ธุรกิจ
เป็นเรื่องปกติของวิถีชีวิตคนกรุงเทพมหานคร เมืองที่กำลังเจริญเติบโต เมืองหลวงที่ใครได้อยู่อาศัย แล้วจะรู้ถึงความสะดวกสบาย ที่หลวงท่านมอบให้แก่คนกรุง ชนิดที่คนต่างจังหวัดเดินทางเข้ามาในกรุงแล้ว จะรู้สึกอิจฉาตาร้อนอยู่เล็กๆ
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์
เดือนเมษายน ปี '48 กับ '47
ตลาดรวม เพิ่ม 9.0 %
รถยนต์นั่ง ลด 6.0 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ เพิ่ม 11.1 %
รถอเนกประสงค์ (MPV) ลด 17.3 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) เพิ่ม 93.8 %
เป็นเรื่องปกติของวิถีชีวิตคนกรุงเทพมหานคร เมืองที่กำลังเจริญเติบโต เมืองหลวงที่ใครได้อยู่อาศัย แล้วจะรู้ถึงความสะดวกสบาย ที่หลวงท่านมอบให้แก่คนกรุง ชนิดที่คนต่างจังหวัดเดินทางเข้ามาในกรุงแล้ว จะรู้สึกอิจฉาตาร้อนอยู่เล็กๆ
แต่สิ่งที่ต้องแลกกับความเจริญก็คือ การก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ การก่อสร้างสะพานข้ามทางแยกต่างๆ การก่อสร้างทางลอดใต้ทางแยกเช่นกัน ที่ทำเอารถติดกันตลอดวัน ไม่เว้นแม้แต่วันหยุดราชการ
หลังจากเริ่มงานก่อสร้างทางลอดหน้าเกษตร ตามมาด้วยสะพานข้ามทางแยกถนนศรีอยุธยา และเริ่มต้นงานก่อสร้างสะพานข้ามทางแยกลาดพร้าว ที่ทำเอาคนกรุงด้านทิศเหนือ เริ่มจะต้องรับทานยาระงับประสาทกันแล้ว เพราะผู้ที่มีภารกิจจะต้องเข้าเมือง จะหาทางเลี่ยงจุดก่อสร้างทั้ง 3 แห่งได้ค่อนข้างยาก เพราะเลี่ยงไป ก็มีแต่ถนนสายรอง วิ่งอย่างเก่งก็แค่ 2 เลนเท่านั้น
ถึงอย่างไรก็ต้องทนนะครับ เกิดเป็นคนกรุงเทพ ฯ ก็อย่างนี้แหละ ห่างหายเรื่องของน้ำท่วม ก็มาเจอเรื่องงานก่อสร้าง นี่เดี๋ยวการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนระบบราง ที่วางแผนกันเอาไว้เลิศหรู เริ่มต้นงานก่อสร้างขึ้นมาอีก สนุกแน่ และก็เป็นเรื่องปกติ ที่ระบบการขนส่งมวลชน ยังไม่เข้าที่เข้าทาง ทำให้แต่ละคนก็ต้องขวนขวายหาซื้อรถเอาไว้ใช้ คันเล็กคันน้อยก็ยังดี ทนผ่อนไปก่อน ยาวหน่อยก็ยังพอทน เพราะดีกว่าไปนั่งแหง่กกันบนรถเมล์ ร้อนก็ร้อน ควันก็เยอะ สู้นั่งรถตัวเองเปิดแอร์เย็นฉ่ำ มีวิทยุฟัง สบายกว่ากันเยอะเลย
หนนี้คุยเรื่องธรรมาภิบาลกันหน่อยดีกว่า เพราะธนาคารโลกรายงานผลการวิจัย ให้คะแนนประเมินเกณฑ์ธรรมาภิบาลของประเทศไทย โดยภาพรวมคือ 52 คะแนน แต่เนื่องจากเป็นการวิจัยทางสถิติ หรือพูดอีกอย่างว่า เมื่อรวมความเบี่ยงเบนทางสถิติแล้วคะแนนจะอยู่ระหว่าง 47-62
แต่การจัดตําแหน่งเปรียบเทียบ ในรายงานให้ตีความว่า กลุ่มที่ได้คะแนน 75-100 เป็นกลุ่ม FIRST BEST ส่วน 50-74 เป็นกลุ่ม SECOND BEST ตําแหน่งที่ 75 หมายถึง มีประเทศอื่นเพียง 25 % ที่ทําได้ดีกว่าโดยการเปรียบเทียบ
