ธุรกิจ
ประธาน บริษัท ทูบี มอเตอร์สปอร์ต จำกัด
ตลาดรถหรูในเมืองไทยไม่ได้แข่งขันกันระหว่างบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เท่านั้น แต่มีคู่แข่งที่น่าจับตามองอีกส่วนหนึ่งคือ รถที่ผลิตโดยบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ ซึ่งในเมืองไทยแบรนด์ที่ได้รับความนิยม และกำลังเติบโตอยู่ขณะนี้ คือ "บราบัส"
"ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์พิเศษ พิยุชน์ เจียมประเสริฐ ประธาน บริษัท ทูบี มอเตอร์สปอร์ต จำกัด ผู้นำทัพ "บราบัส" ผงาดขึ้นในเมืองไทย และนอกจากนี้เขายังเป็นกรรมการบริหาร บริษัท ซันยอง (ประเทศไทย) จำกัด อีกด้วย
ฟอร์มูลา : ความเป็นมาของ บราบัส ในเมืองไทย ?
พิยุชน์ : เมื่อ 18 ปี ที่แล้ว ในงานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ท มีรถแต่ง บราบัส โชว์อยู่ 2 คัน ในเอเชียมี แต่ที่ญี่ปุ่นมีตัวแทน บราบัส อยู่ นอกนั้นไม่มีใครรู้จัก บราบัส แต่พอมีงานโชว์รถยนต์ในเมืองไทย ผมนำ บราบัส ออกแสดง จึงได้รับการติดต่อจากประเทศเพื่อนบ้านขอมาเป็นตัวแทนต่อจากเรา รู้สึกภูมิใจมากที่เราเป็นตัวแทนในเมืองไทยรองจากญี่ปุ่น จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ตัวแทน บราบัส หลายๆ ประเทศก็ยังเป็นคู่ค้าและพันธมิตร เพราะเราเป็นคนแนะนำให้เขาเข้าสู่ธุรกิจ และตลาดในเอเชีย และด้วยการทำงานของบริษัทที่สร้างผลงานเป็นอย่างดี จึงทำให้เกิดความสนิทสนมเป็นการส่วนตัว ทำให้ประธาน บราบัส มอบเข็มกลัดเนคไทฝังเพชรเป็นที่ระลึก ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 อันในโลก อันหนึ่งใช้เอง อีกอันเป็นของเพื่อนเขาที่เป็นรองประธาน และอีกอันเป็นของผม
ในปีที่ 2 ยอดซื้อสินค้าของเราจากโรงงาน บราบัส ก็เป็นอันดับหนึ่งของโลก รูปแบบของโฆษณา และแผนการตลาดของบริษัทก็ถูก บราบัส นำไปศึกษาและพัฒนาใช้ในหลายๆ ประเทศ นั่นเป็นสิ่งที่ผมภูมิใจที่ทำสินค้าที่ไม่เคยมีชื่อเสียงเลย ให้ขึ้นมาเป็นสินค้าติดอันดับ 1 ใน 10 และปัจจุบัน บราบัส เป็นบริษัททูนิงเครื่องยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
ฟอร์มูลา : ทูบี มอเตอร์สปอร์ต ฯ วางนโยบายไว้อย่างไร ?
พิยุชน์ : เมืองไทยในส่วนของคุณภาพ การดีไซจ์นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ความหรู และรูปแบบที่แตกต่างของ บราบัส ให้เป็นที่รู้จักแล้ว และสิ่งที่ต้องการสร้างต่อไปคือ การรู้จักถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ ระบบเบรค ระบบขับเคลื่อน ซึ่งในปีนี้จะเน้นด้านการพัฒนาเครื่องยนต์ โดยใช้รูปแบบของการสร้างความเชื่อถือ และการให้ลูกค้าบอกต่อปากต่อปาก เพราะการโฆษณาในเรื่องของสมรรถนะ เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ นอกจากการสัมผัสด้วยตนเอง โดยใช้หลักการเปิดตลาดรถยนต์ในราคาที่เท่าทุน เพื่อให้ลูกค้านำไปใช้ทดสอบและบอกต่อ ๆ กันไป บริษัทคงต้องใช้งบการตลาดเยอะ เพราะเมื่อเราขายสินค้าที่ต่ำกว่าทุน หรือเท่าทุน คงต้องเหนื่อย
ฟอร์มูลา : เอส.อี.ซี. ฯ ทำตลาด บราบัส มา 4 ปีแล้ว ยังต้องปรับปรุงหรือพัฒนาในเรื่องใดบ้าง ?
