ทั่วไป
ฟังชื่อแล้วน่าตกใจ ไม่รู้มาก่อนว่าสังคมไทยกำลังมีปัญหาถึงระดับ "วิกฤติทางวัฒนธรรม" เพียงแต่เข้าใจว่า วัฒนธรรมไทยถูกอิทธิพลเมืองนอกตีมาตลอด แต่ไม่คิดว่าจะกลายเป็น วิกฤติวัฒนธรรม
ฟังชื่อแล้วน่าตกใจ ไม่รู้มาก่อนว่าสังคมไทยกำลังมีปัญหาถึงระดับ "วิกฤติทางวัฒนธรรม" เพียงแต่เข้าใจว่า วัฒนธรรมไทยถูกอิทธิพลเมืองนอกตีมาตลอด แต่ไม่คิดว่าจะกลายเป็น วิกฤติวัฒนธรรม
วัฒนธรรมไทยนั้น มีมานานแล้ว ก่อนเมืองไทยเราจะคิดอ่านตั้งกระทรวงวัฒนธรรมเสียอีก สมัยผมเรียนหนังสือก็มีหนังสือหน้าที่พลเมืองและศีลธรรม มารู้จักคำว่าวัฒนธรรมกันอย่างจริงๆ จังๆ ก็อีตอนที่เรามี "ผู้นำ" และมีคำขวัญว่า "เชื่อผู้นำ ชาติพ้นภัย"
สมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านเน้นเรื่องวัฒนธรรมไทยเป็นหลักสำคัญในการปกครองประเทศ ท่านห้ามกินหมากกินพลู ท่านขอให้คนไทยสวมหมวก และท่านก็ปฏิวัติภาษาไทยใหม่ทั้งหมด
เคราะห์ดีท่านนำไทยอยู่ไม่นาน แล้วท่านก็จากพวกเราไปเช่นเดียวกันกับนักการเมืองคนอื่นๆ วัฒนธรรมบางประการของท่านก็พลอยตายจากไปด้วย
หลังจากนั้น วัฒนธรรมก็อยู่กับคนไทยต่อมา จนกระทั่งเกิดตั้งเป็นกระทรวงขึ้นมาอีกกระทรวงหนึ่ง มีรัฐมนตรีว่าการเป็นเจ้ากระทรวง และมี ปลัดกระทรวง ซึ่งทำหน้าที่แม่บ้านสำคัญของกระทรวง
เรื่องนี้ผมดูแล้ว เหมือนกับตัวผมเองเขียนหนังสืออยู่ดีๆ ก็มีเหตุต้องเข้าไปอยู่หนังสือพิมพ์รายวัน เขียนหนังสือกับเขาอยู่ที่นั่น จนกลายเป็นนักหนังสือพิมพ์ และก็เป็นอยู่อย่างนั้นจนเดี๋ยวนี้ผมเป็นนักหนังสือพิมพ์โดยไม่ต้องเรียนวิชานิเทศศาสตร์ในระดับมหาวิทยาลัย เพราะสมัยนั้น ไม่มีมหาวิทยาลัยที่ไหนคิดอ่านจะตั้งคณะนิเทศศาสตร์ขึ้นมา เพื่อสอนวิชาการหนังสือพิมพ์ หรือการโฆษณาประชาสัมพันธ์
วัฒนธรรมไทยก็อีหรอบเดียวกัน เดี๋ยวนี้มีกระทรวงและมีเจ้ากระทรวง โดยเฉพาะที่ผมอยากพูดถึง ก็คือ มีปลัดกระทรวงป้ายแดงคนใหม่ชื่อ ศาสตราจารย์ ดร. อภินันท์ โปษยานนท์ ท่านไม่ได้เรียนจบนิเทศศาสตร์ แต่ท่านจบมาจากเมืองนอกทั้งอังกฤษ สกอทแลนด์ และสหรัฐอเมริกา
ผมไม่รู้จักท่าน แต่ได้อ่านวิสัยทัศน์ของท่านผ่านทางหน้าหนังสือพิมพ์ และได้เห็นภาพถ่ายของท่านแล้ว เกิดมีความหวังว่า ถ้าวัฒนธรรมไทยเป็นวิกฤติก็คงจะหายขาดเพราะท่านปลัดคนนี้ เนื่องจากดูหุ่นของท่านแล้ว ท่านยังหนุ่มแน่น หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส และการแต่งกายของท่านก็เนี้ยบทั้งล่างและบน
