พิเศษ
"ไม่ใช่แค่สีสัน แต่เป็นฟันเฟืองสำคัญในธุรกิจรถยนต์"
ผู้ที่สามารถชี้ชะตาวงการรถยนต์ไทย ในสายตา และการรับรู้ของกลุ่มคนทั่วไป คงเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก หน่วยงานของรัฐบาล และผู้บริหารบริษัทรถยนต์ นอกจากนี้ในทางอ้อม ก็คงเป็นผู้บริโภคจำนวนมากที่พยายามนำเรื่องบกพร่องของรถที่ตนพบไปเสนอแนะให้แก้ไข แม้จะเกิด หรือไม่เกิดอะไรขึ้นเลยก็เถอะ !
แต่คุณเคยลองคิดเล่นๆ ดูไหมว่า จะมีใครอื่นอีก ที่ไม่ใช่ผู้บริหาร และไม่ต้องถึงขั้นชี้ชะตา แค่เพียงสามารถเปลี่ยนเรื่องที่ดูน่าเบื่อสำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบเรื่องรถยนต์ ให้เข้ามาชม มาสนุก และมาซื้อไปใช้ ทั้งที่ไม่เคยสนใจ และยกไว้เป็นเรื่องไกลตัว
"ใคร" ที่เราว่านั้น เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่มหัศจรรย์ที่ว่า พวกเธอเปลี่ยนเรื่องเหล่านี้ได้จริง และเราเชื่อว่าแทบทุกคนได้พิสูจน์แล้วจากกระแสสังคม ที่งานแสดงรถยนต์ต้องมาคู่กับ พริทที หรือถ้าคิดจะซื้อรถทั้งทีก็ต้องคุยกับเซลส์ สำหรับผู้ชาย อย่างไรก็ต้องขอเป็นผู้หญิงไว้ก่อน
ในวันว่าง เราชวนพวกเธอมานั่งถกประเด็นนี้ รวมถึงการทำงาน และชีวิตส่วนตัวแบบลึกสุดใจ เชื่อว่าคุณอาจไม่เคยได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้มาก่อนเลย
ก่อนจะเข้าเรื่อง ลองคิดเล่นๆ อีกทีสิครับว่า ถ้าวันหนึ่งพวกเธอทั้งหลายหายไปหมด วงการรถยนต์ไทย จะเป็นอย่างไร ?
ที่ปรึกษาการขาย (เซลส์)พรพรรณ วรรณโสภา"เธอหนีจากกระโถน มาเป็นดอกไม้หอม"
พรพรรณ วรรณโสภา หรือ เจี๊ยบ เซลส์ขายรถยนต์อายุ 27 ปี เป็นสาวเหนือ ลูกคนโตของแม่ค้าขายข้าวแกงในตลาดสด หลังเรียนจบจากโรงเรียนสายพาณิชย์ที่จังหวัดลำปาง เธอก็เข้ามาสู่กรุงเทพ ฯ เพื่อเรียนในระดับมหาวิทยาลัย และทำงานไปพร้อมกัน
ขณะที่เธอเป็นพนักงานต้อนรับประจำสโมสรแห่งหนึ่ง ย่านถนนแจ้งวัฒนะ กับเงินเดือนหมื่นนิดๆ เธอเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่ สักพักเกิดรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกระโถน จึงผันตัวเองมาทำสิ่งที่คิดว่าน่าจะชอบ ทั้งๆ ที่เงินเดือนกลับลดลงตั้งครึ่ง เหตุนี้เธอจึงจำเป็นต้องหอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่กับเพื่อน เพื่อประหยัดค่าเช่าห้อง และรายจ่ายอื่นๆ
หลังจากได้คุยกับเธอ เรา (อาจหลงลมเธอก็ได้ที่) คิดว่าเธอเป็นเซลส์ที่แสนดี ทั้งเธอยังเป็นดอกไม้ที่หอมหวนสำหรับเรา และสำหรับวงการรถยนต์ไทยคนหนึ่งทีเดียว
ฟอร์มูลา : เพราะอะไรถึงมาเป็นเซลส์ขายรถ ?
เจี๊ยบ : เบื่ออาชีพที่ทำงานออฟฟิศแล้ว อยากทำงานที่เป็นอิสระบ้าง อยากทำงานเป็นเซลส์ พอดีเห็นป้ายที่โชว์รูมแห่งหนึ่งติดไว้ว่ารับสมัครพนักงาน แค่ วุฒิ ปวช. ปวส. ก็เอาแล้ว ตอนนั้นเจี๊ยบยังเรียนไม่จบ เลยลองสมัครดู
ฟอร์มูลา : แล้วก็ได้มาเป็นเซลส์ การเป็นเซลส์ต้องรู้เรื่องรถเยอะไหม ?
เจี๊ยบ : ต้องรู้ เจี๊ยบรู้บางอย่าง แต่ลึกๆ เราไม่รู้ เราต้องศึกษาเอง และต้องไขว่คว้าที่จะเรียนรู้ บางทีรู้แต่ยี่ห้อที่ตัวเองขาย ไม่พอหรอกค่ะ รถที่เจี๊ยบขายไม่ใช่รถตลาด เราต้องรู้เรื่องยี่ห้ออื่นให้มาก
ฟอร์มูลา : สังคมเซลสฺ์เป็นอย่างไร ?
เจี๊ยบ : ดีค่ะ อย่างรีเซพชันเจี๊ยบคิดว่ามันเหมือนกระโถน...จริงๆ นะ ก็คือ ลูกค้าจะมาคอมเพลนทางสโมสร เราก็เป็นคนรับเรื่อง ลูกค้าบางคนมาถึงก็ใส่ๆๆ เหมือนกับเราทำผิดเอง แต่เราก็ต้องยิ้มสู้ ทั้งที่ใจเราก็เบื่อกับคนพวกนี้เต็มทีแล้ว
ฟอร์มูลา : เลยมาเป็นเซลส์ ?
เจี๊ยบ : ค่ะ
ฟอร์มูลา : แล้วถ้าสำหรับเซลส์ คิดว่าเหมือนอะไร ?
เจี๊ยบ : อืม...น่าจะป็นดอกไม้มั้งค่ะ ถ้าเราเป็นดอกไม้ที่สดชื่น น่าจะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราต้อนรับเขาดี เหมือนดอกไม้ที่สวย หอม ชูช่อ พร้อมต้อนรับลูกค้า แต่นี่สำหรับเจี๊ยบและอีกหลายคนนะ แต่บางคนก็ไม่ใช่
ฟอร์มูลา : อ้าว...ไหนว่าดี แสดงว่ามีบางคนที่ไม่ได้เป็นดอกไม้อย่างเรา เขาไม่ดีอย่างไร ?