พิยุชน์ : สิ่งที่ช่วยทางด้านการตลาดคือ การมีสินค้าให้ทดลองและได้สัมผัส ปัจจุบันลำบากเพราะต้นทุนสินค้าสูง จึงเป็นอุปสรรคมาก บริษัทคงไม่สามารถนำรถราคา 10 ล้านบาทไปให้นักข่าวทดสอบกันได้ เพราะการลงไป 10 ล้านบาท ยอดขายเท่าไรจึงจะครอบคลุมในส่วนนั้น ถ้าทำไป ราคาสินค้าต้องสูงมาก ก็ต้องกลับมาถามว่าตลาดรับไหวไหม เป็นความยุติธรรมแก่ผู้บริโภคหรือเปล่า ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องพยายามทำสินค้าให้มีราคาต่ำที่สุด ให้ลูกค้าเอาไปใช้ และมีการบอกต่อ ซึ่งผมเชื่อว่าน่าจะทำตลาดได้ดีที่สุด และแน่นอนว่าภาพลักษณ์ของ บราบัส ในตลาดโลกช่วยได้มากว่ามีคุณภาพจริงในด้านการพัฒนารถยนต์ เพราะ บราบัส เองก็มีประกาศนียบัตรในการทำสถิติโลกอยู่หลายรายการ จึงเชื่อมั่นได้ว่าสินค้านั้นได้มาตรฐาน และมีประสิทธิภาพจริง และผ่านการทดสอบในเยอรมนี และ บราบัส รับประกันสินค้าถึง 3 ปี 1 แสนกม.
ฟอร์มูลา : ปีนี้จะมีสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นหรือไม่ ?
พิยุชน์ : มีอย่างแน่นอน เพราะ เมร์เซเดส-เบนซ์ มีรถรุ่นใหม่อีก 2-3 รุ่น บราบัส ก็คงนำรถรุ่นใหม่ที่พัฒนาออกมา เพราะ เมร์เซเดส-เบนซ์ คือวัตถุดิบ ถ้ามีวัตถุดิบเราก็สามารถสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ได้ ที่รู้ก็จะมี เอส-คลาสส์ และรถรุ่นใหม่ที่จะเป็นแบบกึ่งเอมพีวี และสินค้าใหม่ๆ ที่จะแนะนำออกสู่ตลาดในเร็วๆ นี้
ฟอร์มูลา : ตัว เอ-คลาสส์ จะนำมาจำหน่ายหรือไม่ ?
พิยุชน์ : ผู้บริโภคตลาดรถเมืองไทยส่วนใหญ่ต้องการจ่ายเงินน้อย แต่อยากได้รถใหญ่ หาน้อยคนมากที่จะจ่ายเงินมากแล้วอยากได้รถเล็ก แต่ในขณะเดียวกัน บราบัส มีรถรุ่นใหม่เข้ามาคือ สมาร์ท ซึ่งนำเข้ามาจำหน่ายอยู่แล้ว และ บราบัส ก็เป็นบริษัทร่วมทุนกับ สมาร์ท เปิดบริษัท สมาร์ท บราบัส ทำให้รถรุ่นพิเศษที่ออกมา จะมีจำหน่ายที่โชว์รูม สมาร์ท ทั่วโลก
ฟอร์มูลา : ในปีนี้บริษัทคาดว่ายอดขายของ บราบัส จะมีจำนวนเท่าใด ?
