ทั่วไป
-
ศิลปิน : DARREN HAYES
อัลบัม : SPIN
แนวเพลง : POP/ROCK
โปรย "เขาคืออดีตคลังสมองของวง SAVAGE GARDEN"
นักฟังเพลงในบ้านเราคงรู้จักวง SAVAGE GARDEN และคุ้นหูเพลง I WANT YOU และเพลง TRULY,
MADLY, DEEPLY ที่กลายเป็นบทเพลงยอดนิยมไปทั่วโลก และยังขึ้นแท่นอันดับ 1 ใน สหรัฐอเมริกา อีกด้วย
วงดูโอสายพันธุ์ออสเตรเลียนี้เริ่มโด่งดังตั้งแต่ออกผลงานชุดแรก ในอัลบัมที่ชื่อว่า SAVAGE GARDEN ส่วนในอัลบัม
AFFIRMATION ผลงานชุดที่สองก็ยังครองใจบรรดาแฟนเก่าได้ด้วยเพลง I KNEW I LOVED YOU
ที่สามารถครองอันดับ 1 ในบิลล์บอร์ดได้อีกครั้ง
เสียดายที่วงดูโอนี้ต้องมาแยกทางกัน แต่ก็คงไม่ทำให้บรรดาแฟนๆ ผิดหวังกันมากนัก เพราะ DARREN HAYES
หนุ่มคนนี้ยังคงกลับมาสร้างผลงานอีกครั้ง แม้จะขาด DANIEL JONES ไปก็ตาม
ทีมงานหลักในการทำงานเดี่ยวของเขาครั้งนี้ก็ยังคงใช้ทีมงานเก่าสมัย SAVAGE GARDEN
ไม่ว่าจะเป็นโพรดิวเซอร์มือฉกาจอย่าง WALTER AFANASIEFF
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักร้องระดับหัวกะทิอย่าง RICKY MARTIN, MARIAH CAREY เป็นต้น
นอกจากนี้เขายังได้ RICK NOWELS ผู้ที่เคยทำงานให้กับศิลปินอย่าง MADONNA และ DIDO มาร่วมงาน
ทั้งยังได้นักแต่งเพลงรุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง GREG BIECK และผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเสียงอีเลคทรอนิคอย่าง
ROBERT CONLEY มาร่วมกันสร้างสรรค์เพลงในอัลบัมนี้อีกด้วย
สำหรับ DARREN HAYES เขาเป็นได้ทั้งนักร้อง และนักแต่งเพลง สมัยอยู่ SAVAGE GARDEN
ถือว่าเป็นหัวหอกของวงเลยทีเดียว ด้วยเสียงร้องที่มีเสน่ห์ และการแต่งเพลงที่กลั่นมาจากมันสมองของเขา
ทำให้บทเพลงของเขากลายเป็นที่ยอมรับ
อัลบัม SPIN คือผลงานเดี่ยวที่ใช้เวลาร่วมปีในการกลั่นกรองบทเพลง โดยที่เนื้อหาจะเกี่ยวกับความรัก ความสัมพันธ์
และเรื่องราวที่เกิดขึ้นใกล้ๆ ตัว มีแฝงไว้ด้วยความโรแมนติต ซิงเกิลแรกที่ถูกตัดออกมาคือเพลง INSATIABLE
เป็นบทเพลงที่มีซาวน์ดน่าฟัง นอกจากนี้ยังมีเพลง I MISS YOU, GOOD ENOUGH และเพลง CREEPIN UP ON
YOU ที่มีสีสันไม่แพ้กัน ถึงแม้ว่าเขาจะมาเดี่ยว
แต่คุณภาพที่ทำออกมาในอัลบัมชุดนี้ไม่ด้อยไปกว่าอัลบัมเก่าในอดีตเลย
ศิลปิน : DESTINY S CHILD
อัลบัม : THIS IS THE REMIX
แนวเพลง : POP/R&B/DANCE
โปรย "อัลบัมใหม่ที่รวบรวมงานเก่ามารีมิกซ์ ด้วยฝีมือนักแรพระดับหัวกะทิ"
ศิลปินกลุ่มหญิงแนว R&B ตอนนี้คงไม่มีใครเข้าตากรรมการเท่ากับ DESTINY S CHILD อีกแล้ว
