ธุรกิจ
จอห์น ธอมสัน รองประธานกรรมการฝ่ายขาย การตลาด และบริการหลังการขาย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อรองรับยอดจำหน่าย และความต้องการด้านบริการหลังการขายที่เพิ่มขึ้นในอนาคต บริษัทได้ลงทุนกว่า 600 ล้านบาท สำหรับคลังอะไหล่แห่งใหม่บนพื้นที่ขนาด 8,800 ตรม. ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยคลังอะไหล่แห่งใหม่นี้จะใช้ระบบ GM LEAN WARE HOUSE ซึ่งเป็นมาตรฐานในปัจจุบันของ จีเอม ทั่วโลก โดยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเตรียมอะไหล่ที่พร้อมส่งได้อย่างรวดเร็ว และตรงเวลา ลดต้นทุนในการดำเนินงาน โดยกำจัดขั้นตอนที่ทำให้ล่าช้า หรือขั้นตอนที่ไม่จำเป็นออกไป ทำให้ต้นทุนในการดำเนินงานลดลง ราคาอะไหล่ สมเหตุสมผลขึ้น
เชฟโรเลต์
ทุ่มงบ 600 ล้านบาท สร้างคลังอะไหล่
จอห์น ธอมสัน รองประธานกรรมการฝ่ายขาย การตลาด และบริการหลังการขาย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อรองรับยอดจำหน่าย และความต้องการด้านบริการหลังการขายที่เพิ่มขึ้นในอนาคต บริษัทได้ลงทุนกว่า 600 ล้านบาท สำหรับคลังอะไหล่แห่งใหม่บนพื้นที่ขนาด 8,800 ตรม. ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยคลังอะไหล่แห่งใหม่นี้จะใช้ระบบ GM LEAN WARE HOUSE ซึ่งเป็นมาตรฐานในปัจจุบันของ จีเอม ทั่วโลก โดยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเตรียมอะไหล่ที่พร้อมส่งได้อย่างรวดเร็ว และตรงเวลา ลดต้นทุนในการดำเนินงาน โดยกำจัดขั้นตอนที่ทำให้ล่าช้า หรือขั้นตอนที่ไม่จำเป็นออกไป ทำให้ต้นทุนในการดำเนินงานลดลง ราคาอะไหล่ สมเหตุสมผลขึ้น
นอกจากนี้ คลังอะไหล่แห่งใหม่นี้ยังได้รับการพัฒนาศักยภาพและประสิทธิภาพในการผลิตเพื่อรองรับลูกค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ด้วยระบบคลังสินค้าระดับโลก และระบบสั่งสินค้าออนไลน์ ทำให้ผู้แทนจำหน่ายรถ เชฟโรเล์ต์ ติดตามกระบวนการส่งมอบได้ตามเวลาจริง หรือภายใน 24-48 ชม. การก่อสร้างคลังอะไหล่แห่งใหม่นี้คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายเดือน มกราคม ปี 2550 และจะเริ่มดำเนินงานก่อสร้าง
สำหรับคลังอะไหล่แห่งใหม่นี้ได้มอบหมายให้ บริษัท ธนมล กรุ๊ป เดเวล็อปเมนต์ จำกัด เพื่อสร้างคลังอะไหล่แห่งใหม่ โดยมี บริษัท ไอดีเอส ลอจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ดูแลการดำเนินงานและระบบลอจิสติคส์
"จำนวนรถ เชฟโรเลต์ ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 1 แสนคัน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคชาวไทยมีต่อรถ และบแรนด์ ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า เราจึงตัดสินใจที่จะขยายคลังอะไหล่ ซึ่งจะเพิ่มกำลังรองรับอะไหล่กว่าเท่าตัวจาก 21,000 ในปัจจุบันเป็น 53,000 หน่วย นอกจากนั้นโครงการนี้ยังเปรียบเสมือนเครื่องมือสำคัญของ เชฟโรเลต์ ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับด้านบริการหลังการขายในประเทศไทย และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของ เชฟโรเลต์ ในการเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
เปอโฌต์
มอบส่วนลดพิเศษ