ท่านเปิดเผยว่า ท่านขอบใจที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา ท่านจะสืบสานมรดกไทย เอ๊ย...สืบสานนโยบายตามที่ คุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รมว. ได้ตั้งธงเอาไว้อยู่ที่การสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่สังคมไทย
ท่านมองวิกฤติวัฒนธรรมไทยว่า ต้องดูปัจจัยเหตุให้ออกว่าเกิดจากอะไร จากอิทธิพลเมืองนอก หรือเกิดด้วยตัวของมันเอง
คุณอภินันท์ หรือปลัดอภินันท์ คนนี้ เห็นว่า คำว่า "วัฒนธรรม" มีความหมายหลายแง่หลายมุม หลายชั้น อันนี้น่ากลัวครับ เพราะกินความกว้างเกินไปหน่อย พลเมืองจะตามลำบาก ถ้าไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของคำว่า วัฒนธรรม
หากราษฎรไทยทำอะไรขึ้นมา กระทรวงวัฒนธรรมเห็นเป็นความไม่เหมาะสม ก็คงเป็นเพราะความหลากหลายในความหมายคำว่า วัฒนธรรม นั่นเอง มิใช่เป็นด้วยเหตุอื่น ถ้าเป็นลักษณะเช่นนี้ ราษฎรไทยก็คงอึดอัดทำตัวลำบาก
โดยเฉพาะราษฎรไทยที่เป็นเยาวชนแห่งชาติ เป็นวัยรุ่น วัยที่กำลังอยากรู้ อยากทดลอง อะไรเข้ามาก็รับได้หมด และยิ่งโลกวันนี้เป็นโลกแห่งการสื่อสาร เทคโนโลยีกับการพัฒนาของมัน ทำให้เยาวชนแห่งชาติรับข่าวสารเร็วขึ้น อิสระมากขึ้น คุณอภินันท์อายุ 50 แล้ว แต่ยังดูมีไฟแรง เห็นว่ากระทรวงวัฒนธรรมต้องทำความเข้าใจสังคมไทยให้ดีที่สุด และทำอย่างไรจะปรับคลื่นของกระทรวงให้เข้ากับชีวิตประจำวัน และวิถีชีวิตของคนไทยได้มากที่สุด
ผมยังห่างไกลกับกระทรวงวัฒนธรรมมาก และค่อนข้างมั่นใจว่ายังมีคนไทยอย่างผมอีกหลายล้านคนเช่นเดียวกับผม
กระทรวงนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อทำอะไรบ้าง และจะช่วยสังคมไทยให้อยู่กับวัฒนธรรมไทยได้มากน้อยแค่ไหน สำคัญที่สุดจะบอกคนต่างชาติได้อย่างไรในประเด็น "วัฒนธรรมไทย"
การตั้งกระทรวงวัฒนธรรมขึ้นมา ไม่ได้มีความสามารถทำให้ฝรั่งพาผู้หญิงแก้ผ้าถ่ายรูปตามวัดไทย ไม่สามารถห้ามฝรั่งเอาพระพุทธรูป หรือเศียรพระพุทธรูปไปตั้งในที่ไม่เหมาะสม นอกจากฝรั่งจะทำให้เราเห็นชัดเจน เราจึงจะมีความเคลื่อนไหว เหมือนกรณีที่ ผู้เข้าประกวดนางงามจักรวาลซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ นุ่งชุดว่ายน้ำลงเรือและถ่ายบันทึกภาพโดยมีวัดอรุณเป็นฉากหลัง ซึ่งได้รับการแอนที จนต้องลบภาพเหล่านั้นออกจากแฟ้มเทป
ในงานเดียวกัน ทำให้ผมนึกถึงผู้เข้าประกวดที่ชนะเลิศ ครองตำแหน่ง มีสส์ยูนิเวิร์ส คือ นางสาวนาตาลี เกลโบวา
คุณนาตาลี เป็นผู้หญิงที่งดงามมาก ยิ้มของเธอ คือ "ยิ้มแห่งสยาม" และกลายเป็นว่า นาตาลี ชอบเมืองไทยมากที่สุด จนมีความสามารถในการยกมือไหว้ตามวัฒนธรรมไทยได้อย่างสวยงาม น่ารัก น่าเอ็นดู