พวกเธอประสบความสำเร็จตั้งแต่อัลบัมแรกที่ชื่อว่า DESTINY S CHILD โดยมีเพลง NO, NO, NO
เป็นเพลงเด่นที่แสดงความสามารถของพวกเธอได้อย่างเต็มที่
จึงทำให้เพลงนี้โดดขึ้นแท่นบิลล์บอร์ดได้อย่างสบายในฐานะเพลงใหม่มาแรง (BILLBOARD HOT 100 )
ในปี 1999 ผลงานชุดที่สอง THE WRITING S ON THE WALL ก็มีความร้อนแรงไม่แพ้อัลบัมแรก
ด้วยสถิติครองอันดับที่ 11 ในบิลล์บอร์ด นานถึง 1 ปีเต็ม โดยมี 3 เพลงฮิทคือ JUMPIN, JUMPIN, SAY MY
NAME, และ BILLS BILLS BILLS ซึ่งสองเพลงหลังนี้สามารถขึ้นแท่นอันดับ 1 ใน BILLBOARD R&B SINGLES
และ BILLBOARD HOT 100 นอกจากนี้เพลง BILLS, BILLS, BILLS ยังครองอันดับที่ 1 ได้นานที่สุด
ของปี 1999 อีกด้วย
ผลงานจากอัลบัมชุดที่สองนี้เอง ที่ทำให้พวกเธอได้รับรางวัลแกรมมีมาครองเป็นครั้งแรกถึง 2 รางวัล
นอกจากจะได้รับรางวัลจากสถาบันหลักแล้ว ในส่วนรางวัลจากสถาบันอื่นๆ ไม่ว่าจะป็น MTV AWARDS,
AMERICAN MUSIC AWARDS, BLOCKBUSTER ENTERTAINMENTS AWARDS, NAACP IMAGE AWARDS,
NICKELODEON KIDS CHOICE AWARDS และอีกหลายสถาบันต่างก็ยกย่อง
และมอบรางวัลให้กับศิลปินสาวกลุ่มนี้
ความโด่งดังไม่มีสิ้นสุดเมื่อเพลง INDEPENDENT WOMAN PART I ซึ่งอยู่ในอัลบัมเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง
CHARLIE S ANGEL สามารถครองใจคนอังกฤษ และอเมริกันได้ โดยที่เพลงนี้ติดชาร์ทอันดับที่ 1
ของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะที่ อังกฤษ ต้องถือว่าวงนี้เป็นวงหญิงล้วนจาก อเมริกา ที่สามารถเข้าชาร์ทอันดับ 1
ตั้งแต่สัปดาห์แรกเลย
ควันแห่งความโด่งดังยังไม่ทันจาง อัลบัมเต็มอย่าง SURVIVOR ในปี 2001 ก็ออกมา
พร้อมประกาศศักดิ์ศรีของกลุ่มนี้อีกครั้งด้วยการขึ้นชาร์ทอันดับ 1 อีกครั้ง
นับว่าเป็นความสำเร็จอย่างสูงของศิลปินกลุ่มจาก อเมริกา กลุ่มนี้
ล่าสุดพวกเธอมาพร้อมกับการทำอัลบัมรวมเพลงในแบบ REMIX โดยคัดเอาเพลงเด็ดๆ ติดชาร์ทมาใส่ไว้
โดยได้ศิลปินขาแรพระดับหัวกะทิมาร่วมงาน ทำให้อัลบัมชุดใหม่นี้มีเสน่ห์ไม่แพ้อัลบัมชุดก่อนๆ
ศิลปิน : FATBOY SLIM
อัลบัม : LIVE ON BRIGHTON BEACH
แนวเพลง : DANCE/ELECTRONICA
โปรย "มาร่วมสนุกกับพาร์ทีในแบบ FATBOY SLIM"
NORMAN COOK หรือในวงการดีเจรู้จักกันดีในนามของ FATBOY SLIM อดีตมือเบสส์ของ THE
HOUSEMARTINS และเป็นหนึ่งในสามเสือฝีมือฉกาจในด้าน ACID-HOUSE แห่ง PIZZAMAN
เขาคนนี้เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินมีชื่อเสียงหลายคน โดยเฉพาะศิลปินแนวบริทฮอพ (BRIT HOP)