บริษัท ยูโรเปียน โอโตโมบิลส์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถ เปอโฌต์ ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการต้อนรับปี 2550 บริษัทได้จัดแคมเปญมอบส่วนลดพิเศษด้วย "6 MENU SET 2007" แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการภายในศูนย์บริการของ เปอโฌต์ ตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคม 2550 โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
SET A ส่วนลดค่าอะไหล่ และค่าแรง 10 % เมื่อเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง 4 ลิตร SNY SM/น้ำมันเครื่อง 1 ลิตร SNY SM/ไส้กรองน้ำมันเครื่อง และแหวนรองนอทตัวถ่ายน้ำมันเครื่อง สำหรับ "PEUGEOT CARD" รับส่วนลดค่าอะไหล่ตามสิทธิ์ PEUGEOT CARD และฟรีค่าแรง
SET B ส่วนลดค่าอะไหล่ 10 % ส่วนลดค่าแรง 5 % เมื่อเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง 4 ลิตร SNY SM/น้ำมันเครื่อง 1 ลิตร SNY SM/ไส้กรองน้ำมันเครื่อง/แหวนรองนอทตัวถ่ายน้ำมันเครื่อง/ไส้กรองอากาศ/ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง และหัวเทียน สำหรับลูกค้า "PEUGEOT CARD" รับส่วนลดค่าอะไหล่ตามสิทธิ์ PEUGEOT CARD และส่วนลดค่าแรง 10 %
SET C ส่วนลดค่าอะไหล่ 10 % ส่วนลดค่าแรง 5 % เมื่อเปลี่ยนสายพานไดชาร์จ พร้อมลูกรอก และสายพานไทมิง พร้อมลูกรอก สำหรับลูกค้า "PEUGEOT CARD" รับส่วนลดค่าอะไหล่ตามสิทธิ์ PEUGEOT CARD และส่วนลดค่าแรง 10 %
SET D ส่วนลดค่าอะไหล่ 10 % ส่วนลดค่าแรง 5 % เมื่อเปลี่ยนชุดผ้าเบรคและจานเบรคหน้า/หลัง สำหรับลูกค้า "PEUGEOT CARD" รับส่วนลดค่าอะไหล่ตามสิทธิ์ PEUGEOT CARD และส่วนลดค่าแรง 10 %
SET E ส่วนลดค่าอะไหล่ 10 % และรับฟรีน้ำยาล้างกระจกหน้า เมื่อเปลี่ยนชุดปัดน้ำฝนหน้าซ้าย/ขวา ชุดปัดน้ำฝนหลัง สำหรับลูกค้า "PEUGEOT CARD" รับส่วนลดค่าอะไหล่ตามสิทธิ์ PEUGEOT CARD พร้อมรับฟรีค่าแรง และน้ำยาล้างกระจกหน้า
SET F ส่วนลดค่าอะไหล่ 10 % ส่วนลดค่าแรง 5 % เมื่อเปลี่ยนชอคอับหน้า/หลัง ซ้าย/ขวา สำหรับลูกค้า "PEUGEOT CARD" รับส่วนลดค่าอะไหล่ตามสิทธิ์ PEUGEOT CARD และส่วนลดค่าแรง 10 %
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 0-2266-7777 ต่อ 254, 255, 258, และ 532-535 และที่ BLUE LINE CALL CENTER โทร. 0-2235-9799 ในวันจันทร์-ศุกร์
มาซดา
ปรับทัพการตลาด
จอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อให้การดำเนินงานของ มาซดา เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร และผู้แทนจำหน่าย รวมทั้งเพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพของผู้บริหารคนไทยในองค์กรให้แข็งแกร่ง รอบรู้ และเติบโตต่อไปข้างหน้า ประการสำคัญเพื่อให้สอดคล้องกับปรัชญาการทำงานของ มาซดา ที่เรียกว่า "ONE MAZDA" มุ่งเน้นการทำงานเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งประเทศ และทั่วโลก จึงมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บริหารใหม่ โดยแต่งตั้ง สุรีทิพย์ ละอองทอง ทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และปรับแต่งตั้ง พาสกาล เศรษฐบุตร ทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขาย ดูแลงานด้านการขายทั่วประเทศ มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป
"ด้วยความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในด้านการบริหารของทั้ง 2 ท่าน ผนวกเข้ากับการทำงานร่วมกันเป็นทีมของพนักงาน มาซดา ผมมั่นใจว่าเราสามารถทำให้การเติบโต ทั้งในด้านผลประกอบการของผู้แทนจำหน่าย ด้านภาพลักษณ์สินค้า บริการหลังการขาย รวมทั้งยอดขายจะเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป"
พร้อมผลักดันแผนการตลาดเชิงรุก ดึงผู้จำหน่ายเข้ามามีบทบาท และมีส่วนร่วมในแนวทางการดำเนินงานเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่แนวคิดที่ประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลก คือ "ONE MAZDA" ความเป็นหนึ่งเดียวกันการทำงานของทุกฝ่าย
สยามแบตเตอรี่ ฯ
เปิดตัว โบลีเดน เอสเอมเอฟ
อดิศร โรจตระการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแบตเตอรี่ อินดัสทรี่ จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด และสร้างความหลากหลายให้แก่ผู้บริโภค บริษัท ฯ แนะนำแบทเตอรี นวัตกรรมใหม่ล่าสุด คือ แบทเตอรีไม่มีรู และ ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ตลอดอายุการใช้งาน รุ่น " โบลีเดน เอสเอม" ซึ่งผลิตขึ้นเป็นรายแรก และรายเดียวของเมืองไทย
สำหรับแบทเตอรี โบลีเดน เอสเอมเอฟ เหมาะกับคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการใช้สินค้าคุณภาพสากลที่ทันสมัย และสะดวกในการใช้งาน ไม่ต้องดูแลรักษา อีกทั้งยังเหมาะกับสุภาพสตรีที่ขับรถเองอีกด้วย เพราะเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ทำให้การดูแลรักษาแบทเตอรีรถยนต์ เป็นเรื่องง่าย สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย แกะกล่องพร้อมใช้งานภายใน 5 นาที ทุกที่ทุกเวลา ให้พลังไฟเต็มเร็ว และแรงกว่า สามารถเก็บไฟ พร้อมใช้งานได้นานกว่าแบทเตอรีแบบเดิมถึง 5 เท่า เหมาะกับสภาวะอากาศที่หนาวจัด และร้อนจัด รวมทั้งการรับประกันที่นานถึง 18 เดือน ซึ่งถือว่ามากกว่ายี่ห้ออื่นๆ ที่รับประกันเพียง 12 เดือน จัดจำหน่ายโดย บริษัท สยามภัณฑ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
อีซูซุ
แต่งตั้งผู้บริหารคนไทย
รายงานข่าวจาก บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2550 บริษัทได้ประกาศแต่งตั้ง ปนัดดา เจณณวาสิน เป็นรองกรรมการผู้จัดการ (VICE PRESIDENT) โดยที่ผ่านมาเป็นที่ทราบกันดีว่า ปนัดดา ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการหญิงคนแรกในบอร์ดของ ตรีเพชร ฯ เมื่อปี 2544
ทั้งนี้ ปนัดดา จบการศึกษาระดับปริญญาตรี (เกียรตินิยม) จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และระดับปริญญาโททางด้านการค้าระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชิ (HITOTSUBASHI UNIVERSITY) ประเทศญี่ปุ่น โดยทุนรัฐบาลญี่ปุ่น (JAPANESE GOVERNMENT SCHOLARSHIP) บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เป็นบริษัทแรกและบริษัทเดียวที่ ปนัดดา ทำงานตั้งแต่จบปริญญาตรี และได้รับอนุญาตให้ลางานไปศึกษาต่อปริญญาโทที่ประเทศญี่ปุ่น และกลับมาทำงานที่บริษัทเดิมจนถึงปัจจุบัน