พิยุชน์ : โดยรวมไม่นับมูลค่ากับราคารถ จะมีปริมาณ 50-60 ล้านบาท โดยคาดว่าการเติบโตจะมีอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้เติบโตมากนัก เนื่องจากเป็นสินค้าตลาดระดับบน การอยู่มาถึง 18 ปีของ บราบัส จึงเป็นสิ่งยืนยันได้ในเรื่องของคุณภาพ และการพัฒนารถสแตนดาร์ดให้มาเป็นรถพิเศษ และถ้าไม่โดดเด่น หรือมีคุณภาพ ก็คงหายไปจากตลาดนานแล้ว แต่เราจะเห็นว่าสินค้าที่นำเข้ามานั้นเป็นสินค้าที่มีออพชันครบอยู่แล้ว ถ้าไม่พิเศษโดดเด่น หรือมีเอกลักษณ์เฉพาะ คงอยู่ไม่ได้ บริษัทเชื่อว่าสินค้าคงจะอยู่ในตลาดต่อไปได้ ส่วนสินค้าที่ไม่โดดเด่น หรือมีเอกลักษณ์ก็คงจะค่อยๆ หายไป บริษัทก็จะใช้ช่องทางนี้ในการเติบโตต่อไป
ฟอร์มูลา : ปัจจุบันนี้บริษัทมีฐานลูกค้าเป็นจำนวนกี่ราย ?
พิยุชน์ : เมืองไทยฐานลูกค้าของ บราบัส ในปัจจุบันมีถึง 2,000 ราย จากการสร้างฐานในอดีตตั้งแต่เริ่มต้นที่นักธุรกิจ และคนสูงอายุ แต่ช่วงหลังบริษัทจะสร้างฐานไปในกลุ่มของนักศึกษา ปลูกฝังให้รู้จักสินค้า บราบัส มากขึ้น แต่เชื่อว่าปัจจุบันนี้คนที่เริ่มทำใบขับขี่ และชอบเรื่องรถแต่งไม่มีใครไม่รู้จัก บราบัส
ฟอร์มูลา : การบริการหลังการขายของบริษัท มีปัญหาหรือไม่อย่างไร ?
พิยุชน์ : การบริการของ บราบัส จะง่าย เพราะสินค้าใช้แนวทางการพัฒนา ซึ่งทุกอย่างที่พัฒนาเป็น บราบัส สามารถเข้าไปใช้ศูนย์บริการของ เมร์เซเดส- เบนซ์ ปกติได้ ใช้เครื่องมือปกติ และช่างที่มีความรู้เรื่องรถยนต์ เมร์เซเดส-เบนซ์ ได้ทันที โดยปัจจุบันมีศูนย์บริการของบริษัทอยู่ที่ พระราม 9/เพชรบุรี/บางนา และทองหล่อ และที่อยู่ระหว่างการพัฒนาศูนย์บริการแบบครบวงจร ซึ่งในอนาคตแนวทางจะเน้นไปที่การจำหน่ายให้แก่ตัวแทนจำหน่ายที่บริษัทแต่งตั้ง โดยปัจจุบันได้มีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายแล้ว ซึ่งมีแนวทางมาจาก เอส.อี.ซี. ฯ ที่จะจำหน่ายรถทั้งคันเพียงอย่างเดียว ดังนั้นผู้ที่จะซื้อรถ บราบัส จะต้องซื้อผ่าน เอส.อี.ซี. ฯ แต่แนวทางจะออกมาในรูปแบบของแฟรนไชส์ตามหัวเมืองต่างๆ ทั้งในกรุงเทพ ฯ และต่างจังหวัด แต่ในส่วนของอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์จะใช้ตัวแทนร้านประดับรถยนต์ขนาดใหญ่เป็นหลัก แล้วจะกระจายสินค้าอีกทีหนึ่ง เนื่องจากสิ่งที่เน้นมากที่สุดคือ คุณภาพ การบริการ และรับประกันสินค้า ถึงแม้ว่าลูกค้าจะไปติดตั้งที่ใดมาแล้วก็ตาม
ถ้ามีปัญหาบริษัทก็ยินดีที่จะช่วยแก้ไขให้
ฟอร์มูลา : ปัจจุบันมี บราบัส เพียงรายเดียวในตลาดรถแต่งใช่หรือไม่ ?
