ทั่วไป
-
ศิลปิน : SHAKIRA
อัลบัม : LAUNDRY SERVICE
แนวเพลง : LATIN
โปรย : "ยักย้ายส่ายสะโพกไปกับเพลงของเธอ"
SHAKIRA ISABEL MEBARAK RIPOLL สาวละตินจากโคลัมเบียเชื้อสายเลบานอน ผู้เปี่ยมล้นด้วยความสามารถ
เธอเริ่มหัดเขียนเพลงตั้งแต่อายุได้เพียง 8 ปี และมุมานะในการร้องเพลงจนมาเข้าตาค่ายเพลงอย่าง SONY
จึงเป็นจุดเริ่มต้นของชุดแรกในชื่อ MAGIA (MAGIC) ในปี 1991 ซึ่งตอนนั้นเธอมีอายุเพียง 14 ปีเท่านั้น
ทั้งยังฝากงานเขียนเพลงไว้ในอัลบัมชุดนี้อีกด้วย ต่อมาอัลบัม PELIGO
(DANGER) งานชุดที่สองก็ออกตามมาอีก แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ทำให้เธอหันเหสู่วงการนักแสดง
ในปี 1995 เธอหวนกลับมาสู่วงการเพลงอีกครั้งด้วยอัลบัม PIES DESCALZOS
(BAREFEET) โดยปล่อยซิงเกิลเพลง ESTOY AQU ออกสู่ ละตินอเมริกา
ซิงเกิลนี้กลายเป็นเพลงยอดนิยมขึ้นสู่ชาร์ทเพลง LATIN ทันที อัลบัมนี้สร้างชื่อเสียงให้กับเธอเป็นอย่างมาก
ด้วยยอดจำหน่ายกว่า 4 ล้านชุด ส่งผลให้อัลบัมชุดต่อมาได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นงาน THE
REMIXES ในปี 1997, อัลบัม DONDE ESTAN LOS LADRONES ปี 1998 และอัลบัม MTV UNPLUGGED ปี 2000
ซึ่งในปีนี้เป็นครั้งแรกที่มีการแจกรางวัล LATIN GRAMMY เธอสามารถคว้ารางวัลมาครองได้ในสาขา BEST
FEMALE POP VOCAL PERFORMANCE
อัลบัม LAUNDRY SERVICE เป็นผลงานชุดแรกในภาคภาษาอังกฤษ ซึ่งมีสีสันไม่แพ้ภาคภาษาสเปน
เพลงที่น่าจะคุ้นหูกันบ้างก็อย่างเพลง WHENEVER WHEREVER
ในบ้านเราตามสถานีวิทยุเพลงสากลมักจะเปิดกันบ่อยๆ เพลงนี้นอกจากจะมีภาคภาษาอังกฤษแล้ว
ยังมีภาคภาษาสเปนอีกด้วยโดยมีชื่อว่า SUERTE ทั้งยังสามารถเข้าชาร์ทอันดับ 1 ทันทีที่เปิดตัว
ไม่รู้ว่าถ้าฟังเพลงของเธอแล้วจะหุ่นเซ็กซี่แบบนี้หรือเปล่า
ศิลปิน : SARAH BRIGHTMAN
อัลบัม : CLASSICS
แนวเพลง : VOCAL/CLASSIC
โปรย : "จากแดนเซอร์สู่แถวหน้าวงการเพลงคลาสสิค"
ในวงการเพลง CLASSIC แนว VOCAL นักร้องสาวคนนี้ถือเป็นอีกหนึ่งคนที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในช่วง
10 กว่าปีนี้ นับจากอัลบัม SONGS THAT GOT AWAY (1989) เธอยังเคยทำงานในบรอดเวย์
ไม่ว่าจะเป็นงานเวทีระดับยอดนิยมอย่าง PHANTOM OF THE OPERA และ REQUIEM
ซึ่งเขียนโดยอดีตสามีของเธอ
SARAH BRIGHTMAN เกิดในประเทศ อังกฤษ เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเป็นนักเต้นอยู่ 3 ปี
ต่อมาได้เป็นแดนเซอร์ในรายการโทรทัศน์ PAN S PEOPLE ทำให้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น
สำหรับก้าวแรกในวงการเพลง เกิดขึ้นเมื่อเธอได้แสดงพลังเสียงอันทรงเสน่ห์ในบทเพลง I LOST MY HEART TO A
STARSHIP TROOPER เป็นงาน SCORREO ในปี 1978 ได้ชักนำให้เธอรู้จักกับ LLOYD WEBBER