เจี๊ยบ : มันไม่ใช่เรื่องงาน มันเป็นนิสัยส่วนตัวนะค่ะพี่ เลยไม่อยากจะพูด ก็ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องนินทา คือ เราไม่ได้ทำอะไรให้เขาเลย แต่คือเจี๊ยบเป็นคนที่ไม่ยุ่งเรื่องของใคร แต่ใครอย่ามายุ่งเรื่องของเจี๊ยบแล้วกัน เพราะเจี๊ยบก็สู้คนเหมือนกันนะ (เสียงสั่น)
ฟอร์มูลา : เหมือนเจี๊ยบจะร้องไห้ ?
เจี๊ยบ : ไม่ได้ร้องๆ ! ไม่ๆ คือ เราแคร์ความรู้สึกของคนอื่น แต่คนอื่นไม่ค่อยแคร์เรา เราก็โดนกระทำอยู่เรื่อยๆ แต่เราก็เฉยๆ ธรรมดาค่ะ เหมือนเด็กต่างจังหวัด เข้ามาสู้ชีวิตในกรุงเทพ ฯ มันก็ต้องเจออะไรเยอะแยะ
ฟอร์มูลา : รู้มาว่าในวงการเซลส์ มีการแย่งลูกค้ากันบ่อย ?
เจี๊ยบ : มีค่ะ บางทีก็ชอบแกล้งกัน ลูกค้าบางคนติดต่อเรา วันหนึ่งเขามาหาแต่ไม่เจอเรา แต่ไปเจอเซลส์คนอื่นแล้วถามถึงเรา เซลส์คนนั้นกลับบอกว่าเราลาออกไปแล้ว เพื่อหวังจะขายรถเอง เราก็...เฮ้ยทำไมอย่างนี้ ! แต่ถึงวีนไปก็ไม่เกิดอะไรขึ้นมา ก็ได้แต่คิดว่าทำไมต้องแย่งกันขนาดนี้ มันทำให้เรารู้สึกแย่ค่ะ เราก็อยากถามเขาว่าทำเพื่ออะไร เพื่อนร่วมงานกันทำไมทำกันแบบนี้
ฟอร์มูลา : วะ ?
เจี๊ยบ : ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าพูดไปจริงๆ จะโมโหจนต้องใช้ วะ หรือเปล่า
ฟอร์มูลา : แล้วมีอะไรที่ประทับใจไหม ?
เจี๊ยบ : ส่วนใหญ่จะมีปัญหาทุกเคส แต่ที่ประทับใจ คือ น้องลูกค้าคนหนึ่งเขาให้เกียรติเรา เขาบอกจะเลิกงานเที่ยงคืนนะ มีเรื่องจะคุย พี่ยังไม่นอนใช่ไหม เหมือนเรานัดกันไว้ เราก็คุย แต่บางคนบุ่มบ่ามโทรมาดึกๆ เฉยเลย เป็นใครก็คงไม่รับแน่ๆ
ฟอร์มูลา : อะไรที่คิดว่าเจอมาหนักสุดของการทำงาน ?
เจี๊ยบ : ได้ยินมาว่า เซลส์บริษัทเดียวกันแอบขอลูกค้าดูของแถมจากเซลส์อีกคน ดูเสร็จ เขาขอซื้อใบจองทั้งที่ลูกค้ามาจองกับคนนั้นแล้ว ดูเสร็จประมาณว่า "อืมพี่...งั้นหนูขอซื้อไปจอง แล้วจะแถมให้เยอะกว่าเอาไหม"
แต่ที่เจอเองก็เรื่องไฟแนนศ์ค่ะ คือ ลูกค้ามาจองกับเรา ก็เหมือนดีใจไปครึ่งหนึ่งแล้ว ตอนรอจัดไฟแนนศ์เราก็ลุ้นว่าจะผ่านไหม แต่ลูกค้าเจี๊ยบบางทีเขาไม่ค่อยบอกเราว่าติดแบคลิสต์อะไรหรือเปล่า จริงๆ เซลส์ก็อยากขายได้ ลูกค้าอยากได้รถ ก็อยากให้ผ่านไฟแนนศ์ไม่ใช่หรือ ฉะนั้นเซลส์กับลูกค้าก็ควรช่วยกันไม่อย่างนั้นเรื่องก็ไม่ผ่าน เราจะได้ชงให้เขาต่อได้
ถ้าเป็นเรื่องอื่นก็ บางทีลูกค้าจะขอของแถมมาก จะเอานู่นเอานี่อย่างเดียว สำหรับตัวเจี๊ยบถ้าขายรถใครจะแถมให้เต็มๆ อยู่แล้ว
ฟอร์มูลา : เซลทุกคนก็พูดแบบนี้ ?
เจี๊ยบ : เดือนหนึ่ง 2-3 คัน ก็พอแล้ว ไม่ได้กั๊ก แบบว่าต้องมาร์จินเหลือเยอะๆ
ฟอร์มูลา : ไม่กั๊กจริงเหรอ ! มาร์จินจริง 5 หมื่น แถมแค่ 2 หมื่น แต่ทำเป็นบอกว่าให้หมดตัวแล้ว ?
เจี๊ยบ : อูย...ไม่ๆ พี่ อันนั้นคงเป็นคนอื่นแล้วค่ะ เจี๊ยบบางทีแถมเกินด้วยซ้ำ โดนหักสตางค์ด้วย เจี๊ยบเป็นคนที่ใจอ่อน เซลส์เก่งๆ เขาใจแข็ง แต่บางทีก็เจอลูกค้าเคี่ยวนะพี่
ฟอร์มูลา : แล้วเราทำอย่างไรกับเขา ?
เจี๊ยบ : เราก็บอกตรงๆ ถึงข้อเท็จจริง ถ้าเขาไม่ชื่อ หรือไม่สนใจก็คงไม่ตื้อเขา
ฟอร์มูลา : ที่เคยเจอ เซลส์มี 2 แบบ ขายรถได้จากการพรีเซนท์ตัวรถ และแคมเปญ กับขายรถได้แบบ "ได้โปรด ไหว้เถอะค่ะ ผู้จัดการจะด่าหนูอยู่แล้ว เดือนนี้ยังขายไม่ได้สักคันเลย" ซึ่งอย่างหลัง มันน่ารำคาญใจลูกค้า เพราะรถไม่ใช่คันละบาทสองบาท แล้วจะต้องมาซื้อเพื่อช่วยคนที่ไม่รู้จักอย่างนั่นหรือ เรื่องอย่างนี้เจี๊ยบคิดอย่างไร ?
