ทดสอบ
พิสูจน์สมรรถนะทั้งรุ่น 4x4 และ 4x2
บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรมทดสอบรถ พิคอัพ มาซดา บีที-50 พิคอัพใหม่ล่าสุดที่ปรับเปลี่ยนรูปโฉมทั้งภายใน/ภายนอก รวมถึงเครื่องยนต์คอมมอนเรลที่มีความทันสมัย ประหยัด มีให้เลือกทั้งขนาด 2,500 และ 3,000 ซีซี ซึ่งจัดเป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่มีแรงบิดสูงมากในตลาดพิคอัพเมืองไทย
โดยการทดสอบครั้งนี้ใช้เส้นทาง เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน เพื่อพิสูจน์สมรรถนะของ บีที-50 ในเส้นทางที่เต็มไปด้วยโค้งขึ้นและลงเขานับพันโค้ง ซึ่ง 4 WHEELS มีโอกาสทดลองขับทั้งในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และ 2 ล้อ
ภายนอก
โค้งมน แบบเอสยูวี
บีที-50 เน้นสไตล์การออกแบบรูปทรงโค้งมน สไตล์ ทรีบิวท์ เอสยูวียอดนิยมของ มาซดา ฝากระโปรงด้านหน้าแบบลาดเอียง มีแนวเส้นโค้งมนรับกับกันชนหน้าได้อย่างลงตัว โดยออกแบบเป็นชิ้นเดียวกัน กระจังหน้าขนาดใหญ่ ทรง 5 เหลี่ยม เส้นกลางมีโลโก มาซดา ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ กันชนหน้าติดตั้งไฟตัดหมอกมาด้วย
ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ไม่มีไฟตัดหมอกให้มา ไฟหน้ารูปทรงโค้งมนดวงใหญ่ แบบมัลทิรีเฟลคเตอร์ อยู่ในโคมเดียวกับไฟหรี่และไฟเลี้ยวที่ตกแต่งด้วยกรอบไฟสีเทาจากภายใน ช่วยให้รถดูทันสมัยแปลกตา ด้านข้างในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะติดตั้งโป่งข้างขนาดใหญ่ ฝั่งล้อหลังขวาโป่งจะถูกออกแบบให้เว้าหลบฝาถังน้ำมันซึ่งดูขัดตาไปบ้าง
บันไดข้างเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่มากับรถ ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ไม่มีทั้งบันไดและโป่งข้าง กระจกมองข้างขนาดใหญ่ขึ้น มองเห็นชัดเจน กระบะหลังขนาดใหญ่ รูปทรงเหลี่ยมสัน รับกับส่วนบนของหลังคา และด้านข้างตัวรถได้ดี ฝากระบะท้ายขนาดใหญ่ มีโลโกสัญลักษณ์ มาซดา และบีที-50 พร้อมที่เปิดอยู่ตรงกลาง
มือจับประตูและกระจกมองข้างในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มีทั้งแบบโครเมียมและสีเดียวกับตัวรถ ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ใช้แบบสีเดียวกับตัวรถ ไฟท้ายออกแบบใหม่ พร้อมเสริมกรอบสีเทาครอบไฟเลี้ยวอยู่ด้านใน ดูทันสมัยแปลกตา ไฟเบรคดวงที่ 3 อยู่ด้านบนของหลังคาด้านท้าย มองเห็นชัดเจน กันชนหลังใช้สีเดียวกับตัวรถ ด้านบนเสริมยางกันลื่น ขึ้น/ลงสะดวก
ภายใน
แบบใหม่ สวยล้ำ
มาซดา ใช้แนวคิดการออกแบบทางสรีรศาสตร์ที่เรียกว่า HUMAN-MACHINE INTERFACE (HMI) ที่เน้นการออกแบบอุปกรณ์ให้สอดคล้องกับการใช้งานของผู้ขับขี่ คอนโซลกลางสีทูโทน ดำตัดครีม ดูแข็งแกร่งบึกบึน พวงมาลัย 3 ก้านแบบสปอร์ทขนาดใหญ่ วิทยุแบบซีดี 6 แผ่น และเอมพี 3 ได้รับการออกแบบให้ดูกลมกลืนไปกับคอนโซล ครอบด้วยกรอบสีเงิน ยาวไปจนถึงปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ ลำโพงแบบแยกชิ้น ฝังลำโพงเสียงแหลมไว้ตรงเสาเอด้านหน้า
ช่องแอร์ด้านข้างทรงกลม ส่วนตรงกลางเป็น 4 เหลี่ยมแนวยาวรับกับทรงของวิทยุ ต่ำลงมาจากวิทยุ มีช่องขนาดใหญ่สามารถเก็บของได้เยอะ พร้อมไฟส่องสว่างตอนกลางคืน ใกล้คันเกียร์มีช่องวางแก้วน้ำ 2 จุด ตำแหน่งที่วางแขน มีกล่องเก็บของ 2 ชั้น เช่นเดียวกับลิ้นชักหน้าคอนโซล ที่สามารถเก็บของและเอกสารแยกจากกันเป็นสัดส่วน
