บุญตา บุนนาค เจ้าของรถ แจกวาร์ อี ไทพ์ ซีรีส์ 2 คูเป เล่าถึงประวัติความเป็นมาของรถคันนี้ว่า ช่วงที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ซื้อรถคันนี้ต่อมาในราคา 69,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,380,000 บาทตามค่าเงินบาทประมาณ 20 บาท/1 เหรียญสรอ. สมัยนั้น รถคันนี้เป็นรถอังกฤษ แต่ผลิตให้สหรัฐอเมริกา จึงเรียกติดปากกันว่าสเปคอเมริกัน อะไหล่ต่างๆ เลยหาได้ไม่ยากนัก แต่ก็มีราคาแพงมาก พอกลับมาเมืองไทยจึงตัดสินใจนำกลับมาด้วย

บุญตา บุนนาค เจ้าของรถ แจกวาร์ อี ไทพ์ ซีรีส์ 2 คูเป เล่าถึงประวัติความเป็นมาของรถคันนี้ว่า ช่วงที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ซื้อรถคันนี้ต่อมาในราคา 69,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,380,000 บาทตามค่าเงินบาทประมาณ 20 บาท/1 เหรียญสรอ. สมัยนั้น รถคันนี้เป็นรถอังกฤษ แต่ผลิตให้สหรัฐอเมริกา จึงเรียกติดปากกันว่าสเปคอเมริกัน อะไหล่ต่างๆ เลยหาได้ไม่ยากนัก แต่ก็มีราคาแพงมาก พอกลับมาเมืองไทยจึงตัดสินใจนำกลับมาด้วย การบูรณะรถคันนี้ก็ไม่ลำบากมากนัก โดยเริ่มแรกด้วยการตัดผุ พร้อมทำสีใหม่ เป็นสี PALE PRIM ROSE ที่มีความหมายว่า "กุหลาบสีเหลืองอ่อน" ซึ่งสีที่ใช้นี้ต้องสั่งเข้ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นสีเฉพาะของรถรุ่นนี้เท่านั้น ส่วนอะไหล่บางชิ้นเมื่อมีเวลาว่างก็จะบินไปซื้อเอง แต่จะติดปัญหาตรงที่นำกลับมาได้จำนวนน้อยชิ้น เพราะถ้านำกลับมาจำนวนมาก ก็จะต้องเสียภาษีนำเข้า และต้องมีใบกำกับการขนสินค้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก ทำให้อุปกรณ์บางอย่างยังขาดอยู่บ้าง แต่คาดว่าจะครบสมบูรณ์เร็วๆ นี้ สภาพโดยรวม เมื่อได้มาเห็นครั้งแรก ประทับใจมาก เพราะนึกไม่ถึงว่าจะอนุรักษ์ได้สวยงามขนาดนี้ และที่ทำให้ประหลาดใจก็คือเลขทะเบียนของรถคันนี้นั้นคือ 1969 ซึ่งตรงกับปีที่ผลิต ภายนอกสวยคลาสสิคด้วยสีเหลืองอ่อน ซึ่งมีเฉพาะรุ่นนี้เท่านั้น ห้องเครื่องยนต์อยู่ใต้ฝากระโปรงแบบชิ้นเดียว เช่นเดียวกันกับรถแข่งในสมัยก่อน ฝากระโปรงท้ายเปิดออกจากด้านซ้ายไปขวา ล้อลายซี่ลวดพร้อมยางแก้มขาว อย่างที่บอกแล้วว่ารถคันนี้เป็นสเปคอเมริกัน สิ่งที่แตกต่างจากสเปคอังกฤษ มีอยู่ 2 อย่างคือ อย่างแรกไฟเลี้ยวหน้าที่อยู่ด้านบนและด้านล่างของกันชนหน้า อย่างที่ 2 คือ พวงมาลัยซ้ายเพราะถ้าเป็นรถอังกฤษแท้ๆ จะเป็นพวงมาลัยขวาเหมือนบ้านเรา และที่แปลกประหลาดกว่ารถทั่วไปอยู่ตรงที่ใบปัดน้ำฝนที่มี 3 ก้าน ส่วนมุมมองด้านท้ายสะดุดตาด้วยท่อไอเสียคู่แยกออกซ้าย/ขวา ภายในคลาสสิค ตกแต่งด้วยพวงมาลัยซ้ายทรงสปอร์ท 3 ก้านสีดำรับกับแผงคอนโซลสีเดียวกันที่ออกแบบมาสำหรับใส่เกจวัดเต็มพื้นที่ตามสไตล์รถแข่งในสมัยก่อน เบาะนั่งออกแบบให้มีพนักพิงครึ่งหลังเพิ่มความกระชับยามขับขี่ พื้นที่เบาะหลังสามารถพับเก็บได้เมื่อต้องการบรรทุกสัมภาระ แผงประตูหุ้มหนังใหม่สีดำเช่นกัน พร้อมกับที่หมุนกระจก และที่เปิดประตูสีโครเมียมเงางาม