ซึ่งเป็นนักประพันธ์ ทำให้ได้ทำงานร่วมกัน อย่างงาน CATS (ORIGINAL LONDON CAST) ในปี 1981 หรือ SONG
& DANCE (1984 LONDON CAST) ในปี 1984 ส่งผลให้เธอเริ่มมีอัลบัมเดี่ยวในปี 1988
เมื่อสองปีที่แล้วเคยแนะนำอัลบัม EDEN ไปบ้างแล้ว ว่าแม่สาวเสียงโซพราโนผู้นี้เคยหยิบเพลง IL MIO CUORE VA
ที่มีท่วงทำนองในแบบเพลง MY HEART WILL GO ON ว่ามีความไพเราะขนาดไหน
ตอนนี้จะถือโอกาสแนะนำอัลบัม CLASSICS ซึ่งเป็นงานในแบบรวมเพลง
โดยเลือกหยิบจากผลงานเก่าและใหม่มาบันทึกไว้ ในบทเพลงเหล่านี้มีเพลง AVE MARIA, DANS LA NUIT
ALHAMBRA และ FIGLIO PERDUTO เป็นบทเพลงที่แสดงถึงพลังเสียงของเธอได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ยังหยิบเพลงยอดนิยมอย่างเพลง TIME TO SAY GOODBYE จากอัลบัม TIME TO SAY GOODBYE ปี
1997 และเพลง PIE JESU จากผลงานของ LLOYD WEBBER เข้ามาไว้ให้ฟังด้วย
อัลบัมชุดนี้ถึงจะไม่เป็นอัลบัมเต็ม แต่ก็มีเพลงใหม่เก็บตกเข้ามาเสริม น่าจะโดนใจกันบ้างสำหรับกลุ่มคอดนตรีแนว
VOCAL ทั้งหลาย
ศิลปิน : MICK JAGGER
อัลบัม : GODDESS IN THE DOORWAY
แนวเพลง : ROCK
โปรย : "ไม่มีตกรุ่นสำหรับ MICK JAGGER"
ท่าทางยียวนกวนประสาทของเขาไม่เคยเปลี่ยนไปเลย แม้ว่าเขาจะก้าวเข้าสู่วัยใกล้เกษียณก็ตาม
ในช่วงยุค 60 S ศิลปินกลุ่มที่โด่งดังแบบสุดๆ คงต้องมีวง ROLLING STONES ติดอยู่ด้วย
วงนี้เปรียบเสมือนเป็นมารดาของวงการเพลงในช่วงนั้นที่มีวงอย่าง THE BEATLES
ถ้าแต่งจิ๊กโก๋กางเกงแนบเนื้อพูดเถื่อนๆ ก็ต้องเป็น ROLLING STONES
MICK JAGGER สมาชิก ROLLING STONES ที่ยังคงภาพลักษณ์ของตัวเองไว้อย่างมั่นคง
แม้ว่าในอัลบัมชุดนี้จะปลีกตัวออกมาทำอัลบัมเดี่ยวก็ตาม
เขาห่างไปนานกับการทำงานในสตูดิโอหลังจากที่ได้ออกอัลบัม WANDERING SPIRITS
อัลบัม GODDESS IN THE DOORWAY ผลงานเดี่ยวล่าสุด ที่ตอนนี้กำลังออกมาวาดลวดลายความเก๋ากันทั่วโลกแล้ว
อัลบัมชุดนี้เขาได้ทำงานร่วมกับศิลปินระดับหัวกะทิอย่าง BONO แห่งวง U2, LENNY KRAVITZ, ROB THOMAS,
KYLE COOK แห่งวง MATCHBOX TWENTY, และ WYCLEF JEAN แห่งวง FUGEE งานดนตรียังคงยึดแนว
ROCK ไว้อย่างเหนียวแน่น อัลบัมชุดนี้ยังคงเอาสำเนียงของเครื่อง B3 มาใส่ไว้เพื่อเพิ่มความ CLASSIC
ให้กับงานเพลงของเขา ด้วยฝีมือของ MATT CLIFFORD ทั้งยังร่วมโปรดิวศ์งานนี้อีกด้วย
บทเพลงทั้ง 12 แทรค ต้องบอกว่าเสน่ห์มันอยู่ที่น้ำเสียงของ MICK JAGGER
ยิ่งถ้าฟังแล้วจินตนาการท่าทางการเต้นของเขาตามไปด้วย เชื่อแน่ว่าพวกคุณจะต้องมันไปตามเพลง
เข้าใจว่าอัลบัมชุดนี้นอกจากจะใช้ดนตรีมันๆ แล้ว แกคงจะใช้ปากกว้างๆ ของแกไล่ขบแฟนๆ พันธุ์ ROCK แน่
ศิลปิน : TORI AMOS
อัลบัม : STRANGE LITTLE GIRLS
