ณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ กรรมการในคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพ (กชช.) เปิดเผยว่า ปัญหาของการส่งเสริมการใช้แกสโซฮอล 95 ขณะนี้อยู่ที่สถานการณ์ความไม่ชัดเจนของราคาเอธานอล ที่เป็นส่วนประกอบหลักของแกสโซฮอล โดยผู้ผลิต และผู้รับซื้อยังไม่สามารถตกลงราคาที่มีความเหมาะสมได้ ซึ่ง กชช. ได้นำเสนอปัญหาดังกล่าวต่อ วิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในการพิจารณาหาแนวทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อให้นโยบายยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน ออคเทน 95 เป็นไปตามเป้าหมายเดิมภายในต้นปี 2550

กชช. เดินหน้ายกเลิกเบนซิน 95 ต้นปี 2550 ณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ กรรมการในคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพ (กชช.) เปิดเผยว่า ปัญหาของการส่งเสริมการใช้แกสโซฮอล 95 ขณะนี้อยู่ที่สถานการณ์ความไม่ชัดเจนของราคาเอธานอล ที่เป็นส่วนประกอบหลักของแกสโซฮอล โดยผู้ผลิต และผู้รับซื้อยังไม่สามารถตกลงราคาที่มีความเหมาะสมได้ ซึ่ง กชช. ได้นำเสนอปัญหาดังกล่าวต่อ วิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในการพิจารณาหาแนวทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อให้นโยบายยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน ออคเทน 95 เป็นไปตามเป้าหมายเดิมภายในต้นปี 2550 ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตอบรับที่จะเร่งเข้าไปดูแลในด้านดังกล่าวแล้ว ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับระดับราคารับซื้อ จากปัจจุบันผู้ซื้อ (ผู้ค้าน้ำมัน) ต้องการอยู่ที่ 19 บาท/ลิตร เป็น 21-22 บาท/ลิตร เพื่อให้มีความเหมาะสมกับต้นทุนวัตถุดิบ เช่น โมลาส และมันสำปะหลัง มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัญหาราคาส่งผลกระทบต่อการสร้างแรงจูงใจในการผลิตเอธานอลป้อนสู่ตลาด โดยในกรณีที่ระดับการรับซื้อต่ำ จะมีเพียงผู้ผลิต (โรงงาน) จากมันสำปะหลัง อาทิ บริษัท ไทยง้วน เอทานอล จำกัด กำลังการผลิต 70,000 ลิตร/วัน เท่านั้น ที่ยังสามารถเดินเครื่องผลิตได้ ในขณะที่โรงงานอื่นๆ ที่ใช้โมลาส เช่น บริษัท ขอนแก่นแอลกฮอล์ จำกัด กำลังการผลิต 100,00 ลิตร/วัน แจ้งว่าจะหยุดการผลิต ภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2549 นี้ ในขณะที่บริษัท ไทยอะโกร เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด กำลังการผลิต 100,000 ลิตร/วัน แจ้งว่าจะหยุดการผลิตภายในสิ้นเดือนเมษายน หากยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาทางด้านราคา หากจะมีการยกเลิกเบนซิน ออคเทน 95 ให้เป็นไปตามแผน จะต้องแก้ไขปัญหาด้านการผลิตเอธานอลให้แล้วเสร็จก่อน ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีปริมาณเอธานอลเพียงพอสำหรับการใช้แกสโซฮอล ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าระดับราคาที่ผู้ซื้อหรือผู้ค้าน้ำมันต้องการอยู่ที่ 19 บาท/ลิตร นั้นต่ำเกินไป ทั้งนี้หากจะราคาสูงถึง 23 บาท/ลิตร ตามที่ผู้ผลิต หรือโรงงานร้องขอก็มากเกินไป อย่างไรก็ตามระดับราคาที่สูงขึ้น จะส่งผลทำให้บางบริษัทที่ใช้วัตถุดิบจากมันสำปะหลังที่มีต้นทุนต่ำ ได้กำไรมากกว่าที่ควรบ้าง แต่ก็จะเป็นการปกป้องกำลังการผลิตของอุตสาหกรรมโดยรวมให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการภายในตลาด โดยรัฐอาจจะเข้าไปดูแลในด้านของการปรับเงินเข้ากองทุน หรือลดส่วนต่างราคาแกสโซฮอลกับน้ำมันเบนซิน จาก 1.50 บาทลง เพื่อเข้าไปช่วยผู้ค้าน้ำมันก็เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณา ปัจจุบันโรงงานที่ได้รับการอนุมัติผลิตเอธานอลทั้ง 6 ราย ได้แก่ พรวิไล อินเตอร์เนชั่นแนล/ไทยอะโกรเอ็นเนอร์ยี่/ไทยง้วนเอทานอล/อินเตอร์เนชั่นแนลแก๊สโซฮอล์ และขอนแก่นแอลกอฮอล์ สามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ อย่างไรก็ตาม ภายในกลางปี 2550 จะมีโรงงานผู้ผลิตอีกอย่างน้อย 2 แห่ง ทยอยผลิตเอธานอลเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ปริมาณเอธานอลจะมีมากกว่า 1.5 ล้านลิตร/วัน ในขณะที่ความต้องการใช้จริง เพื่อทดแทนการใช้น้ำมันเบนซิน ออคเทน 95 มีเพียง 8.5 แสนลิตร/วัน จึงทำให้มีความเป็นไปได้ว่า จะมีปริมาณเอธานอลมากเกินความต้องการแน่นอน ดังนั้น รัฐบาลจึงอาจต้องเร่งขยายการใช้แกสโซฮอล 91 ของประเทศไปพร้อมกันด้วย ด้าน สมชาย โล่ห์วิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอะโกร เอนเนอร์ยี จำกัด เปิดเผยว่า เอธานอลที่บริษัทน่าจะรับได้จะอยู่ที่ประมาณ 23 บาท/ลิตร เนื่องจากได้มีการตกลงราคาโมลาสจากบริษัท มิตรผล ฯ ในราคา 50 เหรียญสหรัฐ/ตัน ประมาณ 50 %ของกำลังการผลิต และอีก 50 % เป็นราคาตลาดโลกและหากกระทรวงพลังงานตัดสินใจนำเข้าเอธานอลแทนการซื้อในประเทศ คาดว่าจะต้องนำเข้าในราคาไม่ต่ำกว่า 23 บาท/ลิตรเช่นกัน อย่างไรก็ตามการผลิตเอธานอลจากโมลาส มีต้นทุนที่สูงกว่าการผลิตจากมันสำปะหลังมาก ซึ่งในอนาคตหากประเทศไทยมีการผลิตเอธานอลที่มีรูปแบบการแข่งขันกันอย่างสมบูรณ์ บริษัทเองก็จะต้องเริ่มปรับเปลี่ยนไปใช้วัตถุดิบราคาต่ำเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการก่อสร้างโรงงานเอธานอลจากมันสำปะหลังขึ้น กำลังการผลิต 300,000 ลิตร/วัน จะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งกำหนดจะมีสัดส่วนป้อนการใช้ในประเทศ และส่งออก อย่างละ 50% ปตท. เร่งส่งเสริมเอนจีวี จิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจก๊าชธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ปตท.อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับกระทรวงพลังงานในการเร่งส่งเสริมใช้ก๊าชธรรมชาติ (เอนจีวี )สำหรับรถแทกซี ด้วยการจัดสรรเงินเข้าไปช่วยเหลือในการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์เพิ่มเติมจากคันละ 10,000 บาท เป็น 20,000-30,000 บาท หรือประมาณ 50%ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 40,000-50,000 บาทต่อคัน โดยมีเป้าหมายไม่น้อยกว่า 30,000 คัน คาดว่าจะใช้เงินไม่น้อยกว่า 600-1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเบื้องต้นแผนที่จะหาเงินงบประมาณที่จะนำมาใช้ในโครงการดังกล่าวมีแผนส่งออกกาชหุงต้ม (แอลพีจี)เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาแอลพีจีในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยตันละกว่า 500 เหรียญสหรัฐ แต่ราคาขายในประเทศอยู่ที่ตันละ 315 เหรียญสหรัฐ ซึ่งเงินส่วนต่างที่ได้จะนำเข้ามาดำเนินโครงการสนับสนุนตามที่กล่าวไป ปัจจุบัน กาชหุงต้มเป็นเชื้อเพลิงอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความสนใจค่อนข้างมาก เพราะราคาถูก เพราะรัฐเข้าไปรับภาระชดเชยราคาให้ตลาดสามารถขายต่ำกว่าราคาตลาดโลก ขณะเดียวกันรัฐบาลมีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าจะยกเลิกการชดเชยดังกล่าวภายในสิ้นปีนี้ ดังนั้นจึงต้องเร่งสร้างความเข้าใจกับประชาชนที่จะต้องใช้ก๊าชหุงต้มในราคาสูงขึ้น ซึ่งการหันไปส่งออกแอลพีจีนี้จะนำเงินจากส่วนต่างที่ได้มาช่วยส่งเสริมให้ผู้บริโภคหันมาเปลี่ยนเครื่องยนต์ อุปกรณ์ใช้เชื้อเพลิงเอนจีวีมากขึ้น ขณะเดียวกันเอนจีวีราคาเพียงลิตรละ 8.50 บาทเท่านั้น ทั้งนี้ปตท.จะดำเนินการส่งเสริมปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์มาใช้เอนจีวี ควบคู่ไปกับการเร่งขยายสถานีบริการให้ครอบคลุมรองรับความต้องการของผู้ใช้เพิ่มขึ้น โดยในปี 49 ปตท.ตั้งเป้าขยายปั๊มเอนจีวีเป็น 160 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ท่อก๊าซไปถึง มีเป้าหมายส่งเสริมให้มีรถยนต์เอนจีวีให้ได้ไม่ต่ำกว่า 60,000-70,000 คันทั่วประเทศ