คันเกียร์ภายในออกแบบสวยงามจับกระชับมือ ทั้งในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ แต่เบรคมือจัดวางแบบเก่า ดูโบราณย้อนยุคและใช้งานยากไปนิด บนหลังคาติดตั้งไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารและไฟส่องแผนที่ เข็มขัดนิรภัยปรับสูง/ต่ำได้ นอกจากนี้ยัง
เข้า/ออกแบบฟรีสไตล์ แคบ เปิดประตูห้องโดยสารและแคบแบบตู้กับข้าว พร้อมช่องเก็บของด้านข้างทั้งประตูและแคบ ที่มีมาให้อย่างจุใจ สามารถวางขวด กระป๋องน้ำ และเก็บของเล็กน้อยได้สบาย
หลังจากได้เข้ามาภายในห้องโดยสาร บีที-50 ดูน่าตื่นตาตั้งแต่กุญแจเปิดแบบรีโมทคอนทโรล พับเก็บได้ นอกจากนี้ภายในยังออกแบบใหม่ทั้งหมด ดูสวยงามทันสมัย กลางคืนตัวเลขเรือนไมล์เป็นสีเขียวดูสวยงาม เข้ากับสีของจอเครื่องเสียง พวงมาลัยขนาดใหญ่จับกระชับมือ ช่องเก็บของรอบคันออกแบบให้ดูหลากหลาย เก็บของได้เยอะ คอนโซลหน้าออกแบบให้เป็นทั้งที่เก็บของและลิ้นชัก เบาะนั่งขนาดใหญ่นั่งสบายโอบกระชับลำตัว เสียงเครื่องยนต์จากภายนอกค่อนข้างเงียบ ช่วยให้สามารถเก็บเสียงภายในห้องโดยสารได้อย่างดีเยี่ยม
เครื่องยนต์
2 แบบ ประหยัด แรงบิดเยอะ
เครื่องยนต์ได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งหมด เน้นความทันสมัย ด้วยระบบคอมมอนเรล ประหยัด และมีพละกำลังสูง มีให้เลือกทั้งขนาด 2,500 ซีซี และ 3,000 ซีซี
เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร 2,500 ซีซี รหัส MZR-CD (WLC) ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า ที่ 3,500 รตน. แรงบิด 33.6 กก.-ม. ที่รอบเครื่อง 1,800 รตน. ซึ่งจัดเป็นเครื่องยนต์ ที่มีแรงบิดสูงที่รอบต่ำ และดีที่สุดในตลาดพิคอัพเมืองไทยในขณะนี้
เครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร 3,000 ซีซี รหัส MZR-CD (WEC) ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 3,200 รตน. และให้แรงบิดสูงถึง 38.7 กก.-ม. ที่ 1,800 รตน. เป็นเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงที่สุดในเครื่องยนต์ระดับเดียวกันในตลาดพิคอัพเมืองไทย
นอกจากนี้เครื่องยนต์ MZR-CD ยังเปลี่ยนรูปแบบของวาล์วจากเพลาราวลิ้นเดี่ยวเหนือฝาสูบ ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (SOHC) 12 วาล์ว มาเป็นแบบเพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) 16 วาล์ว ไดเรคท์อินเจคชัน กระเดื่องวาล์วแบบโรลเลอร์ ไทร์ ลดแรงด้านระหว่างกระเดื่องวาล์วกับชุดแคมชาฟท์ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยปั๊มแรงดันสูง ระบบหัวฉีดคอมมอนเรล ที่ตั้งแรงดันสูง ถึง 1,600 บาร์
มาซดา ยังนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย ระบบเทอร์โบแปรผัน VGT (VARIABLE GEOMETRY TURBOCHARGER) ออกแบบท่อไอดีแบบ DOUBLE HELICAL INTAKE PORT พร้อมกล่องอีซียู แบบ 32 บิท ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ฉีดจ่ายน้ำมันได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์
และยังคำนึงถึงมลพิษ และสิ่งแวดล้อม ด้วยการติดตั้งระบบลดมลพิษ EXHAUST GAS RECIRCULATION ทำหน้าที่หมุนเวียนไอเสียบางส่วน มาช่วยลดอุณหภูมิการจุดระเบิด และยังลดแรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ด้วยการติดตั้งแกนบาลานศ์-ชาฟท์ ช่วยลด
อาการสั่นสะเทือน ทำให้เครื่องยนต์เงียบขึ้น