แนวเพลง : ROCK
โปรย : "ดนตรีที่ไร้ขอบเขต กับมุมมองที่แตกต่างออกไป"
เธอเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง และนักเปียโนที่มีพรสวรรค์
ผลงานทุกชุดที่ออกมามักมีสีสันที่ต่างไปจากศิลปินสาวทั่วไป สมัยก่อนซาวน์ดของเธอจะมีกลิ่นอายของดนตรีในยุค
70 S ซึ่งมีส่วนผสมระหว่าง BALLAD แบบ KATE BUSH แต่เมโลดีและการแต่งเพลงคล้ายกับ JONI MITCHELL
การทำดนตรีของเธอนั้นมักจะมีซาวน์ดแปลกๆ มาใช้เสมอ
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ฟังผลงานของเธอมาก่อนจะคุ้นเคยดีกับดนตรีในรูปแบบของเธอ
ต้องบอกว่าผลงานของเธอมีความน่าฟังอีกแบบ เธอมักจะหยิบจับผลงานของคนอื่นมา COVER
แต่ดนตรีและการร้องที่ทำขึ้นมาใหม่นั้น ต้องบอกว่าคนละเรื่องกับต้นฉบับเลย
ถ้าคาดหวังว่าจะได้งานอันไพเราะกับเธอคงจะไม่มีหรอก มีแต่งานดนตรีหลอนๆ เท่านั้น
อย่างงานในอัลบัม STRANGE LITTLE GIRLS ผลงานใหม่ล่าสุด ที่เธอได้นำบทเพลงของศิลปินที่มีชื่อเสียงมา
COVER โดยคัดเลือกบทเพลงที่เป็นมุมมองของผู้ชายที่มีต่อผู้หญิง อย่างเช่นเพลง 97 BONNIE & CLYDE
ของศิลปิน EMINEM, เพลง STRANGE LITTLE GIRL ของวง THE STRANGLER และเพลง NEW AGE ของวง
THE VELVET UNDERGROUND เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผลงานของศิลปินอย่าง THE BEATLES และ NEIL
YOUNG ที่เธอนำมาร้อง และสร้างซาวน์ดดนตรีในแบบฉบับของเธอ
ต้องบอกว่าบทเพลงเหล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งใน 12 แทรค ที่อยู่ในอัลบัมใหม่นี้ พร้อมที่จะให้พิสูจน์ความเป็น TORI
AMOS ศิลปินสาวที่มีวิถีทางเป็นของตัวเอง
ศิลปิน : 4 HERO
อัลบัม : CREATING PATTERNS
แนวเพลง : ELECTRONICA
โปรย : "ดนตรีสายพันธุ์ใหม่จากแดนผู้ดี"
วงคนคู่ของวงการเพลง ELECTRONICA ที่น่าจับตามอง DEGO (MC FARLANE) กับ MARK MAC (MARK
CLAIR) พวกเขามีความหลงใหลในดนตรีแนว
JUNGLE/DRUM N BASS และ DANCE ซึ่งดนตรีเหล่านี้คือส่วนหนึ่งของดนตรียุคใหม่
ที่มักจะใช้อุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์ในการสร้างซาวน์ดใหม่ 4 HERO เริ่มรวมตัวกันในช่วงปี 1986
ตอนนั้นมีสมาชิกทั้งหมด 4 คน ซึ่งมี IAIN BADOUILLE และ GUS LAWRENCE รวมอยู่ด้วย
ช่วงนี้พวกเขาบูชาดนตรี HIPHOP อย่างมาก เพราะกระแสความนิยมจะแรงมาก จนกระทั่งปี 1989
สองคนนี้ต่างแยกย้ายกันไป จึงทำให้วงนี้กลายเป็นวงดูโอไป
อัลบัมแรกของเขาทั้งสองออกมาในปี 1991 กับผลงานที่ชื่อว่า IN ROUGH TERRITORY ต่อมาในปี 1994
พวกเขาก็ปล่อยอัลบัม PARALLEL UNIVERSE ซาวน์ดของอัลบัมชุดนี้มีความเนียนมาก
ซึ่งหลังจากพวกเขาได้เข้าใจในซาวน์ดของดนตรี TECNO และ SOUL มากขึ้น อัลบัม TWO PAGES
