดนอัยการฟ้องเอาผิดทางอาญา ข้อหากระทำโดยประมาทให้เกิดไฟไหม้บ้านช่องของ นางเยือกเย็น
นางเยือกเย็น ยังไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหาย ตามธรรมเนียมทั่วไปของคนบ้านเรา ตูไม่มีไม่หนีไม่จ่ายซะส่วนใหญ่ จึงหาหนทาง จ้างทนายทำคำร้อง ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ เมื่อศาลไม่ขัดข้องก็ยื่นคำร้องเรียกค่าเสียหายเข้าไปด้วย บังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิด ซึ่งเดี๋ยวนี้ทำได้ ไม่ต้องฟ้องเป็นคดีแพ่งต่างหาก
อย่างแต่ก่อน ข้อเสีย คือ เรียกดอกเบี้ยด้วยไม่ได้ ต้องบวกเข้าไปในค่าเสียหายว่างั้นเหอะ
ผลของคดีอาญา ปรากฏว่าศาลเอาผิดเฉพาะ นายมือฉมัง คนจุดพลุ ซึ่งมือไม่ฉมังเหมือนชื่อ ยกฟ้อง นายครึกครื้น เพราะแกไม่ได้จุดพลุเอง เอาผิดฐานสนับสนุนให้กระทำโดยประมาทก็ไม่ได้
เมื่อเป็นยังงี้ นายครึกครื้น ก็ยิ้มแป้น อ้างเชียวว่า คดีอาญายกฟ้องข้าสบายโก๋ ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายแม้แต่สลึงเดียว นี่ว่าตามแง่กฎหมายนะเอ้อ ไม่ได้ใจจืดใจดำ
เรื่องค่าเสียหายยาวไปถึงศาลฎีกา เพราะ นายครึกครื้น สู้ไม่ถอย
ศาลฎีการับหน้าเสื่อ เหล่ดูคดีนี้แล้วชี้ขาดว่า งานนี้ นางเยือกเย็น โจทก์ร่วม ร้องขอให้ศาลบีบเค้น นายครึกครื้น ร่วมชดใช้ค่าเสียหายมาด้วย เป็นคำขอบังคับในคดีส่วนแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ตาม ป.วิ.อ. กำหนดไว้ว่า คำพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายอันว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง ไม่ต้องคำนึงถึงว่าจำเลยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดไหม แม้ นายครึกครื้น จะเด้งเชือก ศาลชี้ในคดีอาญาว่า ไม่ได้ประมาทจนเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้บ้านช่องของ นางเยือกเย็น แต่ได้ความชัดว่า นายครึกครื้น เป็นผู้จัดงานเลี้ยงฉลองเทศกาลปีใหม่ที่บ้านของตน แกใช้ให้จำเลยที่ 1 คือ นายมือฉมัง จุดพลุ อีแบบนี้ถือว่า นายมือฉมัง เป็นตัวแทน นายครึกครื้น ในการจุดพลุเปิดงาน เมื่อ นายมือฉมัง จุดพลุโดยประมาท เป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ทรัพย์สินของ นางเยือกเย็น เสียหาย ละเมิดต่อ นางเยือกเย็น นายครึกครื้น จำเลยที่ 2 ในฐานะตัวการต้องร่วมรับผิดกับ นายมือฉมัง ในผลแห่งละเมิด ป.พ.พ. มาตรา 425, 427 นั้นด้วย อย่างหนีไม่พ้น
โจรปล้นสิบหนยังไม่เท่าไฟไหม้หนเดียว คนแต่ก่อนเขาว่าไว้ น่าจะจริง จึงล้อเล่นกับฟืนไปไม่ได้หรอก รถซื้อหามายากเย็น ราคาไม่ใช่น้อย ใช้สอยควรดูแล ป้องกันไม่ให้พระเพลิงมาเอาไปกิน จนเหลือแต่ซากนะครับ
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4622/2557
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2558
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/104064