เจี๊ยบ : อย่างแรกดีกว่า เพราะขายความสามารถของเรา แต่ก็ต้องมีชั่วโมงบินที่มาก บางครั้งใหม่ๆ ก็ต้องยอมใช้วิธีที่ 2 นี้บ้าง ก็ไม่น่าผิดอะไร เพราะสุดท้ายก็ต้องแล้วแต่ลูกค้า แต่เจี๊ยบพยายามเลี่ยงบอกว่า ถ้าพี่อยากได้อะไรบอกมาเลยเดี๋ยวไปขอหัวหน้าให้ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงเดี๋ยวเจี๊ยบให้พี่เลย
ฟอร์มูลา : เฉลี่ยแล้วรายได้ต่อเดือนเท่าไร ?
เจี๊ยบ : ปกติเจี๊ยบขายต่อเดือนได้ประมาณ 3 คัน รวมเงินเดือนแล้วก็ตกหมื่นห้า เคยได้มากสุดก็เกือบ 2 หมื่น เดือนที่แล้วขายไม่ได้เลย จองมา 2 คัน ลูกค้าติดแบคลิสต์หมด เราก็รู้สึกแย่นะ ได้รับเงินเดือน แค่ 5 พัน ก็ต้องยอมรับตรงนี้
ฟอร์มูลา : เดือนละ 5 พัน แล้วเอาอะไรกิน ?
เจี๊ยบ : เอาของเก่ามากิน (หัวเราะ) ก็ขอยืมพ่อกับแม่มาใช้ก่อน เพราะถามว่า 5 พัน เดี๋ยวนี้อยู่ได้ไหม ไม่ได้แน่นอน พ่อกับแม่เลยไม่ชอบเพราะเห็นว่าเงินเดือนน้อย แต่เราชอบงานตรงนี้อยู่ แม่เคยถามว่า "ต่อไปถ้าไม่มีแม่ แกจะเอาไรกิน ?" เราก็เลยได้คิดว่า เราต้องขยันนะ ถ้าขายไม่ได้เราก็อดตาย
ฟอร์มูลา : ฟังดูรันทดนะ ?
เจี๊ยบ : เครียดมาก แล้วเจี๊ยบก็สงสารหัวหน้าด้วย เพราะเขาช่วยเราทุกอย่าง
ฟอร์มูลา : แถมยังไม่ค่อยมีวันหยุด ?
เจี๊ยบ : ใช่พี่ ไม่ค่อยมี อาทิตย์หนึ่งทำงาน 6 วัน เพราะต้องดูด้วยว่า เราจะมีเวรวันไหนระหว่างเสาร์กับอาทิตย์ ฉะนั้นวันหยุดจะไม่ตายตัว บางทีก็ไม่ได้หยุด เพราะเราไปออกบูธโชว์รถ แต่ก็ไม่ซีเรียสนะที่ไม่ได้หยุด ก็ไม่เป็นไรเพราะอยากทำอยู่แล้ว
ฟอร์มูลา : เป็นเซลส์ผู้หญิงกับเซลส์ผู้ชายต่างกันอย่างไร ?
เจี๊ยบ : ถ้าการขายก็น่าจะเก่งเท่าๆ กัน แต่ผู้ชายมักจะรู้เรื่องรถมากกว่าผู้หญิง เช่น เครื่องยนต์เป็นอะไร อย่างไร แต่ผู้หญิงบางที่เราก็รู้แค่พื้นฐาน เจี๊ยบไม่รู้ บางทีก็เคยมั่ว ลูกค้าก็แซวกลับมาว่าไม่ใช่มั้ง จริงหรือ ตอนหลังเจอแบบนี้อีก ก็บอกว่าพี่คะหนูไม่ทราบจริงๆ แถมเรียกเพื่อนมาช่วย แต่เราก็ต้องศึกษาอยู่เรื่อยๆ เพื่อจะได้ตอบลูกค้าได้
ฟอร์มูลา : เซลส์ผู้หญิงบางครั้งโดนข้อครหาเรื่องขายรถพ่วงหอย ?
เจี๊ยบ : เท่าทีเห็นไม่มี เคยได้ยินมาเหมือนกัน แต่ก็ นะ รายได้เสริม
ฟอร์มูลา : ทำให้หลายคนดูถูก และเซลส์ผู้หญิงเสียหาย ?
เจี๊ยบ : ก็คงต้องรู้สึกอย่างนั้น แต่บางทีตบมือข้างเดียวไม่ดังค่ะพี่ ถ้าเราไม่ไปเล่นกับเขาด้วย ปัญหาก็คงไม่เกิด เจี๊ยบว่าเซลส์ที่ดีน่าจะบริการลูกค้าตามหน้าที่ในงานของตัวให้ดีที่สุด
ฟอร์มูลา : เคยเกิดเรื่องแบบนี้กับตัวเองไหม เช่น ลูกค้าแสดงให้รู้ว่าเขาหวังตัวเรา ?
เจี๊ยบ : มีอยู่คนหนึ่งเป็นวัยรุ่น มาติดต่อเรื่องรถนี่แหละค่ะ โทรมาหาเจี๊ยบตอน 2 ทุ่ม เขาก็คุยเจ๊าะแจะแบบเอางานมาอ้าง คุยอวดว่าเงินเดือนหลายแสน หลังจากนั้น ตี 1 ตี 2 โทรมาอีก เราก็ เฮ้ย ! มันใช่เรื่องเหรอ แล้วบ่อยมากที่ทำอย่างนี้ สัก 3-4 วันได้ แต่ว่าเราก็ไม่เล่นด้วย เขาก็เลยเงียบไป ก็เดี๋ยวนี้สังคมก็คิดอย่างนี้กันไปหมด ถ้าพวกเจ้าชู้ เบื่อๆ หรืออยากอะไรขึ้นมา ก็ไปปลดปล่อยอาบอบนวดก็ได้ อย่ามายุ่งกับเราเลย
ฟอร์มูลา : เซลส์มักเที่ยวกลางคืน ?
เจี๊ยบ : อย่าเหมาสิพี่ บางคนก็ไม่เที่ยว แต่สำหรับเจี๊ยบเที่ยวบ้าง แต่เหมือนตอนนี้อิ่มตัวแล้ว
ฟอร์มูลา : 1 วันทำงานมีตารางอย่างไรบ้าง ?