ระหว่างศึกษาระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยฮิโตสึบาชิ ซึ่งอยู่ในกรุงโตเกียวนั้น ปนัดดา ได้ทำงานพิเศษเป็นผู้ประกาศวิทยุเรดีโอเจแปน (RADIO JAPAN) ของสถานีโทรทัศน์ NHK เป็นระยะเวลานานถึง 4 ปีด้วย และหลังจากจบการศึกษาแล้ว ยังได้ฝึกงานทางด้านการตลาดโดยทุนของการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 1 ปีที่บริษัท อีซูซุมอเตอร์ส จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) (ISUZU MOTORS LIMITED) มิตซูบิชิ คอร์พอเรชัน (MITSUBISHI CORPORATION) และบริษัท ได-อิชิ คิคากุ จำกัด (DAI-ICHI KIKAKU CO.,LTD.) อีกด้วย
ปัจจุบันนอกจากงานที่ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด แล้ว ปนัดดา ยังรับผิดชอบงานด้านการตลาดสำหรับการส่งออกรถพิคอัพ "อีซูซุ ดี-แมกซ์" จากฐานการผลิตในเมืองไทย ไปจำหน่ายทั่วโลกในฐานะรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส (SENIOR VICE PRESIDENT) ของบริษัท อีซูซุโอเปอร์เรชั่น ไทยแลนด์ จำกัด (ISUZU OPERATIONS THAILAND CO., LTD.) อีกด้วย ทั้งยังเป็นวิทยากรพิเศษด้านการตลาดของสถาบันต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ฯลฯ รวมทั้งเป็นกรรมการสมาคมนักศึกษาเก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วยปนัดดา เจณณวาสิน เคยได้รับรางวัล "นักบริหารดีเด่น ปี 2548" สาขาธุรกิจยานยนต์ จากผลงานอันโดดเด่นในฐานะนักการตลาดหญิงของวงการรถยนต์เมืองไทยอีกด้วย
เอเซียคอมแพ็ค ฯ
ทุ่มงบเสริมเทคโนโลยี
เกษม อิสระพิทักษ์กุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซียคอมแพ็ค จำกัด ผู้ผลิตผ้าเบรค คอมแพคท์ เปิดเผยว่า ในปี 2550 บริษัท ฯ มีเป้าหมายที่จะผลิตสินค้าสู่ตลาดรถยนต์ทั้งใน และต่างประเทศ โดยทุ่มงบประมาณเกือบ 100 ล้านบาท เพื่อรองรับการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน และให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้บริษัท ฯ ได้นำเข้าเครื่องมือตรวจสอบคุณภาพผ้าเบรคจากประเทศญี่ปุ่น มูลค่า 38 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นผู้ประกอบการที่ผลิตผ้าเบรครายแรกของไทยที่นำเข้าอุปกรณ์ชนิดนี้ นอกจากนี้ยังได้สร้างห้องปฎิบัติการเพื่อการวิจัย พัฒนา และทดสอบการผลิตชิ้นส่วนเบรครถยนต์ อีกประมาณ 60 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังได้นำเทคโนโลยี NAOเข้ามาใช้สำหรับผลิตสินค้า ซึ่งได้พัฒนามาจากญี่ปุ่น โดยการนำเอาเส้นใย ARAMID FIBER ที่ใช้ทำเสื้อเกราะกันกระสุน มีความแข็งแรง ทนทาน กว่าเหล็ก 8 เท่า มาเป็นส่วนประกอบพิเศษทดแทน และยังเสริมด้วย GRASS FIBER เพื่อความคงทนที่สูงขึ้นอีกด้วย
ผ้าเบรคคอมแพคท์ NAO มีคุณสมบัติพิเศษเทียบเท่ากับผ้าเบรคจาก โออีเอม จึงแข็งแรง ทนทาน ไม่มีเสียงดังรบกวน ลดการสึกหรอของจานเบรค ให้ความนุ่มนวลในการเบรคทุกครั้ง และที่สำคัญเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงมั่นใจ และรู้สึกปลอดภัยในทุกสภาวะการขับขี่
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน เมษายน ปี 2550
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/8817