เขาเริ่มมีอัลบัมในนาม FATBOY SLIM ในปี 1996 กับอัลบัม BETTER LIVING THROUGH CHEMISTRY
ซึ่งมีเพลง GOING OUT OF MY HEAD และเพลง PUNK TO FUNK เป็นไฮไลท์
ในช่วงนี้ก็จะมีงานทดลองออกมาอย่างเพลง SKIP TO MY LOOP ในแบบแซมเพิล (SAMPLE)
โดยใช้อุปกรณ์ด้านซาวน์ดมาผสมผสานกันไม่ว่าจะเป็นการแซมเพิลกลอง การใช้แอนาลอกสเควลช์ (ANOLOG
SQUELCHS) และใช้เสียงแต่งเข้ามาเสริม ทำให้เขาได้รูปแบบการทำดนตรีเพิ่มขึ้น เมื่ออัลบัมชุดที่สอง YOU VE
COME A LONG WAY BABY (1998) ผลงานนี้เริ่มมีความเป็น POP มากขึ้น ทำให้สามารถดึงนักฟังจาก อเมริกา
และญี่ปุ่นในปีถัดมาได้ โดยมีเพลง THE ROCKAFELLER SHANK และเพลง PRAISE YOU
ผลงานในอัลบัมชุดนี้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลทั้ง MTV VIDEO MUSIC AWARD และ GRAMMY
นับว่าเป็นสีสันของวงการเพลงแนวนี้ ในปี 2000 เขาก็ได้ปล่อยอัลบัมใหม่ HALFWAY BETWEEN THE GUTTER
AND THE STARS ซึ่งเป็นงานชุดที่สาม ถือว่ายังได้รับการตอบรับจากนักฟังอย่างต่อเนื่อง
สำหรับอัลบัม LIVE ON BRIGHTON BEACH เป็นผลงานการบันทึกการแสดงสดของ FATBOY SLIM ในเมือง
BRIGHTON บ้านเกิดของเขา พาร์ทีครั้งนี้มีคนเข้ามาร่วมงานกันถึงสามหมื่นกว่าคน ท่ามกลางแสงสีเสียงที่ครบครัน
บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกบริเวณริมชายหาด บทเพลงที่นำมาแสดง มีทั้งของเขา และของศิลปินแนว
อีเลคทรอนิคาระดับแถวหน้า ไม่ว่าจะเป็น UNDERWORLD, BASEMENT JAXX, KID CREME, MINIMAL FUNK
เป็นต้น
ถ้าคุณชอบดนตรีในแบบ THE PRODIGY THE CHEMICAL BROTHERS แล้วละก็ งานของ FATBOY SLIM
ก็มีความน่าฟังไม่แพ้กัน
ศิลปิน : MARIANNE FAITHFULL
อัลบัม : KISSIN TIME
แนวเพลง : ROCK
โปรย "ขิงยิ่งแก่มันก็ยิ่งเผ็ด ก็คงเหมือนกับเธอคนนี้"
ในยุค 60 S คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักกับ MARIANNE FAITHFULL ศิลปินสาวจากลอนดอน ผู้ที่มีน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์
กับดนตรีแนวโฟล์คที่มีสีสันเฉพาะตัว ทั้งยังเป็นอดีตเพื่อนหญิงของ MICK JAGGER นักร้องนำแห่งวง THE
ROLLING STONE จึงไม่น่าแปลกใจถ้าผลงานของเธอจะมีกลิ่นอายของ THE ROLLING STONE เข้ามาผสมด้วย
เพลง AS TEARS GO BY คืองานชิ้นแรกที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักทั้งฝั่งอังกฤษ บ้านเกิด และฝั่งอเมริกา
ซึ่งบทเพลงนี้ถูกนำมาบรรจุไว้ในอัลบัมแรก MARIANNE FAITHFULL ในปี 1965
นับถึงปัจจุบันการทำงานในวงการนี้ในฐานะศิลปินหญิงก็ประมาณ 4 ทศวรรษแล้ว ด้วยความเก๋า