เจี๊ยบ : ตื่น 6 โมงครึ่ง อาบน้ำแต่งตัวออกบ้านประมาณ 7 โมงครึ่ง
ฟอร์มูลา : ทำไมอาบน้ำนาน ?
เจี๊ยบ : เจอกับลูกค้าก็ต้องตัวหอมหน่อยสิคะ (เขิน)
ฟอร์มูลา : อ้อ ?
เจี๊ยบ : แล้วก็นั่งมอเตอร์ไซค์วินออกจากซอย ขึ้นรถเมล์ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็ถึง ถ้ามีเวรโชว์รูมก็นั่งประจำเคาน์เตอร์รอรับลูกค้า หรือถ้ามีลูกค้าก็โทรไปหา เหมือนกับเราไม่ว่างต้องคุยกับลูกค้าทุกวันนะค่ะ แต่ถ้าวันไหนมีงานโชว์รถข้างนอก ก็ออกไปตามเวลานัด เวลาเลิกก็ดึกหน่อย เราก็เหนื่อย แต่เวลาที่มากขึ้น ก็ถือเป็นโอกาสในการขายของเรา
ฟอร์มูลา : ปกติวันว่างชอบทำอะไร ?
เจี๊ยบ : นอน (หัวเราะ) เจี๊ยบเข้าใจเลยกับการทำงานเป็นเซลส์ วันหยุดมีค่าที่สุด บางทีมันเหนื่อย เครียดกับการทำงาน เราเลยพยายามพักผ่อนให้มากที่สุด เวลาที่เหลือก็ซักรีดเสื้อผ้า
ฟอร์มูลา :ทำงานอย่างนี้แฟนว่าอย่างไร ?
เจี๊ยบ : เจี๊ยบทำงานนี้ก่อนจะเจอกัน เขารับได้ค่ะ โชคดีที่เขาเป็นเซลส์เหมือนกัน แต่เป็นเซลส์เอนจิเนียร์ขายชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ ถ้าแฟนไม่ใช่เซลส์อาจไม่เข้าใจก็ได้
ฟอร์มูลา : คิดว่าจะทำงานนี้อีกนานแค่ไหน หรืออยากไปทำอย่างอื่นแล้ว ?
เจี๊ยบ : อยากทำเซลส์ขายรถนี่แหละ ถ้าถามว่าอนาคตมีงานที่ดีกว่าเจี๊ยบก็อาจไป แต่เป้าหมายตอนนี้อยากเป็นเซลส์ให้ดีที่สุด
ฟอร์มูลา : งานอดิเรกล่ะ ?
เจี๊ยบ : ชอพพิง
ฟอร์มูลา : ผู้หญิงก็อย่างนี้ ?
เจี๊ยบ : ไม่ ก็ไปดูหน่อย แหมการไปชอพพิงไม่ต้องซื้อก็ได้นะค่ะ ไปดูเสื้อผ้าว่าทเรนด์ไปถึงไหนแล้ว เจี๊ยบว่าการทำงานเป็นเซลส์สอนเราเยอะเลย เหมือนว่าเราประหยัดลง เพราะเมื่อก่อนเจี๊ยบใช้เงินเก่งมาก แต่พอมาทำเซลส์คิดว่า ถ้าขายรถไม่ได้ เราจะทำอย่างไรกับชีวิต มันต้องคิดนะค่ะ
ฟอร์มูลา : อะไรเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดของเจี๊ยบ ?
เจี๊ยบ : ผิวมั้งคะ เจี๊ยบผิวขาว
ฟอร์มูลา : ไม่ใช่ เรื่องนิสัยสิน่ะ ?
เจี๊ยบ : ร่าเริง ง่ายๆ ในใจบางที่เราทุกข์ แต่อยู่ต่อหน้าเพื่อน เราก็ทำให้เขาเฮฮาได้
ฟอร์มูลา : ถ้าให้ 0 เป็นชั่วที่สุด 100 คือ ดีที่สุด เจี๊ยบอยู่ตรงไหน ?
เจี๊ยบ : 50 มั้งคะ กลางๆ ไม่ดี ไม่เลว
ฟอร์มูลา : หลายคนมักมองเซลส์ว่าต้องเป็นพวกกะล่อน ถึงจะขายเก่ง ตัวเลขนิสัยน่าจะอยู่ต่ำกว่า 50 แต่เจี๊ยบอยู่กลาง แล้วจะขายเก่งเหรอ ?
เจี๊ยบ : เซลส์ที่ขายเก่ง ก็ไม่ต้องกะล่อนนี่ เรามีเทคนิคของเรา เจี๊ยบก็ขายไม่เก่ง อาจปิดการขายไม่ได้ แต่ก็ต้องพัฒนาต่อไป แต่เราก็พยามพูดนะ เช่น "ช่วยหนูหน่อย พี่ขาเจี๊ยบเป็นเซลส์มาใหม่ก็อยากได้ยอด มาร์จินเจี๊ยบก็ให้ไม่เหลืออยู่แล้ว ยังไงก็แถมให้พี่เท่าไรเท่ากัน" อาจต้องยอม ขอร้อง ให้ลูกค้าเห็นใจบ้าง ซึ่งบังเอิญว่า ส่วนใหญ่ผู้ชายมักจะใจอ่อน
ฟอร์มูลา : ถึงขั้น "ได้โปรด ไหว้เถอะค่ะ" ไหม ?
เจี๊ยบ : ไม่ถึงขนาดนั้น เจี๊ยบก็เป็นคนใจอ่อนด้วยซ้ำ บางทีลูกค้าโทรมาอ้อนขอนั่นขอนี่ ก็ยังให้ทั้งที่โดนหักเงิน แต่มันน่าจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์มากกว่า ทำนานไปก็คงจะต้องมีลูกเล่นอะไรบ้าง
ฟอร์มูลา : นั่นหมายถึงกะล่อน แต่ว่าตอนนี้ยังเป็นคนดีอยู่ ?
เจี๊ยบ : ไม่ใช่หรอกพี่ น่าจะมองในแง่ดีมั้ง เอาใจเขามาใส่ใจเรา
ฟอร์มูลา : คิดอย่างไรกับงานแสดงรถ อย่างเช่น งานมอเตอร์ เอกซ์โป ?
