ธุรกิจ
ธนะชัย เลขวณิชกุล ผู้จัดการส่วนเครื่องเรือยนต์ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อ 2 ปีที่แล้ว รัฐบาลได้มีการลดภาษีนำเข้ายานยนต์ทางน้ำ จาก 30 เหลือเพียง 0 % ทำให้สินค้ามีราคาลดลงประมาณ 50 % ทำให้ผลิตภัณฑ์ยานยนต์ทางน้ำได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ติดหรือใกล้กับทะเล เช่น พัทยา สมุย ภูเก็ต หรือแม้แต่ กรุงเทพ ฯ ก็ได้รับความนิยม ซึ่งทำให้ตลาดโดยรวมเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 200-250 เครื่อง
ไทยยามาฮ่า ฯ
เปิดตัว เวฟ รันเนอร์
ธนะชัย เลขวณิชกุล ผู้จัดการส่วนเครื่องเรือยนต์ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อ 2 ปีที่แล้ว รัฐบาลได้มีการลดภาษีนำเข้ายานยนต์ทางน้ำ จาก 30 เหลือเพียง 0 % ทำให้สินค้ามีราคาลดลงประมาณ 50 % ทำให้ผลิตภัณฑ์ยานยนต์ทางน้ำได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ติดหรือใกล้กับทะเล เช่น พัทยา สมุย ภูเก็ต หรือแม้แต่ กรุงเทพ ฯ ก็ได้รับความนิยม ซึ่งทำให้ตลาดโดยรวมเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 200-250 เครื่อง
นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ในตลาดมีเพียงไม่กี่ยี่ห้อ คือ ยูดี คาวาซากิ และยามาฮา โดย ยามาฮา ถือว่าเป็นผู้นำตลาดมีส่วนแบ่งทางการตลาดไม่น้อยกว่า 90 % ทั้งนี้ตลาดหลักของผลิตภัณฑ์ยานยนต์ทางน้ำ 70 % จะเป็นธุรกิจการเช่า ที่เหลือจะเป็นส่วนตัว แต่คาดว่าในอนาคต จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์มีราคาที่ถูกลง ไลฟ์สไตล์ของคนหันมานิยมกีฬากลางแจ้งมากยิ่งขึ้น และจับต้องได้
ปัจจุบัน ยามาฮา เวฟ รันเนอร์ มีจำหน่ายทั้งหมด 10 รุ่น แบ่งเป็น 2 จังหวะ 4 รุ่น และ 4 จังหวะ 6 รุ่น เพื่อสนองตอบความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น จึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ยามาฮา เวฟ รันเนอร์ เอฟเอกซ์ ซีรีส์ พร้อมกันนี้ในช่วงปลายปีจะแนะนำรุ่นใหม่ โมเดล 2007 อีกหลายรุ่น
สำหรับตัวแทนจำหน่ายปัจจุบันมี 2 สาขา คือ บริษัท วัชรมารีน จำกัด สาขาพัทยา และบริษัท วัชรมารีน จำกัด สาขาภูเก็ต ซึ่งปัจจุบันการบริการหลังการขายจะใช้รถโมบายล์ให้บริการแก่ลูกค้า อย่างไรก็ตามเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ปีหน้า บริษัท วัชรมารีน จำกัด สาขาพัทยา จะขยายการให้บริการโดยการเปิดโชว์รูม ศูนย์บริการ ครบวงจร พร้อมบริการรับฝากเรือ บนพื้นที่ 4 ไร่ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 80 ล้านบาท ทั้งนี้มีความมั่นใจว่าตลาดจะเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างแน่นอน
มิตซูบิชิ
เปิดหนังโฆษณาใหม่
พินิจ งามพริ้ง ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพยนตร์โฆษณา มิตซูบิชิ สเปศ แวกอน ชุดใหม่ จะเป็นการตอกย้ำความสมบูรณ์แบบของ มิตซูบิชิ สเปศ แวกอน ที่มาพร้อมคุณสมบัติเด่น 3 ประการ คือ การออกแบบเพื่อตอบสนองชีวิตมีดีไซจ์น นวัตกรรมยานยนต์ที่ชาญฉลาด และประโยชน์ใช้สอยไร้ขีดจำกัด โดยจะเผยแพร่ในโรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีพเลกซ์ รวมถึงสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ
สำหรับการเลือกนำเสนอภาพยนตร์โฆษณาผ่านโรงภาพยนตร์นั้น นับว่าเป็นช่องทางใหม่ในการเข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น นอกเหนือไปจากการประชาสัมพันธ์แบบเดิมที่มีอยู่ ซึ่งมั่นใจว่าภาพยนตร์โฆษณษชุดนี้จะสร้างรอยยิ้ม ความประทับใจ และความรู้ความเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์ มิตซูบิชิ ได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่แล้ว บริษัทยังได้จัดอีกหนึ่งกิจกรรมทางการตลาด ด้วยการเชิญผู้ใช้รถยนต์ มิตซูบิชิ สเปศ แวกอน ทั่วประเทศ และผู้แทนจำหน่ายชมภาพยนตร์ร่วมกัน ทั้งนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม รวมถึงผู้จำหน่ายให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทมีแผนที่จะจัดกิจกรรมต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้รถยนต์ มิตซูบิชิ ทั้งในกรุงเทพ ฯ และต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า
แพลทตินัม มอเตอร์ ฯ
ขยายตลาดรถบรรทุก
สมนึก วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แพลทตินัม มอเตอร์ เซลส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าบแรนด์ พแลทินัม เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการรองรับการขยายตลาดรถบรรทุก แพลทตินัม ฯ ได้ลงทุนขยายโรงงานแห่งที่ 2 ที่จังหวัดจันทบุรี บนพื้นที่ 6 ไร่ ใช้เงินลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มทำการผลิตได้ในปีหน้า โดยขณะนี้รถบรรทุกอยู่ระหว่างการตรวจสอบมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.)
ซึ่งหากเป็นไปตามแผนที่วางไว้จะสามารถแนะนำรถสู่ตลาดในช่วงปลายปีนี้ โดยเริ่มทำตลาดทั้งหมด 6 รุ่น ได้แก่ รถบรรทุกขนาดเล็ก ที่เหมือนกับรถ เกีย เค 2700 รถบรรทุก 6 ล้อ รถบรรทุก 10 ล้อ รถมีนีบัส และรถตู้
สำหรับจุดเด่นของรถบรรทุก พแลทินัม คือ มีเครื่องยนต์ BI-FUEL คือ ใช้ได้ทั้งน้ำมัน และแกสธรรมชาติ เอนจีวี โดยมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 3-6 แสนบาท เน้นกลุ่มลูกค้าตลาดขนส่ง ตั้งเป้ายอดขายปีแรก 1,000 คัน สมนึกกล่าวต่อว่า ในส่วนของตลาดรถจักรยานยนต์ แพลทตินัม ฯ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก จากการดำเนินธุรกิจเพียงแค่ 2 ปี แต่รถได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างมาก ทำให้มั่นใจได้ในการที่จะลงทุนเพิ่มในส่วนต่างๆ โดยคาดว่าปีนี้จะมียอดขายทั้งสิ้น 1.5 แสนคัน หรือมีรายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท และคาดว่าปีหน้าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 3 แสนคัน เนื่องจากจะมีการแนะนำรถรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นอีก 40 รุ่น ตั้งเป้ามีรายได้ 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายรถบรรทุก และรถจักรยานยนต์ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้น
ในด้านการจัดจำหน่าย ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ 80 แห่ง ในปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 100 แห่ง ส่วนการให้บริการหลังการขายนั้น ได้ร่วมกับโรงเรียนอาชีวะทั่วประเทศ 150 แห่ง เพื่อดูแลและให้บริการลูกค้า สำหรับการให้บริการรถบรรทุกนั้นก็จะร่วมกับโรงเรียนอาชีวะเช่นกัน แต่จะเปิดให้บริการเพียงภาคละ 3 แห่งเท่านั้น และนอกจากการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายแล้วยังได้ร่วมกับ กระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคม จำหน่ายรถจักรยานยนต์ในราคาพิเศษแก่ผู้ใช้แรงงาน จำนวน 100,000 คัน คาดว่าจะสามารถเริ่มโครงการได้ในเร็วๆ นี้ โดยโครงการดังกล่าวมีระยะเวลา 2 ปี รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ ในการจัดกิจกรรมแคมเปญผ่อนรายวันกับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งหากเป็นไปได้จะให้ตำรวจเป็นผู้ดูแลเรื่องการเก็บเงิน
เอาดี
เปิดตัวรถใหม่ 5 รุ่น