เธอจึงเป็นแบบฉบับให้กับศิลปินรุ่นใหม่ๆ
จากลักษณะเดินในแบบรอคเกอร์สาวของเธอ จึงทำให้ได้รับเกียรติจากศิลปินรุ่นเก่าและรุ่นใหม่
เชิญไปร่วมงานไม่ว่าจะเป็น THE BEATLES, METALLICA, OXBOW, JOE JACKSON ฯลฯ
เช่นเดียวกับในส่วนผลงานของเธอ ที่มักจะได้ศิลปินระดับหัวแถวเข้ามาร่วมงานอยู่เสมอ
ล่าสุดในอัลบัม KISSIN TIME ผลงานชิ้นแรกในรอบ 3 ปี ที่เธอเข้าสตูดิโอเพื่อทำผลงานอีกครั้ง
หลังจากที่ได้ออกอัลบัมเต็ม VAGABOND WAYS ในปี 1999 ไปแล้ว
ในอัลบัมใหม่นี้ ซาวน์ดดนตรีของเธอได้เปลี่ยนไป ทั้งยังได้ทีมศิลปินอัลเทอร์เนทีฟระดับแถวหน้าอย่าง BECK,
BLUR, BILLY CORGAN แห่งวง THE SMASHING PUMPKINS, DAVE STEWART และ JARVIS COCKER
พวกเขาเหล่านี้ได้ร่วมกับเธอในการแต่งเนื้อร้อง และทำนอง ให้มีความน่าฟังทั้งยังคงความทันสมัยของดนตรีไว้ด้วย
สำหรับบทเพลงในอัลบัมชุดนี้ ก็มีอยู่หลายเพลงที่มีสีสันและเสน่ห์อยู่ในตัว ไม่ว่าจะเป็นเพลงจากซิงเกิลแรก SEX
WITH STRANGERS ที่บรรจงโดย BECK เพลง LIKE BEING BORN ซึ่งเป็นงานที่ร่วมกับ BECK อีกเช่นกัน
และเพลง I M ON FIRE กับเพลง WHERE I GO ก็ได้ BILLY CORGAN เป็นผู้แต่งแต้มสีสันเข้าไป
ดังนั้นต้องบอกว่าอัลบัมชุดนี้ในภาคดนตรีมีซาวน์ดที่ทันสมัย เพราะได้ศิลปินระดับหัวกะทิรุ่นใหม่เข้ามาร่วมงานด้วย
แม้จะมีบางบทเพลงที่มีกลิ่นอายของเธออยู่บ้าง
ศิลปิน : BRANDY
อัลบัม : FULL MOON
แนวเพลง : DANCE/R&B
โปรย "เธอเป็นได้ทั้งนักร้อง และนักแสดง"
เมื่อเปิดตัวครั้งแรกกับอัลบัม BRANDY ในปี 1994 ทำให้สาวน้อยนักแสดงคนนี้กลายเป็นนักร้องสาวแนว
R&Bที่ต้องจับตามอง กับเพลงยอดเยี่ยมอย่างเพลง I WANNA BE DOWN เพลง BABY และเพลง BROKEN
HEARTED ซึ่งในอัลบัมชุดนี้เธอได้รับการตอบรับอย่างสูง ในปีต่อมาเพลง SITTIN UP IN MY ROOM
ถูกนำมาเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ WAITING TO EXHALE และเพลง MISSING YOU
ก็เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ SET IT OFF ในปี 1996 ซึ่งเหมือนเป็นเพลงที่ออกมาขัดตาทัพ ก่อนจะออกอัลบัมเต็ม
ในช่วงนี้เองที่เธอหวนกลับไปสู่งานแสดงอีกครั้ง กับงานละครทีวีในเรื่อง CINDERELLA
ทำให้เธอโด่งดังจากการแสดงอีกครั้ง หลังจากนั้นอัลบัมชุดที่สอง NEVER SAY NEVER ก็ออกมาในปี 1998
มีเพลงเด่นๆ อย่างเพลง TOP OF THE WORLD เพลง BOY IS MINE เพลง ALMOST DOESN T COUNT
และเพลง HAVE YOU EVER ซึ่งทำให้เธอโด่งดังไม่แพ้อัลบัมชุดแรก
ตอนนี้เธอก้าวขึ้นมาเป็นผู้หญิงแถวหน้ากับผลงานชุดที่สาม FULL MOON