แต่ในด้านการควบคุมการฉ้อราษฎร์บังหลวง ซึ่งประเทศไทยได้ตําแหน่งเปรียบเทียบที่ 49.5 ถ้าดูแนวโน้มจะเห็นว่าเป็นแนวโน้มการปรับตัวดีขึ้น คือปี 2539 ได้ 42.0, ปี 2541 ได้ 54.6, ปี 2543 ได้ 47.8, ปี 2545 ได้ 47.4 และปีที่ผ่านมา 2547 ได้ 49.3
เรื่องแค่นี้ หนังสือพิมพ์รายวันเอาไปพาดหัวเสียดิบดี "ธรรมาภิบาลรัฐบาลไทยเสื่อม สอบตก 'คุมโกง' ธนาคารโลกให้แค่ 49 %"' เดือดร้อนต้องมีคนออกมาอธิบายการวิจัยทางสถิติว่า การคํานวณตําแหน่งเปรียบเทียบมีความเบี่ยงเบนทางสถิติ (STANDARD DEVIATION) ซึ่งถ้ารวมด้วยแล้วยังแปลความได้ว่าประเทศไทยยังอยู่ในกลุ่ม SECOND BEST ทุกด้าน
การวิจัยเรื่องนี้ ประกอบด้วยหัวข้อหลัก คือ การเคารพในสิทธิมนุษยชนและพลเรือน/เสถียรภาพการเมืองและความปลอดภัย/ประสิทธิภาพรัฐบาล/คุณภาพของนโยบายและกฎระเบียบ/การบังคับใช้กฎหมาย และข้อสุดท้ายที่กินปูนร้อนท้องกันก็คือ การควบคุมการฉ้อราษฎร์บังหลวง
แถมยังแนบข้อควรระวังในการตีความข้อมูลว่า เนื่องจากเป็นการสํารวจความเห็นโดยทั่วไปเท่านั้นผู้ตอบคําถามอาจมีทัศนคติที่โอนเอียงไปในการให้คะแนนประเทศพัฒนาแล้ว ที่มีรายได้สูง มากกว่าประเทศกําลังพัฒนา เนื่องจากเป็นภาพพจน์ที่เชื่อกันโดยทั่วไปว่าจะมีธรรมาภิบาลดีกว่า (HAlO EFFECT)
ก็ว่ากันไปนะครับ คนเราก็ต้องยกตัวเอาไว้ก่อนแหละ
ส่วนเรื่องซิทีเอกซ์ เครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด มาทำเงินหล่นกลางทาง 600 ล้านบาทไทย โดยจับมือใครดมไม่ได้ การวิจัยเรื่องนี้ทำก่อนหน้านั้นครับ
มาเรื่องของมาตรวัดประจำเดือนเมษายน ดีกว่า เขียนเรื่องอื่นมากไป เดี๋ยวมีจดหมายขอแสดงความนับถือมาอีกหรอก
เดือนนี้ยอดการขายยังคงเจริญเติบโตเล็กๆ แค่ 9.0 % ขายเดือนเดียวได้ 55,920 คัน น่าจะเป็นเรื่องของการเตรียมเงินค่าเล่าเรียนของบุตรหลาน ที่เดือนต่อไปน่าจะกระเตื้องขึ้นกว่านี้ แต่ยอดรวม 4 เดือนยังคงโต 11.8 % ขาย 222,406 คัน
มาดูยอดรวมแต่ละเจ้าแล้ว มีความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก อันดับหนึ่ง โตโยตา ยังคงขายมากที่สุด 22,829 คัน โตขึ้น 29.9 % ส่วนแบ่งตลาด 40.8 % นำอยู่เจ้าเดียว อันดับสอง อีซูซุ ขาย 14,029 คัน โตขึ้น 6.3 % ส่วนแบ่ง 25.1 % อันดับสาม ฮอนดา ขาย 5,130 คัน แต่ศรัทธาร่วงพรวด เพราะขายตกไป 21.8 % ส่วนแบ่ง 9.2 % อันดับสี่ นิสสัน ขายน้อยกว่าอีกเหมือนกัน 3,492 คัน ลดลง 28.5 % ส่วนแบ่ง 6.2 % และอันดับห้า เชฟโรเลต์ ขายเพิ่มเยอะ 2,660 คัน เพิ่ม 294.1 % ส่วนแบ่ง 4.8 %
อ้อ ค่ายรังสิตตกจากอันดับ 3 เดือนที่แล้วไปอยู่อันดับ 6 ครับ
ยอดรวม โตโยตา ขาย 88,483 คัน อีซูซุ ขาย 57,216 คัน ฮอนดา ขาย 15,547 คัน มิตซูบิชิ ขาย 14,750 คัน และ นิสสัน ขาย 14,435 คัน