พิยุชน์ : จริงๆ แล้ว การพัฒนารถจะแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ คอมพลีททูนิง คือ มีศูนย์พัฒนาและค้นคว้าผลิตภัณฑ์ของตนเอง ทำแบบครบวงจร ตั้งแต่ ระบบช่วงล่าง ท่อไอเสีย เครื่องยนต์ ระบบแอโรพาร์ท มีใบอนุญาตเป็นบริษัทผลิตรถยนต์เลย ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งเรียกว่า สไตลิสต์ คือ พวกที่แต่งรถยนต์ให้สวย เช่น ทำสปอยเลอร์ หาล้อแมกตีโลโกของตนเอง หรือจ้างที่อื่นทำช่วงล่าง ทำท่อไอเสีย จะเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง แต่ในส่วนของ บราบัส เป็น 1 ในไม่เกิน 3 รายที่เป็นคอมพลีททูนิงจริงๆ ที่เหลือจะเป็นสไตลิสต์ทั้งหมด เพราะการเป็นคอมพลีททูนิง ต้องมีศูนย์ค้นคว้าพัฒนาเครื่องยนต์ ในเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์ แอโรไดนามิค มีสนามทดสอบรถ เรื่องช่วงล่าง มีโรงงานเกี่ยวกับทำภายใน บราบัส ใหญ่ที่สุดในโลกมีคนงานกว่า 400 คน ผลิตรถปีละ 5,000 คัน และที่นอกเหนือจาก บราบัส ก็มี เอบีที ที่ทำให้กับ โฟล์คสวาเกน
ฟอร์มูลา : ตลาดรถแต่งในเมืองไทยเป็นอย่างไร ?
พิยุชน์ : คนที่ชอบใช้รถประเภทนี้ คือ อย่างแรกมีเงินเหลือ สองชอบไม่เหมือนใคร มีเอกลักษณ์เฉพาะ มีความมั่นใจสูง มีบุคลิกเฉพาะตัว และสามคนที่อยากลอง ลองไปแล้วติดใจ คนที่เคยใช้รถ บราบัส แล้วจะขับรถธรรมดาไม่ได้ รู้สึกว่ามันอึดอัด หรือทำไมเบรคไม่หยุด คุณภาพแตกต่างกัน 3 เท่า อัตราการเร่งแตะรถไปอยู่ๆ ก็ขับไม่ไปอย่างนี้
ผมเคยไปทดสอบรถ บราบัส กว่า 500 แรงม้า เสร็จแล้วอีก 2 วันไป ทดสอบรถกว่า 400 แรงม้า ความรู้สึกมันไม่เหมือนเลย และลูกค้าผมพอใช้แล้วจะเวียนมาตลอด เพราะรถที่ได้รับการพัฒนาแล้วมันจะราบเรียบกว่าเดิม ประหยัดน้ำมัน แรงกว่าเดิม ความปลอดภัยสูงขึ้น พอใช้แล้วรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่พวกเขาต้องการ เพราะเขาไม่ได้ต้องการสินค้าที่มีอยู่ในท้องตลาดทั่วไป เมร์เซเดส-เบนซ์ อาจจะทำได้ดีกว่า บราบัส ด้วยเพราะทีมงานพร้อม องค์กรใหญ่พอ ถ้า เบนซ์ ทำเหมือน บราบัส แล้วปีหนึ่งขายได้ 1 ล้านคัน อาจจะเหลือปีละ 1 แสนคัน
ฟอร์มูลา : การเสียภาษีนำเข้าของ บราบัส แตกต่างจากรถทั่วไปอย่างไร ?
พิยุชน์ : ตัวรถยนต์ต้องเสียภาษีในส่วนของการพัฒนาทางด้านเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น ถ้าบางสิ่งบางอย่างแยกมาประกอบที่นี่ได้ เช่น ล้อ ยาง เราไม่นำมาพร้อมกับตัวรถ เอามาใส่ในเมืองไทย อย่างพวกสปอยเลอร์บางครั้งนำมาใส่ที่นี่ เพราะช่างฝีมืองานสีของเราจะประณีตกว่าต่างประเทศ เพราะค่าแรงถูก คนไทยมีศิลปะและความละเอียดอ่อนในการทำงานมากกว่า เพราะอุปกรณ์บางส่วนเราเสียพร้อมกับรถ และส่วนของแอสเซสเซอรี
ฟอร์มูลา : ในฐานะบริษัทเป็นตัวแทนนำเข้า อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือ หรือสนับสนุนสิ่งใดบ้าง ?