เจี๊ยบ : ที่บริษัทถ้าจะไปออกงานพวกนี้ เขาต้องเลือกคนขายเก่งๆ ไป เจี๊ยบแค่ได้ไปวันเดียวก็ดีใจมากแล้ว มันเหมือนกับว่า ถ้าใครเป็นเซลส์ขายรถแล้วไม่ได้ไป มันเหมือนไม่เต็มที่สุดๆ กับการเป็นเซลส์ขายรถ
ฟอร์มูลา : ขนาดนั้นเลย เซลส์คนอื่นก็คิดแบบนี้เหรอ ?
เจี๊ยบ : ใช่ รุ่นพี่ก็ว่ากันอย่างนี้ เราก็เลยขอหัวหน้าไปวันหนึ่ง
ฟอร์มูลา : ขายได้กี่คัน ?
เจี๊ยบ : ไม่ได้เลยค่ะ
ฟอร์มูลา : ทั้งงานเขาขายกันได้ตั้งเกือบ 2 หมื่นคัน ไม่โดนเราบ้างเลยเหรอ ?
เจี๊ยบ : พี่เซลส์มีเป็นพันนะคะ ก็คงแล้วแต่ดวงด้วยแหละ
ฟอร์มูลา : คิดว่าถ้าขาดเซลส์ผู้หญิงไปจะเป็นอย่างไร ?
เจี๊ยบ : ขาดสีสัน ลูกค้าผู้ชายก็อยากคุยกับเซลส์ผู้หญิงนะค่ะ บอกแล้วนี่คะว่าเจี๊ยบเหมือนดอกไม้ ที่พร้อมต้อนรับลูกค้าเสมอ
พรีเซนเตอร์ (พริทที)
เยาวลักษณ์ กรรณิกา
"โปรดอย่าเรียกเธอว่าพริทที"
เยาวลักษณ์ กรรณิกา หรือ เวย์ หญิงสาวสวยสง่า บุคลิกร่าเริง ทำงานในอาชีพที่คนมักเรียกกันว่า "พริทที" มาแล้วกว่า 6 ปี
แม้ฐานะทางบ้านของเธอจะเหลือกินเหลือใช้ แต่ขณะเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เธอก็ยังไปทำงานเป็นพรีเซนเตอร์ ด้วยเหตุผลคำเดียว คือ "สนุก" ถึงวันนี้เธอยังเป็นพรีเซนเตอร์อยู่ แต่มีเหตุผลอีกคำหนึ่งที่เพิ่มเข้ามานั่นก็คือ "เงิน"
ด้วยวัยเพียง 26 ปี เธอมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนครึ่งแสน เธอบอกกับเราว่า เงินเหล่านี้มากกว่าครึ่ง มีที่มาจาก "ธุรกิจรถยนต์"
ฟอร์มูลา : เริ่มงานนี้ได้อย่างไร ?
เวย์ : ตอนเรียนปี 3 ค่ะ แฟนเพื่อนชวนเวย์ไปทำงานเป็นคนกรอกแบบสอบถาม แล้วค่อยมาเริ่มงานพริททีครั้งแรกที่ มอเตอร์ เอกซ์โป เป็นของบูธเครื่องเสียง เขาก็เรียกเราไปแคส (แคสติง) ตอนนั้นยังไม่รู้เลยแคสเป็นอย่างไร ได้วันละ 800 เอง แต่ตอนนั้นสำหรับเรามันเยอะมาก
ฟอร์มูลา : แล้วถ้าเยอะสำหรับตอนนี้ ?
เวย์ : ก็หมื่นหนึ่งต่อวันค่ะ เป็นพิธีกรงานอีเวนท์ แล้วก็มีงานถ่ายโฆษณาของบริษัทประกันชีวิต งานนั้นทำ 2 วัน ได้ 50,000 บาท แต่ก็ต้องไปตั้งแต่ 6 โมงเช้า กว่าจะเสร็จเที่ยงคืน
ฟอร์มูลา : แสดงว่าถ้าใครจะเป็นพริททีก็ต้องมีความสามารถหลากหลาย ?
เวย์ : การเป็นพริททีมันเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นในการทำงานอื่นๆ ในวงการนี้ อย่างเวย์ก็ไม่คิดว่าจะมาเป็นพิธีกรทีวี งานอีเวนท์ หรือถ่ายโฆษณา เพราะตอนแรกที่ทำ ก็แค่อยากหาเงินเอง สนุกดี ไม่ได้คิดอะไรมาก
ฟอร์มูลา : ความสามารถเหล่านี้ได้มาจากการเรียนบ้างไหม ?
เวย์ : ได้ค่ะ เป็นวิชาวาทการ ตอนเรียนเวย์ได้เกรด 4 เป็นการพูดในที่สาธารณะทั้งภาษาไทย และอังกฤษ ตอนประถม ก็สนิทกับครูนะ เพราะครูชอบให้เวย์ ทำกิจกรรม ไปรำ นำ สวดมนต์ ร้องเพลงชาติ
ฟอร์มูลา : อยากให้คนเรียกเราว่าพริทที หรือพรีเซนเตอร์ ?
เวย์ : เมื่อก่อนเวย์ไม่ได้คิดอะไรนะ แต่เดี๋ยวนี้ถ้าใครมาเรียกเวย์ว่าพริททีจะรู้สึกไม่ชอบ เวย์ชอบให้เรียกว่าพรีเซนเตอร์ คำว่า เอมซี ก็อยากให้เรียกว่าพิธีกรมากกว่า อีกอย่างตอนนี้คนเขาเริ่มมองคำนี้ไม่ดี อาชีพนี้เลยดูด้อยลงๆ แล้วคนก็จะชอบนึกว่าโคโยที กับพริทที เหมือนกัน พวกเดียวกัน
ฟอร์มูลา : ตอนเวย์เข้ามาใหม่ๆ ภาพลักษณ์ดีกว่านี้ใช่ไหม ?
เวย์ : มันยังไม่ค่อยมีอะไรมาก หรืออาจเป็นเพราะว่าเรามาทำแรกๆ ก็ได้ เลยไม่รู้ว่ามันมีอะไร แต่พอทำไปนานๆ ก็เริ่มรู้แล้วละ
ฟอร์มูลา : คนดูมักแบ่งเกรดพริทที ว่ามีสูง กลาง ต่ำ ?
เวย์ : ใช่ เราไม่ได้แบ่งกันเอง ถือว่าเป็นอาชีพเดียวกัน ไม่ได้ดูถูกกัน ต่างกันที่ตัวสินค้า โอเค ยืนรถอาจจะยากหน่อย เพราะต้องมีการแคส ผ่านหลายรอบกว่าจะได้เข้ามา
ฟอร์มูลา : ลักษณะการคัดเป็นอย่างไร ?