แยกเป็นรถยนต์นั่ง ขายน้อยกว่าปีก่อน 6.0 % ขายได้แค่ 14,415 คัน ยอดรวม 4 เดือนน้อยกว่าเช่นกัน 14.8 % ทั้งตลาดขายได้ 52,258 คัน
แชมพ์ประจำรุ่น โตโยตา ขายลดลงเหมือนกัน 6,352 คัน เพิ่มแค่ 1.0 % ส่วนแบ่ง 44.1 % ที่สอง ฮอนดา วิกฤติศรัทธา ขายลดลง 17.6 % ขายได้ 4,945 คัน ส่วนแบ่ง 34.3 % ที่สาม นิสสัน ขาย 917 คัน ลดถึง 23.9 % ส่วนแบ่ง 6.4 %, ที่สี่ เชฟโรเลต์ ขาย 559 คัน เพิ่มเล็กน้อย 22.3 % ส่วนแบ่ง 3.9 % และที่ห้า มาซดา ขาย 454 คัน เพิ่มมากถึง 530.6 % เพราะ มาซดา 3
ผู้เสียภาษีให้หลวงมากสุด โพร์เช ขาย 5 คัน และ แจกวา ขาย 4 คัน แล้วใครว่าคนไทยจน
แยกเป็นประเภทรถกระบะหนึ่งตัน ยอดรวมตั้งแต่ต้นปี 125,490 คัน เพิ่ม 21.7 % แต่เฉพาะเดือนนี้ เพิ่ม 11.1 % ขายได้ 30,172 คัน ตำแหน่งแชมพ์ยังคงได้แก่ อีซูซุ 12,545 คัน เพิ่ม 9.6 % ส่วนแบ่ง 41.6 % ที่สอง โตโยตา ขายได้ 9,339 คัน เพิ่ม 25.9 % ส่วนแบ่ง 31.0 % ที่สาม นิสสัน ขาย 2,304 คัน ลดลงถึง 34.3 % ส่วนแบ่ง 7.6 % ที่สี่ เชฟโรเลต์ ขาย 1,949 คัน เพิ่มสูงถึง 2,140.2 % แต่ส่วนแบ่งยังอยู่ที่ 6.5 % และที่ห้า ฟอร์ด ขาย 1,460 คัน ส่วนแบ่ง 4.8 %
รถเพื่อการพาณิชย์ หรือรถบรรทุก ตลาดยังสดใส ขายเพิ่ม 37.2 % รวม 3,453 คัน แชมพ์ โตโยตา ขาย 1,259 คัน เพิ่ม 102.7 % ส่วนแบ่ง 36.5 %, ที่สอง อีซูซุ ขาย 970 คัน เพิ่ม 26.5 % ส่วนแบ่ง 28.1 % และที่สาม ฮีโน ขาย 773 คัน เพิ่ม 0.9 % ส่วนแบ่ง 22.4 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่รวมรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยรวม เพิ่มถึง 93.8 % ขาย 3,109 คัน โดยตำแหน่งแชมพ์ คือ โตโยตา ขายคนเดียว 2,317 คัน เพิ่มขึ้นถึง 1,013.9 % ส่วนแบ่ง 74.5 % ที่สอง ฟอร์ด ขาย 329 คัน ลด 42.7 % ส่วนแบ่ง 10.6 % และที่สาม ฮอนดา ขาย 118 คัน ลด 70.8 %
รถอเนกประสงค์อื่นๆ ขายลดลง 17.3 % ขาย 1,686 คัน โดย โตโยตา ขายได้มากสุด 1,171 คัน ส่วนแบ่ง 69.5 % ตามมาห่างๆ ด้วย มิตซูบิชิ 308 คัน
นั่นคือภาพรวมของตลาดรถยนต์ในเมืองไทย แนวโน้มของการขายรถยนต์นั่ง ดูทีท่าว่าจะค่อยๆ ลดลง เรื่องใหญ่คือราคาน้ำมันเบนซิน แต่ต้องคอยดูว่าหลวงท่านจะปล่อยลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลเมื่อไร แพงขึ้นอีกลิตรละ 3 บาท รับประกันคุณภาพได้ว่า ราคาข้าวแกงเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน
แต่ก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เพราะตอนนี้หมดเวลาหาเสียงแล้ว น้ำมันซื้อมาแพง ก็ต้องขายไปแพงเหมือนกัน เห็นใจหลวงท่านหน่อยนะครับ
ร่วมใจกันปิดไฟบ้านละดวง ช่วยๆ ท่านหน่อยเถอะ
ถือเสียว่าทำเพราะรักชาติก็แล้วกัน
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/8098