เป็นผลงานที่พวกเขาใส่กลิ่นอายดนตรี JAZZ เข้าไปเสริม ซึ่งได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี
ในปีถัดมาพวกเขาถือโอกาสรวบรวมเพลงเป็นครั้งแรก ในอัลบัม TWO PAGES REINTER TATIONS
ตอนนี้พวกเขามาพร้อมกับเพื่อนๆ ในวงการ กับอัลบัมใหม่ CREATING PATTERNS
ก็ลองฟังกันว่าจะถูกใจหรือเปล่า ดนตรีในอัลบัมชุดนี้ถือว่าโปร่งไปหน่อย น่าจะแน่นได้มากกว่านี้
บทเพลงที่มีเสน่ห์ในอัลบัมชุดนี้ ในส่วนตัวแล้วน่าจะเป็นเพลง TWELVE TRIBES ที่ได้ MARK MURPHY
มาพูดในบทเพลงนี้ ทั้งดนตรีก็มีความน่าฟังดี จะมีกลิ่นของ DANCE มาผสมกับซาวน์ดของเอเชีย
สำหรับคนที่ชอบความแปลกของดนตรี อัลบัมชุดนี้น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ศิลปิน : PETER WHITE
อัลบัม : GLOW
แนวเพลง : JAZZ
โปรย : "ความนุ่มละมุนที่เขาสัมผัสด้วยปลายนิ้ว"
อัลบัมใหม่ GLOW มาแล้ว กับดนตรีที่เรียบง่ายฟังสบายตามแบบฉบับของ PETER WHITE
นักประพันธ์และนักกีตาร์ที่หาตัวจับยาก การทำดนตรีมีความนุ่มนวลต่างจากดนตรี JAZZ ทั่วไป
ทำให้เรียกดนตรีประเภทเขาว่า SMOOTH JAZZ หรือ JAZZ ผสมผสาน (CROSSOVER
JAZZ) โดยการนำดนตรี JAZZ เข้าไปไขว้กับดนตรีแนวอื่น แต่ไม่ทำให้เสียอรรถรสของ JAZZ
อัลบัมใหม่นี้ต้องบอกว่าไม่เหมาะกับคนที่ปันใจให้กับ JAZZ พันธุ์แท้ เพราะชุดนี้มีแต่ JAZZ พันทาง
เป็นการผสมผสานดนตรีที่น่าฟัง ยิ่งได้สำเนียงของ ACOUSTIC กีตาร์ด้วยแล้ว ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้อย่างมาก
เปิดแทรคแรกด้วยเพลง CHASING THE DAWN ก็ให้ภาพของอัลบัมชุดนี้อย่างชัดเจน
เพราะในส่วนของดนตรีจะเป็นการผสมผสานกันระหว่างซาวน์ดแบบ SPANISH กับดนตรี R&B เสริมใส่เสียง
SYNTH-ORCHESTRA
บทเพลงที่มีความหมายต่อ PETER WHITE คงจะเป็นเพลง LIFE STORY และ BABY STEPS โดยเฉพาะเพลง LIFE
STORY เขาเขียนขึ้นจากแรงดลใจหลังจากที่เขาต้องเสียพ่อไปในช่วงปี 2000
ซึ่งทำให้เขาได้จังหวะเพลงแห่งชีวิตเป็นการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ส่วนเพลง BABY STEPS
เขาได้ร่วมแต่งกับมือทรัมเพทผู้ยิ่งใหญ่ RICK BRAUN โดยมองไปที่ลูกสาวของพวกเขาทั้งสอง
สำหรับบรรยากาศของเพลงนั้นอยากจะบอกว่าให้ลองฟังกันเอาเองแล้วกัน
เพราะดนตรีแนวบรรเลงแบบนี้มันขึ้นอยู่กับจินตนาการ ไม่มีขอบเขตอะไร
ดังนั้นทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฟังต่างไปจากคนอื่นได้ เอาเป็นว่าฟังแล้วมีความสุขก็พอ อย่าไปเครียดกับการฟังดนตรีเลย
ดนตรีมีไว้ให้เราใช้เป็นตัวช่วยให้ผ่อนคลาย อัลบัมนี้ไม่มีคำตอบสุดท้ายนะ อยากฟังก็หยิบมาฟังแล้วกัน
เรื่องโดย : ส. ศิลา
นิตยสาร Carstereo ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2545
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/9024