สุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จำกัด ผู้ผลิตตัวถังรถบรรทุก เปิดเผยถึงการร่วมทุนกับ บริษัท ตงฟง หางโจวมอเตอร์ จำกัด จากประเทศจีน ผลิต และจำหน่ายรถโดยสารเครื่องยนต์ที่ใช้ ซีเอนจีว่าบริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลิตตัวถังรถบรรทุกของไทยมานานกว่า 30 ปี การประกาศร่วมทุนในครั้งนี้ เพราะบริษัทเล็งเห็นถึงความจำเป็นในเรื่องของการใช้พลังงานทดแทน ขณะที่ราคาน้ำมันในประเทศขยับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งต้องรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ดังนั้นการใช้รถโดยสารเครื่องยนต์ที่ใช้ ซีเอนจี จึงเป็นการลดภาระต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการ

"ช.ทวี" จับมือ "ตงฟง หางโจว" ทุ่ม 200 ล้านบาท ผลิตรถบัสใช้ ซีเอนจี สุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จำกัด ผู้ผลิตตัวถังรถบรรทุก เปิดเผยถึงการร่วมทุนกับ บริษัท ตงฟง หางโจวมอเตอร์ จำกัด จากประเทศจีน ผลิต และจำหน่ายรถโดยสารเครื่องยนต์ที่ใช้ ซีเอนจีว่าบริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลิตตัวถังรถบรรทุกของไทยมานานกว่า 30 ปี การประกาศร่วมทุนในครั้งนี้ เพราะบริษัทเล็งเห็นถึงความจำเป็นในเรื่องของการใช้พลังงานทดแทน ขณะที่ราคาน้ำมันในประเทศขยับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งต้องรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ดังนั้นการใช้รถโดยสารเครื่องยนต์ที่ใช้ ซีเอนจี จึงเป็นการลดภาระต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการ ส่วนการตัดสินใจเลือก ตงฟง หางโจว เป็นผู้ร่วมทุนในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ในการผลิตรถโดยสารเครื่องยนต์ที่ใช้ ซีเอนจี มากว่า 5 ปี โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ๆ ของประเทศจีน เช่น ปักกิ่ง/เสิ่นเจิน/ลางตู และเซี่ยงไฮ้ มีการใช้งานรถประเภท นี้กันอย่างแพร่หลาย สำหรับการร่วมทุนบริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จำกัด จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยจะลงทุนขยายไลน์ผลิตรถโดยสารเครื่องยนต์ที่ใช้ ซีเอนจี อีกประมาณ 200 ล้านบาท ที่โรงงานในจังหวัดขอนแก่น คาดว่าภายใน 6 เดือนจะสามารถทำการผลิตได้ กำลังการผลิตอยู่ที่ 100-150 คัน ส่วนในระยะแรก บริษัทตั้งเป้าการขายไว้ 100 คัน โดยจะเป็นการนำเข้ารถยนต์ทั้งคัน (ซีบียู) จากประเทศจีนมาทำตลาดก่อน ด้าน หวู เหวิ่นหมิง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ตงฟง หางโจว มอเตอร์ จำกัด ประเทศจีน เปิดเผยว่า บริษัทมีประสบการณ์ในการผลิตรถเชิงพาณิชย์เป็นอย่างดี ซึ่งรถโดยสารของบริษัทเป็นรถที่ทันสมัยที่สุดในจีน และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ใช้เทคโนโลยีการประกอบตัวถังจาก ฟูจิ เฮวีอินดัสเตรียล ประเทศ ญี่ปุ่น นอกจากนี้ นโยบายของบริษัทยังเน้นที่ดีไซจ์นของรถ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงความปลอดภัยเป็นหัวใจหลัก ซึ่งบริษัทได้นำมาใช้ในการออกแบบและพัฒนาวิจัย จนได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ การทำตลาดรถโดยสารที่ใช้ ซีเอนจี ไทยจะเป็นตลาดหลัก มีราคาจำหน่ายคันละ 8 ล้านบาท โดยบริษัทจะใช้ความได้เปรียบของรถที่มีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่า เนื่องจากชิ้นส่วนราคาถูก คาดว่าภายในระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้ รถโดยสารที่ใช้ ซีเอนจี จะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ จะใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศเวียดนาม ตามข้อตกลงของอาฟตา สำหรับการผลิตในระยะแรก นำเข้าชิ้นส่วนจากจีนประมาณ 60 % คาดว่าภายใน 3 ปี จะสามารถใช้ชิ้นส่วนในประเทศได้เพิ่มขึ้น ตั้งเป้าไว้ที่ 50 % ของกำลังการผลิต ส่วนเป้าหมายจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้ประกอบการขนส่งเป็นหลัก เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันโดยตรง ซึ่งการหันมาใช้รถประเภทนี้ จะทำให้ผู้ประกอบการขนส่ง มีต้นทุนด้านราคาเชื้อเพลิงลดลงอย่างมาก จากการทดลองใช้สามารถลดต้นทุนพลังงานได้ถึง 25-28 % อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ประมาณ 2-2.4 กม./กก. ระยองเพียว ฯ เปลี่ยนชื่อ และตราประทับบริษัทในเครือ ศิรพร กฤษณกาญจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนชื่อ และตราประทับบริษัทในเครือ จากบริษัท โยธินปิโตรเลียม จำกัด เป็นบริษัท เพียวพลังงานไทย จำกัด ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความสอดคล้องระหว่างชื่อบริษัท และสถานีบริการน้ำมัน "เพียว" มีผลใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2549 เป็นต้นไป บริษัท โยธินปิโตรเลียม จำกัด เป็นบริษัทในเครือที่ ระยองเพียว ฯ ถือหุ้นใหญ่ 99.99 % และดำเนินธุรกิจค้าปลีกน้ำมันภายใต้ชื่อสถานีบริการน้ำมัน เพียว การเปลี่ยนแปลงชื่อและตราประทับ เพื่อต้องการสร้างความเป็นหนึ่งเดียว รวมถึงเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่พนักงาน ในการที่จะดำเนินธุรกิจไปในทิศทางเดียวกัน ในปี 2549 บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายสถานีบริการเพิ่มขึ้นให้ครบ 100 สถานี จากปัจจุบันมีสถานีบริการอยู่ 35 แห่งทั่วประเทศ