เป็นอัลบัมที่มีความเป็นอิสระในการทำงานทั้งยังทำให้รู้สึกถึงการผจญภัยไปกับงานชิ้นนี้
ซาวน์ดดนตรีในอัลบัมชุดนี้ยังคงเป็น R&B URBAN และ DANCE
เพลงในอัลบัมชุดนี้เธอหยิบมาใส่แบบจุใจกันไปเลย เพราะมีถึง 17 แทรค ฟังกันให้หูชาไปข้างหนึ่ง
ดีตรงที่ว่าบทเพลงและดนตรีในอัลบัมชุดนี้ฟังง่าย จึงทำให้ทุกเพลงมีความน่าฟัง
สำหรับคนไหนที่ยังไม่เคยฟังผลงานของเธอมาก่อน ก็อยากจะบอกว่างานของเธอคล้ายกับ EN VOGUE ผสมกับ
DESTINY S CHILD ซึ่งจะมีกลิ่นดนตรีของ R&B
ศิลปิน : BECKY TAYLOR
อัลบัม : A DREAM COME TRUE
แนวเพลง : CLASSICAL
โปรย "ไม่มีคำว่ายากถ้าหัวใจเต็มไปด้วยพลัง"
จากก้าวแรกของเธอเมื่อ BECKY TAYLOR เข้ามารับบทของ EPONINE ในละคร LES MISERABLES
ที่โรงละครในลอนดอน ซึ่งในตอนนั้นเธฮมีอายุเพียง 7 ปีเท่านั้น
หลังจากนั้นเธอได้แสดงความสามารถทางการละครเข้าตากรรมการเมื่อเธอเข้าลงแข่งการละครในรุ่นอายุ 8-25 ปี
ปรากฏว่าเธอได้รับรางวัลไปครองในฐานะนักแสดงอายุน้อย ในรอบสุดท้าย ด้วยอายุเพียง 8 ปี
ในปีถัดมาเธอได้รับรางวัลชนะเลิศอีกครั้งจาก BRITISH ARTS AWARD
นอกจากจะมีความสามารถทางการแสดงแล้ว ในด้านเต้นรำสาวน้อยคนนี้ก็มีพรสวรรค์ไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นบัลเลท์,
แทฟ และโมเดิร์น แดนศ์ ซึ่งเธอได้รับการเรียนการสอน และพัฒนาขึ้นจนสามารถแข่งขันกีฬาได้เลย
ในปี 2001 เธอได้มีโอกาสแสดงความสามารถอีกครั้ง
เมื่อได้รับเกียรติมาแสดงคอนเสิร์ทต่อหน้าพระพักตร์สมเด็จเจ้าฟ้าชายชาลส์ มกุฎราชกุมาร แห่งอังกฤษ กับผู้ฟังอีก
4,000 คน ซึ่งเธอได้แสดงพลังผ่านบทเพลง ONCE UPON A DECEMBER จาก ANASTASIA
เพลงนี้ได้นำมาบรรจุในอัลบัมแรกของเธอด้วย
A DREAM COME TRUE ผลงานชุดแรกของสาวน้อยวัย 13 ปีคนนี้ คงจะเป็นที่ชื่นชอบของคอเพลงคลาสสิค
อัลบัมนี้จะเป็นการรวมบทเพลงชั้นเลิศ และน่าจะคุ้นหูกันดี อย่างเพลง JUST BEYOND THE STARS
และเพลง I M FLYING ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง PETER PAN
แนวเพลงของอัลบัมชุดนี้เป็นการผสมผสานระหว่างดนตรี CLASSIC กับ POP
จึงทำให้บทเพลงที่เธอขับร้องมีความอ่อนนุ่ม และฟังได้ง่ายกว่าดนตรีคลาสสิคแท้ๆ
ถ้าคุณชอบความดั้งเดิมแต่ไม่ตกสมัยเกินไป งานของเธอก็มีเสน่ห์และสีสันไม่เบา ด้วยน้ำเสียงน่ารักของเธอ
ทำให้ดนตรีมีความสดใสตามไปด้วย
เรื่องโดย : ส. ศิลา
นิตยสาร Carstereo ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2545
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/9073