เวย์ : มีแบบงานประจำ เซ็นสัญญายาวเลย หรือสัญญาช่วงสั้นๆ หมดงานก็หมดสัญญา ว่าแต่ละค่ายก็มีวิธีคัดที่ต่างกัน คัดกันถึงขนาดที่ว่าไม่ใช่แค่ดูหน้าตา เขาดูขา หลังเป็นว่าสิวไหม รอบเอวเนียนไหม ดูถึงขนาดว่าเกล้าผมแล้วเป็นอย่างไร กระทั่งยืนกับอีกคนจะเข้ากันได้ไหม
ฟอร์มูลา : มีที่รู้สึกว่ามากเกินไปหรือเปล่า ?
เวย์ : เคยค่ะ เวย์ไม่เอาเลย กลับบ้านเลย เขาให้ใส่ชุดว่ายน้ำ เราเห็นแล้วว่ามีแต่ผู้ชาย ตั้ง 6-7 คนเป็นกรรมการรออยู่ในห้อง บ้าหรือเปล่า ! เขาบอก "โอเคน้อง เดี๋ยวเปลี่ยนชุด เข้าไปเลือกข้างในเลย" เราก็นึกว่าเป็นชุดธรรมดาทั่วไป พอเข้าไปเป็นชุดว่ายน้ำ
ฟอร์มูลา : แต่ละครั้ง ได้งานทำอย่างไร ?
เวย์ : ทุกวันนี้ที่เวย์ได้งานก็เป็นแบบบอกกันปากต่อปาก แต่ว่าเวลาไปแคสงานเขาก็จะให้ลองพรีเซนท์ ของอย่างนี้เวย์ว่ามันอยู่ที่ว่า ถูกชะตา หรือชอบไม่ชอบด้วย
ฟอร์มูลา : มีเพื่อนเยอะไหม ?
เวย์ : เยอะค่ะ
ฟอร์มูลา : ศัตรู ?
เวย์ : ไม่รู้นะ ว่าเขาเป็นศัตรูหรือเปล่า แต่ก็มีคนไม่ชอบหน้าเวย์ เพื่อนถามว่าเหตุผลเพราะอะไร ไม่ถูกชะตา แค่นี้เองค่ะ (หัวเราะ)
ฟอร์มูลา : เพื่อนกับศัตรูอย่างไหนเยอะกว่า ?
เวย์ : เพื่อนค่ะ
ฟอร์มูลา : คิดว่าอะไรในตัวเราทำให้มีเพื่อนเยอะ ?
เวย์ : เวย์จริงใจ ไม่ได้คิดอะไรไม่ดีกับคนที่เรารู้จัก เวย์จะรู้สึกไม่ดีต่อเมื่อเขารู้สึกไม่ดีกับเราก่อน
ฟอร์มูลา : นิสัยดีอย่างนี้ แล้วทำไมยังมีคนเกลียดเรา ?
เวย์ : อาจเป็นเพราะเวย์เป็นคน พูดตรงเกินไป ชัดเจน เวย์ไม่รู้ว่าจะเสแสร้ง หลอกลวงทำไม แต่เวลาพูดก็ละมุนละม่อม แต่ถ้าอะไรไม่ถูก เวย์ก็พูดไปเลย ไม่เก็บ
ฟอร์มูลา : เขามาแกล้งเราบ้างไหม ?
เวย์ : เพื่อนสนิทกัน ไปแคสงาน แล้วเพื่อนคนนั้นก็โทรไปบอกเพื่อนอีกคนว่าอย่าไปบอกเวย์นะ ทั้งที่เรามีงานอะไร จะโทรไปบอกเขาคนแรก เขาคงคิดว่าถ้าไปบอกการแคสงานก็เหมือนจะทำให้มีคู่แข่งมาก ตัวเลือกเยอะขึ้น แต่เวย์บอกหมด เพราะคิดว่าของแบบนี้มันอยู่ที่ความสามารถ และดวง เราเป็นเพื่อนกัน บอกกันก็น่าจะแฟร์ดี ถูกไหมค่ะ
ฟอร์มูลา : พริททีมักเจอโรคจิต รังควาน ?
เวย์ : เวย์ก็มีค่ะ เขาได้เบอร์เรามา ยังไงก็ไม่รู้ โทรมา "เซลฟ์เซอร์วิศ" ทำเสียงนู่นนี่ ตอนแรกก็นึกว่าเพื่อนอำ แล้วก็โทรมาดึกๆ บ้าง เปลี่ยนเบอร์ไปเรื่อย ถึงขนาดเราต้องไปแจ้งความ เพราะเขาแบบเริ่มเยอะขึ้นๆ ขู่เราบ้าง ส่งข้อความมาด่าบ้าง
ฟอร์มูลา : เรื่องแบบนี้ครอบครัวช่วยอย่างไร ?
เวย์ : ครอบครัวรู้ค่ะ ก็ไปแจ้งความด้วยกัน เพราะเวย์มีอะไรจะเล่าให้ที่บ้านฟังหมดทุกเรื่อง
ฟอร์มูลา : ในงานแสดงรถยนต์ พริททีมักมีปัญหากับพวกลามก ?
เวย์ : มีค่ะ อย่างเรื่องถ่ายรูป กล้องมันเยอะ เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะถ่ายไปลงที่ไหนบ้าง เราก็ทำได้แค่พอหมดเวลาแล้วเราก็เก็บตัวเลย นอกจากนี้ก็มีพูดจาดูถูก มีครั้งหนึ่ง เซลส์มาบอกเวย์ว่ามีลูกค้าแนวอาเสี่ย มาคุยกับเขา บอกว่าเนี่ยราคาเท่าไร เซลส์ก็นึกว่ารถ แต่เขาบอกว่าไม่ใช่สีดำกับสีทองน่ะ ราคาเท่าไร 3 พัน หรือ 5 พัน ซึ่งนั่นคือสีชุดที่เราใส่ คือ เขาหมายถึงเรา
ฟอร์มูลา : มันทำให้เห็นว่าพรีเซนเตอร์ภาพลักษณ์ไม่ดี และอาจมองต่อได้ว่าพรีเซนเตอร์ขายตัว น่าจะมีจริง ?
เวย์ : ที่รู้มาก็มีค่ะ แต่คงเป็นส่วนน้อย
ฟอร์มูลา : มีใครมาชวนเวย์ไปทำแบบนั้นบ้างไหม ?
