จิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจก๊าชธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้กระทรวงพลังงานจะมีนโยบายชัดเจนในการส่งเสริมใช้พลังงานทดแทนในปีนี้ แต่ในส่วนของแกส เอนจีวี คงไม่สามารถดำเนินการได้เต็มที่ โดยเฉพาะการขยายสถานีบริการ เอนจีวี เนื่องจากบริษัทน้ำมันหลายแห่ง เช่น บางจาก เชลล์ ซึ่งก่อนหน้านี้ออกมายืนยันจะร่วมสนับสนุนนโยบายดังกล่าว ก็มีแผนชะลอการลงทุน ส่งผลให้ปัจจุบันมีเพียงกลุ่ม ปิโตรนาส ที่เป็นบริษัทข้ามชาติรายเดียว ยังแสดงความสนใจที่จะร่วมทุนกับ ปตท. ในการขยายจุดบริการสถานี เอนจีวี

ปตท. หวั่นนโยบายหนุนใช้ เอนจีวี ไม่คืบ จิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจก๊าชธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้กระทรวงพลังงานจะมีนโยบายชัดเจนในการส่งเสริมใช้พลังงานทดแทนในปีนี้ แต่ในส่วนของแกส เอนจีวี คงไม่สามารถดำเนินการได้เต็มที่ โดยเฉพาะการขยายสถานีบริการ เอนจีวี เนื่องจากบริษัทน้ำมันหลายแห่ง เช่น บางจาก เชลล์ ซึ่งก่อนหน้านี้ออกมายืนยันจะร่วมสนับสนุนนโยบายดังกล่าว ก็มีแผนชะลอการลงทุน ส่งผลให้ปัจจุบันมีเพียงกลุ่ม ปิโตรนาส ที่เป็นบริษัทข้ามชาติรายเดียว ยังแสดงความสนใจที่จะร่วมทุนกับ ปตท. ในการขยายจุดบริการสถานี เอนจีวี เนื่องจากมีศักยภาพทั้งด้านเงินทุน และการขยายพื้นที่ ระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจาเพื่อทำสัญญา คาดว่าจะสรุปได้ภายในปี 2549 สาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทน้ำมันชะลอการลงทุนเป็นเรื่องของเงินลงทุน เมื่อเทียบอัตราผลตอบแทนยังไม่คุ้มค่า เนื่องจากต้องใช้เงินทุนค่อนข้างสูง ในการติดตั้งอุปกรณ์ และการวางท่อเชื่อมโยงระบบท่อแกสของ ปตท. รวมถึงการลงทุนในด้านขนส่งหากห่างไกลจากแนวท่อส่งแกส ประกอบกับปัจจุบันรัฐบาลได้กำหนดโครงสร้างราคาขายปลีกไว้เพียง 8.50 กก./บาท ในขณะที่ราคาต้นทุนการจำหน่ายสูงถึง 6.60 กก./บาท มีส่วนต่างของผลตอบแทนการลงทุนไม่ถึง 2 กก./บาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ เงินเดือนพนักงาน จึงทำให้สถานีบริการไม่มีผลกำไร จึงทำให้บริษัทน้ำมันหลายรายที่เคยแสดงความสนใจ ต้องหันกลับไปทบทวน และชะลอแผนการลงทุนออกไป แต่ก็เชื่อว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น เพราะทิศทางราคาน้ำมันที่ยังสูงขึ้นจะทำให้ส่วนต่างของราคาน้ำมันกับ เอนจีวี มีมากขึ้น และอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ประชาชนหันกลับมาให้ความสนใจ เอนจีวี แทน ส่งผลให้กระทรวงพลังงานต้องปรับโครงสร้างราคาด้วย ดังนั้นบริษัทน้ำมันจะกลับมาให้ความสำคัญกับการขยายสถานีบริการอีกในที่สุด จิตรพงษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันความนิยมในการใช้แกส เอนจีวี ยังไม่ได้รับความสนใจจากประชาชนเท่าที่ควร เนื่องจากผู้ใช้รถยนต์ส่วนบุคคล หันไปให้ความสนใจกับการใช้แกสหุงต้ม (แอลพีจี) มากกว่า เพราะไม่มีความผันผวนทางด้านราคา เพราะทางรัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนในการเข้าไปชดเชยจากผู้ค้าน้ำมัน และมาตรการผ่านทางด้านการช่วยเหลือจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อทำให้ราคาขายต่ำกว่าราคาจริงในตลาดโลก โดยปัจจุบันราคาถูกตรึงไว้ที่ 315 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในขณะที่ราคาตลาดจริงได้ปรับไปถึง 500 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งทำให้สัดส่วนความต้องการใช้แกสหุงต้มของผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวมีสูงถึง 50,000 คัน มีปริมาณความต้องการใช้แกสหุงต้ม สูงถึง 1,000 ตัน/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2547 มากกว่า 10 % และทำให้ผู้ค้าน้ำมันต้องเข้าไปชดเชยส่วนต่างราคา คิดเป็นมูลค่ากว่า 8,000 บาท/ตัน อย่างไรก็ตามภาครัฐมีนโยบายที่ชัดเจนในการยกเลิกการตรึงราคาแกสหุงต้มภายในสิ้น ปี 2549 นี้ ดังนั้นจึงควรเร่งทำความเข้าใจแก่ประชาชนผู้บริโภค ให้เห็นถึงทิศทางราคาที่ต้องปรับตัวเพิ่มขึ้นแน่นอน โดยเบื้องต้นรูปแบบของการดูแลราคาแกสหุงต้ม อาจทยอยปรับเพิ่มเพดานราคาเป็นขั้นๆ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบแก่ผู้บริโภคมากเกินไป กระทรวงพลังงาน ไม่หวั่นโรงงานเอธานอลถอนตัว วิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึง กรณีที่มีผู้ได้รับใบอนุญาตตั้งโรงงานผลิตเอธานอล 10 ราย จะขอถอนตัวจากการสร้างโรงงานไม่น่าจะมีผลกระทบต่อปริมาณเอธานอลภายในอนาคต เนื่องจากยังเหลือผู้ผลิตอีก 14 ราย และโรงงานที่ถอนตัว ส่วนใหญ่เป็นโรงงานที่ไม่มีแผนผลิตเอธานอลจริง แต่ขอใบอนุญาตตั้งโรงงานไว้เพื่อครอบครองสิทธิ์เท่านั้น หากโรงงานดังกล่าวมีความตั้งใจผลิตจริง ก็คงดำเนินการไปนานแล้ว เพราะขอใบอนุญาตไว้ตั้งแต่ปี 2544 ขณะนี้ผ่านมาแล้ว 4 ปี แต่ถ้าต้องการถอนตัวจริงก็มีเอกชนรายใหม่ที่สนใจจะเข้ามาผลิตเอธานอลทันที และมั่นใจ สามารถทดแทนปริมาณการผลิตของ 10 รายที่หายไปได้ ส่วนกรณีที่บริษัทไทยแอลกอฮอล์ ฯ ที่มีกำลังการผลิต 1 แสนลิตร/วัน จะหยุดผลิตในเดือน กพ. ที่ผ่านมาไม่ส่งผลต่อปริมาณเอธานอลที่จะนำไปผสมกับเบนซิน เพื่อผลิตเป็นแกสโซฮอล 95 เพราะยังมีปริมาณเอธานอลที่ผลิตจาก บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนลแก๊สโซฮอล์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กำลังการผลิต 1.5 แสนลิตร/วัน จะเข้ามาทดแทนได้ ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องนำเข้าอีก และสามารถส่งเสริมให้โรงงานเอธานอลที่จะกำลังจะเกิดใหม่ มีตลาดที่แน่นอน ส่วนปัญหาของราคานั้นคงเป็นเรื่องที่โรงงาน และบริษัทน้ำมันต้องไปเจรจาตกลงกันเอง ด้าน ชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ปตท.นำเข้าเอธานอลงวดสุดท้ายเมื่อวันที่ 31 มค. จำนวน 7.1 ล้านลิตร ในราคาลิตรละ 19.50 บาท จากอินเดีย เพื่อมาเสริมปริมาณการผลิตในไทย โดย ปตท. จะแจกจ่ายให้บริษัทน้ำมันอื่นตามสัดส่วน ซึ่งปริมาณนำเข้าดังกล่าวยังใช้ไปได้อีก 2 เดือน จึงเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อแผนการตลาดแกสโซฮอล แต่ในช่วงนี้ ปตท.จะไม่เร่งขยายจุดบริการปั๊มแกสโซฮอลให้เร็วมากนัก โดยจะรอจนกว่าจะมีปริมาณการผลิตที่แน่นอนกว่านี้ก่อน สาเหตุที่โรงงานเอธานอลหยุดผลิต เนื่องจากต้องการราคาในระดับที่สูง เพราะราคาเอธานอลงวดใหม่ในเดือน กพ. ต้องมีการเจรจากันใหม่ จากเดิมที่กำหนดไว้ 19 บาท/ลิตร ในเดือน พย. 2548 ซึ่งขณะนี้ผู้ค้าน้ำมันกับผู้ผลิตเอธานอลกำลังเจรจา แต่ถ้าจะให้สูงถึง 23 บาท/ลิตร ตามที่โรงงานต้องการคงไม่ไหว เพราะราคาตลาดโลกที่เรานำเข้ามาก็อยู่แค่ 19.50 บาท/ลิตรเท่านั้น" มนูญ ศิริวรรณ รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านธุรกิจการตลาด บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีที่แกสโซฮอลในช่วงนี้อยู่ในภาวะตึงตัวว่า บางจากต้องชะลอแผนการขายแกสโซฮอลออกไปก่อน โดยเฉพาะการขยายตลาดไปยังต่างจังหวัด จนกว่าสถานการณ์จะกลับมาสู่ภาวะปกติ ส่วนกรณีที่มีข่าวออกมาว่าผู้ผลิตเอธานอลประมาณ 10 ราย จะถอนตัวจากการผลิตนั้น เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแกสโซฮอล เนื่องจากผู้ผลิตดังกล่าวคงเป็นรายเล็ก ซึ่งอาจเป็นเพราะไม่มีความพร้อมจึงขอถอนตัวไป ปัจจุบัน บางจาก เตรียมสำรองปริมาณเอธานอลเพื่อนำไปผลิตเป็นแกสโซฮอลได้ถึง 2 เดือน โดย บางจาก มียอดจำนหน่ายแกสโซฮอล 95 และ 91 รวม 30 ล้านลิตร/เดือน และเชื่อว่าการจำหน่ายแกสโซฮอลจะสามารถดำเนินต่อไปได้