ทำงานร่วมกันเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ที่ออกแบบมาสำหรับรองรับเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงได้เป็นอย่างดี การออกแบบในชุดเกียร์ 1-2 นั้น ใช้ชุดเฟืองแบบ TRIPLE-CONE SYNCHRONIZERS เข้ามาช่วยการเปลี่ยนเกียร์ให้ราบรื่นดีขึ้น ส่วนชุดคลัทช์ เปลี่ยนมาใช้แบบ DUAL-MASS FLYWHEEL เป็นฟลายวีลแบบให้ตัวได้ ช่วยลดเสียงการทำงานของชุดเกียร์ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้กับรถเก๋งระดับหรู และรถยุโรป ที่มีแรงบิดสูง
หลังจากที่ได้ลองขับในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ เครื่องยนต์ 2,500 ซีซี รหัส MZR-CD (WLC) ใหม่ ที่น่าประทับใจคือ กำลังของเครื่องยนต์ที่สามารถรีดออกมาได้อย่างเต็มที่ ไม่ต่างจากรุ่นเดิมที่เคยสร้างชื่อในเรื่องความแรงมาแล้ว และมีแรงบิดสูงที่รอบต่ำ ซึ่งเป็นผลมาจากระบบเทอร์โบแปรผันทำงานได้ดี แม้ต้องรอรอบเครื่องยนต์ให้ถึง 1,800 รตน. เทอร์โบสามารถสร้างพละกำลังในการฉุดกระชากตัวรถได้อย่างรวดเร็ว จัดเป็นเครื่องยนต์ที่ขับสนุก นอกจากนี้ การเปลี่ยนเกียร์ยังทำได้นุ่มนวล ไม่มีอาการกระตุกกระชากให้เห็น
ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 3.0 ลิตร เครื่องยนต์ 3,000 ซีซี รหัส MZR-CD (WEC) ลองขับเส้นทางขึ้น/ลงเขา รู้ถึงกำลังเครื่องยนต์ที่มีมาให้มาก โดยเฉพาะเแรงบิด เมื่อรถจอดกับที่แล้วกดคันเร่งตั้งแต่ออกตัว จนรอบเครื่องยนต์ถึง 1,800 รตน. รถพุ่งออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง เมื่อชะลอความเร็วในโค้งแล้วกดคันเร่งทันที ล้อหลังฟรีทิ้งให้เห็นจนต้องคอยแต่งพวงมาลัยช่วยในบางครั้ง ทำให้รู้ถึงแรงบิดที่มาก จนสามารถฉุดกระชากตัวรถขึ้นเนินไปได้อย่างรวดเร็ว
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ยังใช้แบบเดียวกับรุ่นเดิม นอกจากนี้ยังใช้ชุดเกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์ ที่ทำงานควบคู่กับสวิทช์ RFW (REMOTE FREE WHEEL HUB LOCK) สามารถตัดต่อการทำงานของระบบขับเคลื่อนได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส นอกจากนี้รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ยังมีระบบเฟืองท้ายแบบลิมิเทด สลิพ ที่จะทำงานทันทีเมื่อล้อหลังข้างใดข้างหนึ่งหมุนฟรี แรงบิดทั้งหมดจะถูกถ่ายไปยังล้ออีกข้างหนึ่งที่ยังสัมผัสพื้น
หลังจากลองขับในสนามสำหรับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ได้สร้างขึ้น โดยจัดเตรียมอุปสรรคในรูปแบบต่างๆ ทั้งร่องตัววี เนินสลับ บ่อโคลน ขึ้น/ลงเนินชัน บีที-50 สามารถผ่านอุปสรรคได้อย่างสบาย เพียงแค่เติมคันเร่งบ้างในบางช่วง
ระบบรองรับ
นุ่มหนึบ นั่งสบาย
มาซดา บีที-50 ใช้ระบบรองรับหน้า แบบปีกนกคู่ (ดับเบิลวิชโบน) พร้อมทอร์ชันบาร์ ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ เพราะยังให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งทนทาน เหมาะสำหรับใช้งานในสภาพถนนเมืองไทย โดยนำมาพัฒนาให้มีความนุ่มนวลมากขึ้น
นอกจากนี้ชอคอับยังเลือกใช้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่ขึ้นเป็น 32 มม. นุ่มนวลทนทาน ดูดซับแรงกระแทกได้ดี ด้านหลังใช้แบบแหนบแผ่นซ้อนติดตั้งเหนือเพลา ปรับปรุงความยาวของแหนบให้ยาวถึง 1,320 มม. ซึ่งจะทำให้มีความนุ่มนวลสูงขึ้น รองรับงานหนัก/เบาได้อย่างสบาย นอกจากนี้ยังติดตั้งเหล็กกันโคลงหลัง เพื่อสร้างความสมดุล และลดการโคลงตัวของรถ