เวย์ : ขนาดนั้นไม่มีค่ะ แต่ก็มีเพื่อนคนที่เคยทำพริททีด้วยกันมา อยู่ๆ ก็ชวนไปกินข้าวกับนักการเมือง เราก็สงสัยเลย ถามว่าแล้วทำอะไรอีก เขาบอกไม่มีอะไร แค่ไปร้องคาราโอเกะ รับรองลูกค้า แต่เวย์ก็ไม่ไปนะ เขาเหมือนเป็นเด็กของนักการเมือง อยากจะหาเพื่อนอีกคนไปอยู่ด้วยกัน
ฟอร์มูลา : นี่เป็นอีกเหตุผล ที่ไม่อยากให้คนเรียกตัวเองว่าพริทที ?
เวย์ : ใช่ค่ะ ยิ่งแดนเซอร์ยิ่งหนัก ล่าสุดเวย์ไปทำงาน ได้คุยกับแดนเซอร์แล้วไปหลุดคำว่าโคโยที เขาพูดกับเวย์เลยนะว่า "ขอโทษนะคะ เป็นแดนเซอร์ ไม่ใช่โคโยที" คือ เขาก็ไม่ชอบคำนี้ เราเข้าใจแต่ก็ลืม เลยขอโทษเขาไป
ฟอร์มูลา : พรีเซนเตอร์แทบทุกคนใช่ไหม ที่ไม่อยากให้เรียกตัวเองว่าพริทที ?
เวย์ : ใช่ค่ะ ถามเพื่อนเวย์ทุกคนก็ไม่อยากให้ใครเรียกว่าพริทที แต่ที่รู้มาสำหรับรถยุโรปยี่ห้อหนึ่ง เขาจะใช้คำอื่นไปเลย พริททีนี่ห้ามใช้เด็ดขาด พรีเซนเตอร์ยังไม่ใช้เลย แต่จะใช้คำว่า "โพรดัคท์ เลฟ" หมายถึงผู้แนะนำ และให้ข้อมูลสินค้า เหมือนกับเขาก็ไม่ชอบให้ใครเรียกคนของเขาด้วยคำว่าพริททีเหมือนกัน
ฟอร์มูลา : จริงๆ คำว่าพริททีก็แปลว่าน่ารัก เพียงแต่คำนี้มันถูกตีความจากพฤติกรรมพรีเซนเตอร์บางกลุ่มเลยเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมา
เวย์ : เห็นด้วยค่ะ ไปดูตามแผงหนังสือก็ได้ มีหนังสื่อชื่อประเภท "ไปกับสาวพริทที" หรือ "พริททีไซด์ไลน์" ผู้ใหญ่บางคนเห็นแล้วเป็นเรื่องนะค่ะ เขาอาจรู้สึกว่าอาชีพพริททีเป็นอย่างนี้เหมือนกันหมด
ฟอร์มูลา : แฟนมองอย่างไร กับเรื่องนี้ ?
เวย์ : เขามองด้านดี ชื่นชม เขาเคยเห็นเวลาทำงานว่าเราทำงานยังไง เพราะว่าเวย์เลือกรับงาน
ฟอร์มูลา : แต่ครอบครัวแฟนอาจไม่เข้าใจ ?
เวย์ : มีบ้างค่ะ คุณแม่ไม่ปลื้มอย่างแรง (หัวเราะ) เวย์ไม่คิดเลยนะว่าจะเจออะไรแบบนี้ แต่ก็ต้องปรับตัว
ฟอร์มูลา : พรีเซนเตอร์รถยนต์ ดีกว่าพรีเซนเตอร์อื่นๆ อย่างไร ?
เวย์ : ดีกว่าค่ะ เพราะ เงินดี แล้วก็เกรดดีกว่า เอาแค่คนที่ทำงานด้วยกัน เขาจะรู้ว่า ถ้าได้ยืนรถจะเจ๋งมาก
ฟอร์มูลา : พรีเซนเตอร์ให้ความสำคัญกับงานมอเตอร์ เอกซ์โป แค่ไหน ?
เวย์ : บอกอย่างนี้ค่ะว่าพวกพริททีด้วยกัน ถ้าใครได้ยืนรถในงานแสดงรถยนต์ ก็ถือว่าโอเคแล้วในการเป็นพริทที จริงๆ เวย์จะบอกว่าดีที่สุด แต่เดี๋ยวเพื่อนมาอ่านจะหาว่าเวอร์ แต่เวย์ว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ
ฟอร์มูลา : ถ้าพรีเซนเตอร์ในงานแต่งชุดไทยกันหมด ตามแนวคิดกระทรวงวัฒนธรรม ?
เวย์ : ก็ได้นะคะ คงเป็นไทยประยุกต์ที่ดูแปลกๆ หน่อย แต่ก็ต้องมีแนวคิด
ฟอร์มูลา : จริงๆ น่าจะต้องทำกันถึงขนาดนั้นไหม ?
เวย์ : แค่นี้เวย์ว่าแต่งตัวกันกำลังดีอยู่แล้ว แนวโน้มก็ดีขึ้นเรื่อย คงไม่ถึงกับต้องแต่งชุดไทยมั้งค่ะ
ฟอร์มูลา : ในงานคิดว่าผู้ชายมาดูเราหรือรถ ?
เวย์ : โอ้โห...ร้อยละ 90 น่าจะดูพริททีมากกว่ารถ เพราะเวลาถ่ายรูปเวย์ไม่ค่อยเห็นใครถ่ายรถเลย ถ้าไม่มีพริททีก็อาจไม่มีคนมางานเท่าไร อาจมีบางกลุ่มที่ชอบเรื่องรถจริงๆ งานคงกร่อยๆ ดูง่ายๆ ที่เวย์เคยทำมา ค่ายรถยนต์จะพยายามให้ใส่ชุดที่เปิดนั่นนิด ปิดนี่หน่อย เพราะคนจะได้ถ่ายรูปเยอะๆ เขาเน้นให้คนเข้ามาในบูธเยอะเท่านั้นเอง บางที่เวย์ออกมาเห็นแววตาเขาเลยว่า ไม่มีใครมองหน้ามีแต่คนมองส่วนที่เปิดนั่นนะค่ะ
ฟอร์มูลา : เห็นแววตาเขาเลยเหรอ ?