กิตติ มาไพศาลสิน กรรมการบริหาร บริษัท ไทยยานยนตร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถ เอาดี เปิดเผยว่า บริษัท ฯ ได้ร่วมมือกับ เอาดี เอจี แนะนำรถ เอาดี รุ่นใหม่ 5 รุ่น ที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุด TDI (TURBO DIESEL DIRECT INJECTION) และ TFSI (TURBO FUEL STRATIFIED DIRECT INJECTION) ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดเครื่องยนต์ดีเซล และเบนซิน ที่สามารถรวบรวมทั้งสมรรถนะและความประหยัดน้ำมันได้อย่างยอดเยี่ยม จึงเหมาะกับการใช้งานในยุคน้ำมันแพงเป็นอย่างยิ่ง ด้วยคุณสมบัติของเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะสูง แต่ให้การประหยัดน้ำมันได้อย่างยอดเยี่ยม ดังนั้นลูกค้ายังคงได้รับความสนุกสนานในการขับขี่อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลใจกับความสิ้นเปลืองน้ำมัน จนต้องนำรถไปดัดแปลงนอกเหนือจากมาตรฐานของโรงงาน
สำหรับรถที่จะนำมาแนะนำในครั้งนี้ จะมีทั้งรถสำหรับผู้บริหารกลางและใหญ่ รถประเภท เอสยูวี และสปอร์ท ได้แก่ เอาดี เอ 4 2.0 ทีดีไอ เครื่องยนต์ 1,968 ซีซี แบบดีเซล 4 สูบ แถวเรียง พร้อมเทอร์โบชาร์จ ระบบเกียร์มัลทิทรอนิคส์และทิพทรอนิค 7 สปีด ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวล ไม่มีการสะดุดในการเปลี่ยนเกียร์
เอาดี เอ 6 2.0 TFSI เครื่องยนต์ 1,984 ซีซี แบบ 4 สูบ แถวเรียง FSI พร้อมเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังที่ยอดเยี่ยม พร้อมประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากถึง 15 % เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ขนาดเดียวกัน เอาดี เอ 6 3.0 ทีดีไอ QUATTRO เครื่องยนต์ 2,967 ซีซี แบบ วี 6 สูบ ทีดีไอ ไดเรคท์อินเจคชัน พร้อมเทอร์โบชาร์จ นอกจากนี้ยังมี QUATTRO ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ตลอดเวลา ช่วยให้การยึดเกาะถนนยอดเยี่ยม ปลอดภัยในทุกสภาพถนนทุกการเดินทาง
เอาดี คิว 7 3.0 ทีดีไอ QUATTRO รถ เอสยูวี โดดเด่นเรื่องความอเนกประสงค์ พร้อม QUATTRO ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ตลอดเวลารุ่นใหม่ล่าสุด และ เอาดี ทีที 2.0 TFSI S TRONIC เป็นรถสปอร์ทรุ่นล่าสุดของ เอาดี มีโครงสร้างตัวถังแบบ AUDI SPACE FRAME (ASF) โดยใช้อลูมิเนียม 69 % และเหล็กกล้า 31 % ทำให้รถมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นเดิม ซึ่งรถทั้ง 5 รุ่นนี้ จะทำให้ เอาดี มีรถเกือบทุกเซกเมนท์ของตลาดรถหรู พร้อมกับเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกด้วย
กู๊ดเยียร์ ฯ
เปลี่ยนกรรมการผู้จัดการใหม่
บริษัท กู๊ดเยียร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประกาศแนะนำ ริชาร์ด ฟเลมมินค์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการบริษัท โดยมีผลนับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2549 ที่ผ่านมา นอกจากจะได้รับผิดชอบงานบริหารของ กูดเยียร์ ประเทศไทยแล้ว ยังดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ กูดเยียร์ อาเซียน ซึ่งครอบคลุมส่วนเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ด้วย
ริชาร์ด ฟเลมมินค์ ผ่านประสบการณ์การทำงานทางด้านการบริหารองค์กรนานาชาติมากว่า 10 ปี ในประเทศ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินเดีย จีน โดยมีความเชี่ยวชาญทางด้านการตลาด และการวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค
สำหรับวิสัยทัศน์ในการบริหารของ ฟเลมมินค์ คือ การสานต่อรากฐานอันมั่นคงของบริษัท กับนวัตกรรมอันนำสมัย และถ่ายทอดสู่ผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพ การให้บริการที่ดีเยี่ยม สอดคล้องกับปรัชญาของ กูดเยียร์ ที่ว่าอีกขีดขั้นแห่งความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี
สิทธิผลเซลส์ ฯ
ทำไปรษณียบัตร
บริษัท สิทธิผลเซลส์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ มิตซูบิชิ พร้อมทั้ง 7 สาขา ได้แก่ สำนักงานใหญ่ หัวหมาก ลำสาลี ราชวัตร พระราม 3 พัฒนาการ ลาดพร้าว และลำลูกกา ได้จัดทำไปรษณียบัตร เป็นรูปรถยนต์ มิตซูบิชิ ทั้ง 3 แบบ คือ แลนเซอร์ สเปศ แวกอน และทไรทัน เพื่อให้ลูกค้าและผู้สนใจในการส่งไปรษณียบัตรหรือสะสม ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการของบริษัททั้ง 7 สาขา
คาร์แลค ฯ
บุกตลาดต่างประเทศ
กฤษฎ์ กาญจนบัตร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท คาร์แลค (ไทย-เยอรมัน) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการคัดเลือกจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น 1 ใน 25 บแรนด์ไทย ร่วมโรดโชว์ในต่างประเทศ โดยเริ่มที่เมืองดูไบ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทได้ทำการสำรวจตลาด ความต้องการของลูกค้า และภาวะการแข่งขัน มองเห็นว่า ดูไบ มีศักยภาพสูง ในการขยายธุรกิจคาร์แคร์ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่มีกำลังซื้อสูง และเศรษฐกิจกำลังขยายตัวไปในทิศทางที่ดี ประกอบกับธุรกิจคาร์แคร์ ยังมีอยู่น้อย และไม่เป็นที่สนใจของคนในประเทศ
สำหรับการขยายธุรกิจในต่างประเทศจะมุ่งเน้นที่การขายมาสเตอร์ ฟแรนไชส์ ด้วยราคา 10 ล้านบาท ให้แก่ผู้ประกอบการเพียงรายเดียว โดยจะมอบสิทธิในพื้นที่ บแรนด์คอนเซพท์ และ โนฮาว ให้แก่ มาสเตอร์ ฟแรนไชส์ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2550
ส่วนการขยายฟแรนไชส์ในประเทศ บริษัทได้เข้าร่วมงาน TFBO (THAILAND FRANCHISE AND BUSINESS OPPORTUNITIES 2006) คาดว่าจะสามารถขยายฟแรนไชส์ได้ครบ 50 สาขา ภายในปี 2549 โดยปัจจุบันมีอยู่ 40 สาขา พร้อมกันนี้ยังได้จัดทำระบบ CRM (CUSTOMER RELATIONS MANAGEMENT) หรือการบริหารงานลูกค้าสัมพันธ์โดยการนำระบบซอฟท์แวร์มาใช้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในการบริหารงานด้านข้อมูลให้แก่ฟแรนไชส์ และเพิ่มการบริการให้แก่ลูกค้าที่
นำรถเข้ามาใช้บริการ
เทคโนเซล (เฟรย์) ฯ
เปิดตัว โฆษณาชุดใหม่
จันทร์นภา สายสมร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟีล์มกรองแสง ลามินา เปิดเผยว่า เพื่อสื่อให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นว่า ฟีล์มกรองแสง ลามินา สามารถปกป้องคุ้มครองจากความร้อนได้ บริษัทจึงได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่พร้อมกัน 2 ชุด คือ เรสเตอรอง และ คาราโอเกะ โดยภาพยนตร์โฆษณา 2 ชุดนี้ บริษัทจะสื่อให้เห็นถึงประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันความร้อนจากแสงแดดให้แก่คนในครอบครัวทุกคน
สำหรับภาพยนตร์โฆษณาชุดแรก เรสเตอรอง เป็นฉากของครอบครัวที่มีความสุขกับการรับประทานอาหาร จากนั้นมีเสียงจากเด็กขายพวงมาลัยเคาะกระจกเพื่อขายพวงมาลัย แม่ลดกระจกลง และความร้อนจากแสงแดดก็ส่องผ่านเข้ามา แม่จึงรีบกดกระจกขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวแสงและความร้อนจะโดนตนเองและครอบครัว
ส่วนภาพยนตร์ชุดที่ 2 คาราโอเกะ เป็นบรรยากาศความสนุกสนานการร้องคาราโอเกะของกลุ่มเพื่อน แต่เมื่อชายหนุ่มต้องการเข้าห้องน้ำจึงลุกขึ้น พร้อมเดินออกไปด้านนอกแต่พบว่าด้านนอกร้อนมาก ไม่สามารถเดินต่อไปได้จึงกลับเข้ามาในรถ ซึ่งให้ความรู้สึกเย็นกว่าด้านนอก พร้อมประโยคเฉลยในตอนท้ายว่า ไม่ต้องงง เพราะรถคันนี้ติดฟีล์มกรองแสง ลามินา
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน กันยายน ปี 2549
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/8571