ตอนนี้ก็ได้ข่าวว่า เธอได้รับการว่าจ้างให้เป็นพนักงานของ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด
จะว่าคุณนาตาลี เป็นคนไทยไปแล้ว ก็น่าจะว่าได้ ยิ่งได้เห็นเธอเดินทางไปลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราที่ ศิริราช ก็ยิ่งปีติยินดี
คุณนาตาลี บอกกับเราว่า เธอจะขอรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไทยไว้ให้ถึงที่สุด
กระทรวงวัฒนธรรม น่าจะติดต่อว่าจ้างให้เธอเป็นพรีเซนเตอร์ ถ่ายภาพโฆษณาประเทศไทย ความงดงามของวัฒนธรรมไทย หรือขนบประเพณีไทยที่สมควรได้รับการอวดสายตาชาวโลกอย่างไรก็ตาม กระทรวงวัฒนธรรม ก็คือ กระทรวงหนึ่งของรัฐบาลที่ต้องมีปัญหาคล้ายกัน โครงการหลายโครงการของกระทรวง ไม่ว่ากระทรวงใด มักจะไปไม่รอด อันเกิดจากเหตุที่ว่าจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากกระทรวงอื่นๆ ด้วยกัน
วิสัยทัศน์อีกด้านหนึ่งของปลัดอภินันท์ ก็คือ ปัญหาเดิมๆ ทำอย่างไรคนไทยจะเข้าวัดมากขึ้น ทำอย่างไรพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จะมีพลเมืองไทยสนใจเข้าไปชม เช่นเดียวกับฝรั่งต่างประเทศ ทำอย่างไรโบราณวัตถุจะไม่เป็นยานอนหลับสำหรับคนไทย
ปัญหาเหล่านี้ ไม่ใช่ปัญหาใหม่ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานแล้ว การนำคนเข้าวัดก็มีปัญหามาก วัดที่ดึงคนเข้าไปแยะก็มีปัญหา ไม่มีคนเข้าเลยก็เป็นปัญหา วัดธรรมกายสามารถดูดคนเข้าไปในวัดได้อาทิตย์ละเป็นหมื่น ๆ คน ก็ยังมีปัญหา พระพยอมก็มีปัญหา ทั้งๆ ที่ท่านพยายามเรียกคนเข้าวัดมาตลอด
การทำงานของกระทรวงวัฒนธรรมค่อนข้างเป็นเรื่องยาก ข้าราชการทุกกรมกองต้องมีใจกว้าง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตรงไปตรงมา ปราศจากอคติใดๆ ทั้งสิ้น ต้องรู้จักแยกแยะว่าอะไรเป็นอะไร
จากเนื้อข่าวที่ผมพบอันนี้ ผมเห็นว่า ปลัดอภินันท์ สนใจในเรื่องของศิลปะร่วมสมัย สนใจในเรื่องของศิลปวัฒนธรรมทางด้านพิพิธภัณฑ์ ยังไม่แน่ใจว่าการบริหารจัดการในตำแหน่งปลัดกระทรวงของท่าน จะเป็นไปในด้านบวก หรือลบประการใด
แต่จะอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยที่สุด การเข้ารับหน้าที่ของปลัดอภินันท์ ก็น่าจะมีความหวังได้เป็นอย่างดีว่า วัฒนธรรมของไทยเรา ได้รับความสนใจจากพลังสมองของคนหนุ่มวัยครึ่งศตวรรษผู้นี้เข้าแล้ว
จะออกหัวหรือก้อย ก็ต้องตามดูผลงานของท่านครับ
เรื่องโดย : บรรเจิด ทวี
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/8615