เวย์ : เห็นเลย คือ เวลาเราเดินออกมาเนี่ย คนจะมองแต่ช่วงนั้น ไม่มองหน้าเลย ตรงนี้เราก็ต้องเซฟตัวเองด้วย เช่น เอาผมมาปิด ก็ทำได้แค่นั้น แต่ก็ยังดีกว่าไม่ปิดเลย บริษัทรถยนต์บางเจ้าก็ดีค่ะ บางทีชุดออกมาคว้านลึกเกินไป พวกเราก็ช่วยกันออกความเห็นว่าน่าจะน้อยหน่อย เขาก็ฟังเรา แล้วก็เปลี่ยนให้
แต่บางคนก็ดูถูกนะ เวย์มีเพื่อนคนหนึ่งเป็นผู้ชาย เขาไปเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคนสวย หุ่นดี หน้าที่การงานดี เลยบอกผู้หญิงคนนั้นว่า "สวยจังเลยครับ น่าจะไปเป็นพริทที" เพื่อนเวย์บอกว่า เธอก็ทำท่ารังเกียจ ทำหน้าเหมือนเหยียบขี้เลย เธอบอก "อึ๋ย...ทำไมต้องเป็นพริททีด้วยล่ะ" เราก็คิดว่าอะไรกัน มันเป็นอาชีพที่น่าเกลียดขนาดนั้นเลยเหรอ
ฟอร์มูลา : เป้าหมายชีวิตของเวย์คืออะไร ?
เวย์ : เหมือนคนทั่วไปค่ะ มีครอบครัวที่ดี ไม่ต้องรวยแต่มีความสุข
ฟอร์มูลา : เวย์เปรียบพริททีเหมือนอะไร ?
เวย์ : เหมือนคู่มือ ให้รายละเอียดสินค้าว่ามีอะไรบ้าง แต่ก็มีรูปเล่มที่สวย น่าเปิดอ่าน ถ้าบางคนซื้อของไปแต่คู่มือไม่น่าอ่านก็คงไม่เปิดดู
ฟอร์มูลา : คุณสมบัติที่ดีของพรีเซนเตอร์คืออะไร ?
เวย์ : ต้องอารมณ์ดี มีมนุษยสัมพันธ์ ถ้าใครหน้าบึ้งตลอดเวลาคงทำไม่ได้ ที่สำคัญต้องสื่อสารเป็น บางครั้งเราฟังจากคนที่มาบรีฟงาน อาจดูเข้าใจยาก แต่เราต้องถ่ายทอดให้คนฟังง่ายๆ เรียกว่าเป็นการแปลงสารให้ง่ายขึ้น
ฟอร์มูลา : อายุ 26 ปี อาจใกล้หมดเวลาแล้วสำหรับการเป็นพรีเซนเตอร์ ?
เวย์ : ตอนนี้เวย์เริ่มเปลี่ยนแนวทางจากพริททีมาทำงานอย่างพิธีกรงานอีเวนท์ต่างๆ ทุกวันนี้เวย์ก็เริ่มรับงานแบบนี้บ่อยขึ้นแล้ว เช่น อย่างงานพิธีกรงานแต่งงาน หรืองานเลี้ยง แล้วก็อยากเปิดร้านอาหาร
ฟอร์มูลา : งานบริษัท ?
เวย์ : สนใจค่ะแต่อยากได้เงินเยอะๆ
ฟอร์มูลา : ต้องสักเท่าไร ?
เวย์ : อยากได้ 3 หมื่น เป็นอย่างต่ำ
ฟอร์มูลา : เฉลี่ยแต่ละเดือนตอนนี้ ?
เวย์ : ประมาณ 4 ถึง 5 หมื่นบาทค่ะ
ฟอร์มูลา : ค่าตัวเวย์ขึ้นหรือลด เส้นกราฟเป็นยังไง ?
เวย์ : ก็ต้องขึ้นสิคะ เพราะเรทค่าตัวขึ้นมาเรื่อยๆ
ฟอร์มูลา : แต่ก็มีหลายคนที่ลด ?
เวย์ : เวย์ว่าน้อยนะ ที่จะกลับไปเท่าเดิมหรือน้อยกว่าเดิม
ฟอร์มูลา : ที่น้อยนั่นคือ เขาทำตัวไม่ดีจนคนไม่เอา ?
เวย์ : น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา อาจมาจากการไม่ดูแลตัวเอง
ฟอร์มูลา : สรุปแล้ว คิดว่าชีวิตเวย์หนักไหม ?
เวย์ : หนักค่ะ เพราะต้องรักษาคุณภาพของตัวเอง น้อยมากที่คนทำงานอย่างเวย์จะกลับไปทำงานออฟฟิศ คือ มันรับไม่ได้แล้วที่จะต้องกลับไปรับรายได้เท่านั้น
ฟอร์มูลา : แล้วมันก็ไม่ง่ายที่รายได้ระดับนี้ แล้วไปเริ่มงานแบบออฟฟิศจะได้เท่าเดิม ?
เวย์ : เวย์รู้ดีค่ะ ยากมากๆ เพราะ 30,000 บาท นี่ระดับผู้จัดการเลยนะ หรือถ้าเป็นข้าราชการก็ต้อง ซี 8-ซี 9 นี่ก็เลยเป็นสิ่งที่เวย์ และเพื่อนหลายคนกำลังคิดหนักกันอยู่
เรียนฝ่ายศิลป์
2 หน้านี้ เป็นรูปของเธอ และภาพคำตอบที่เธอเขียนเอง มีตัวโปรยประโยคเด็ดของเธอทั้ง 2 ด้วยครับ
เซลส์
"เจี๊ยบก็พยายามพูดนะ เช่น "ช่วยหนูหน่อย พี่ขาเจี๊ยบเป็นเซลส์มาใหม่ก็อยากได้ยอด มาร์จินเจี๊ยบก็ให้ไม่เหลืออยู่แล้ว ยังไงก็แถมให้พี่เท่าไรเท่ากัน" อาจต้องยอมขอร้อง ให้ลูกค้าเห็นใจบ้าง ซึ่งบังเอิญว่า ส่วนใหญ่ผู้ชายมักจะใจอ่อน"
พริทที
"โอ้โห...ร้อยละ 90 น่าจะดูพริททีมากกว่ารถ เพราะเวลาถ่ายรูปเวย์ ไม่ค่อยเห็นใครถ่ายรถเลย อาจมีบางกลุ่มที่ชอบเรื่องรถจริงๆ ที่เวย์เคยทำมา ค่ายรถยนต์จะพยายามให้ใส่ชุดที่เปิดนั่นนิด ปิดนี่หน่อย เพราะคนจะได้ถ่ายรูปเยอะๆ เขาเน้นให้คนเข้ามาในบูธเยอะเท่านั้นเอง"
เรื่องโดย : ศิธา เธียรถาวร
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/8794