ระบบเบรคด้านหน้าแบบจาน ด้านหลังแบบดุม ปรับปรุงวาล์วปรับแรงดันน้ำมันเบรค LSPV ใช้ท่อทางเดินน้ำมันที่สั้นลง ใช้ปริมาณน้ำมันเบรคน้อย และยังช่วยให้เบรคทำงานได้เร็วขึ้น
เมื่อลองขับในเส้นทาง เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ผ่านโค้งกว่า 1,500 โค้ง ทำให้สามารถสัมผัสกับระบบรองรับของ มาซดา บีที-50 ได้อย่างเต็มที่
ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่นำมาทดสอบ ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร รหัส MZR-CD (WLC) สามารถเห็นถึงสมรรถนะของระบบรองรับได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการควบคุมพวงมาลัยในโค้ง ทำได้ดี ไม่มีอาการโยนตัวของรถมาก ซึ่งเป็นผลจากการปรับปรุงแกนชอคอับให้ใหญ่ขึ้น และแหนบหลังยาวขึ้น ผ่านเส้นทางทุรกันดารบางช่วง ตัวรถไม่กระเด้งกระดอนมาก ขับสบายแน่นหนึบดี ระบบเบรคไว้ใจได้เพราะมีเอบีเอส ทำงานรวดเร็ว สามารถควบคุมการลื่นไถลของรถได้
รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่นำมาลองขับ เป็นเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร รหัส MZR-CD (WEC) เครื่องยนต์แรง ขับสนุก ทำให้ในโค้งลองใช้ความเร็วสูง ยังควบคุมพวงมาลัยได้ดี นอกจากนี้ยังรู้สึกถึงความนุ่มนวลมากขึ้นกว่าเดิม แน่นหนึบทั้งบนทางเรียบ และทางฝุ่น
สรุป
มาซดา บีที-50 เป็นพิคอัพเลือดใหม่ ที่ปรับปรุงรูปโฉมภายนอกให้บึกบึน ทันสมัย พร้อมเข้ามาลุยตลาดในเมืองไทยอย่างเต็มที่ เพราะมีอาวุธใหม่ๆ มาต่อกรกับคู่แข่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์คอมมอนเรล ที่มีแรงบิดสูง ระบบเกียร์ใหม่ ห้องโดยสารทันสมัย
พร้อมแคบเปิดได้ น่าจะกลับมาสร้างความนิยมให้กับลูกค้าพิคอัพในเมืองไทยได้อีกรุ่น
ข้อมูลจำเพาะ มาซดา บีที-50
ผู้ผลิต และจำหน่าย
บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 0-2686-4900
รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ฟรีสไตล์ แคบ รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ฟรีสไตล์ แคบ
มิติและน้ำหนัก
กว้าง/ยาว/สูง (มม.) 1,715/5,076/1,622 1,807/5,169/1,750
ความยาวฐานล้อ (มม.) 2,985 3,000
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง (ลิตร) 63 70
เครื่องยนต์ รหัส MZR-CD (WLC) รหัส MZR-CD (WEC)
ชนิด ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ 4 สูบเรียง ไดเรคท์อินเจคชัน อินเตอร์คูเลอร์
ความจุ (ซีซี) 2,499 2,953
กำลังสูงสุด (พีเอส/รตน.) 145/3,500 156/3,200
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 33.6/1,800 38.7/1,800
ระบบจ่ายชื้อเพลิง ปั๊มหัวฉีด ควบคุมด้วยระบบอีเลคทรอนิค
ระบบขับเคลื่อน (ล้อ) 2 (หลัง) 4 (พาร์ทไทม์)
ระบบถ่ายทอดกำลัง
ธรรมดา (จังหวะ) เดินหน้า 4 ถอยหลัง 1
ระบบรองรับ
หน้า ปีกนกคู่ ดับเบิลวิชโบน ทอร์ชันบาร์ ชอคอับ
หลัง แหนบแผ่นซ้อน พร้อมชอคอับไขว้ทแยงมุม
ระบบบังคับเลี้ยว ลูกปืนหมุนวน พร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง
ระบบห้ามล้อ
หน้า จาน พร้อมช่องระบายความร้อน
หลัง ดุม
ขนาดล้อหน้า/หลัง (นิ้ว) 15 16
เรื่องโดย : ณัฐเวช ยอดแสง
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : ทดสอบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/8455