แต่น่าเสียดายสำหรับวิทยุติดรถที่ถูกขโมยไปตอนที่นำรถคันนี้กลับมาเมืองไทย ทำให้ต้องใช้วิทยุรุ่นอื่นใส่ไปก่อน เมื่อลองสตาร์ทเครื่อง ก็เดาออกว่าต้องเป็นเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังมากแน่นอน เพราะเสียงเครื่องที่คำรามดุดัน ไม่นุ่มนวลเหมือนรถยุโรปทั่วไป และเมื่อเปิดฝากระโปรงขึ้น ก็เป็นอย่างที่คิดไว้ คือเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ แถวเรียง ขนาด 4.2 ลิตร 265 แรงม้า ใช้ระบบคาร์บูเรเตอร์คู่ขนาดใหญ่ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ อัตราการบริโภคน้ำมันก็ต้องแลกกับความแรงซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5-6 กม./ลิตร นับว่าเป็นรถคูเปคลาสสิคอีกคันหนึ่งที่เจ้าของอนุรักษ์ไว้ได้อย่างครบถ้วน แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่อาจทำให้ความสวยงาม และคุณค่าของรถคันนี้ลดลงได้เลย รางวัลชนะเลิศอันดับ 2 ในงานประกวดรถโบราณครั้งที่ 28 ยืนยันได้เป็นอย่างดี ข้อมูลจำเพาะ แจกวาร์ อี ไทพ์ ซีรีส์ 2 รูปแบบ คูเป ผลิตขึ้นในปี (คศ.) 1969 เครื่องยนต์ แบบ 6 สูบแถวเรียง ความจุ (ซีซี) 4,235 กำลังสูงสุด 160 เกียร์ (จังหวะ) ธรรมดา 5 น้ำหนักรถ (กก.) 1,300 มีทั้งรุ่นพวงมาลัย ขวา/ซ้าย งานประกวดรถโบราณครั้งที่ 29 สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทยขอเชิญร่วมงานประกวดรถโบราณครั้งที่ 29 ณ ห้องคอนเวนชัน เซนเตอร์ เดอะมอลล์ บางกะปิ วันที่ 27-29 พฤษภาคม 2548 ซึ่งการประกวดแบ่งเป็น 6 ประเภทได้แก่ 1. รถโบราณ (ก่อนปี 1940) 2. รถหลังสงคราม (ระหว่างปี 1940-1955) 3. รถคลาสสิค (มีอายุอย่างน้อย 25 ปี และเป็นตัวอย่างรถดีเด่นในอุตสาหกรรมยานยนต์) 3.1 กลุ่มรถเก๋ง 4 ประตู 3.2 กลุ่มรถสปอร์ท 2 ประตู 3.3 กลุ่มรถอเมริกัน 4. รถจำลอง (ผลิตเลียนแบบรถโบราณ) และรถประดิษฐ์พิเศษ (คิดประดิษฐ์ขึ้นเอง) 5. รถ โฟล์คสวาเกน 6. รถแสดงพิเศษ (ไม่มีการตัดสิน) ผู้ส่งรถเข้าประกวดจะเป็นสมาชิกหรือมิใช่สมาชิกของสมาคมก็ได้ โปรดติดต่อ มาที่สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย 1143/1 ซอยสุทธิพร ถนนรัชดาภิเษก แขวง/เขต ดินแดง กรุงเทพ ฯ 10400 โทร. 0-2641-8399, 0-2641-8444 โทรสาร 0-2641-8480 ภายในวันที่ 20 พฤษภาคม 2548 รับสมัครเพียง 100 คันเท่านั้น และขอสงวนสิทธิ์ให้แก่รถที่ส่งใบสมัครเข้ามาก่อน สำหรับรถเด่นในงานปีนี้ได้แก่รถ ฮอทช์คิสส์ (HOTCHKISS) ซึ่งเป็นอนุกรมเดียวกันกับรถ เดอลาเฮย์ (DELAHAYE) ที่ถือได้ว่าเป็นรถสปอร์ทที่หรูหราและราคาแพงที่สุด โดยรถ ฮอทช์คิสส์ คันนี้เป็นคันเดียวที่เหลืออยู่ในประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงรถเด่นของภาพยนตร์ดังเช่น รถ โวลโว พี 1800 จากภาพยนตร์เรื่อง เจมส์ บอนด์ 007 มีนี จากภาพยนตร์เรื่อง มิสเตอร์บีน ฟอร์ด แอนเกลีย จากภาพยนตร์เรื่อง แฮร์รี พอทเตอร์ เดอโลเรน จากภาพยนตร์เรื่อง แบค ทู เดอะ ฟิวเจอร์ ส่วนมูลค่ารถที่เข้าร่วมประกวดครั้งนี้คาดว่าไม่ต่ำกว่า 200-300 ล้านบาท