พิยุชน์ : สิ่งที่ผมเชื่อว่าตัวแทนสินค้าทุกคนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไรก็ตาม จะมีความรู้สึกเหมือนกันหมด เราเจอปัญหาพวกที่คอยฉวยโอกาสหลบเลี่ยงภาษีนำเข้ามาจำหน่าย หรือนำมาจำหน่ายเสียภาษีในอัตราที่ต่ำ ช่วงแรกผมท้อไปหลายครั้ง เคยคุยกับกงศุลว่าบริษัทในฐานะผู้นำเข้าตัวแทนจำหน่ายสินค้า ทำทุกอย่างถูกต้อง เราเจ๋ง แต่คนที่ทำผิดกฎหมายรวยเอาๆ นี่คือสิ่งที่เราน้อยใจมากกับสิ่งที่ทำถูกกฎหมาย แต่บริษัทไม่ได้รับการคุ้มครอง หนักใจมาก ผมทำ บราบัส มา 18 ปี คู่แข่งสำคัญที่สุด คือ สินค้าของเราเองที่คนอื่นนำเข้ามาจำหน่าย หรือสินค้าที่ร้องเรียนเข้ามา นั่นคือ สิ่งที่ห่วงมากที่สุด สินค้าจากระดับเดียวกันไม่เคยคิดว่าบริษัทมีคู่แข่ง แต่ต้องแข่งกับสินค้าของเราเอง
ฟอร์มูลา : ภาพลักษณ์ของ ซังยง เป็นอย่างไรบ้าง ?
พิยุชน์ : ซังยง ใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับ เมร์เซเดส- เบนซ์ ที่ผ่านมาภาพลักษณ์ในเมืองไทย ไม่ค่อยดีนัก ผมในฐานะผู้มีความชำนาญในเรื่องของการสร้างแบรนด์ ก็สรรหาแนวทางการแก้ไขภาพลักษณ์ เพราะ ซังยง เป็นสินค้าติดอันดับสูงของประเทศเกาหลี เพียงแต่ว่าปัญหาเกิดขึ้นมาจากเศรษฐกิจของไทยและเกาหลี และผู้นำเข้ารายเดิมไม่ค่อยสนใจในตัวสินค้า แต่โดยภาพลักษณ์แล้ว ซังยง เป็นสินค้าที่ดีมาก จึงจำเป็นต้องสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้
ฟอร์มูลา : คุณวางแผนสำหรับ ซังยง ไว้อย่างไร ?
พิยุชน์ : เริ่มทำมาปีกว่า สิ่งแรก คือ สร้างความเชื่อถือในการบริการหลังการขาย เมื่อทุกอย่างดีขึ้น จะทำให้รถมือสองกระเตืองขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพการเปลี่ยนมือง่ายขึ้น เพราะเชื่อว่าเป็นจุดขายเริ่มต้นของการแก้ภาพลักษณ์ในอดีต เพราะว่าไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ แต่เริ่มต้นจากการติดลบ ดังนั้นบริษัทจึงรับบริการทั้งหมดสำหรับรถ ซังยง ที่ติดเครื่องหมาย ซังยง ไม่ว่าจะซื้อมาจากที่ไหนแต่อยู่ในเมืองไทย จุดต่อไปคือพยายามให้คนรู้จักผลิตภัณฑ์อย่างจริงจัง คือในส่วนของ ซังยง มีรถให้ลูกค้าได้ทดลองขับจริง เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าดีจริง รับประกัน 1 ปี 1 แสนกม. เมื่อลูกค้าได้พิสูจน์ ก็จะเกิดความมั่นใจ หลังจากเปิดตัวปีแรกในปี 2545 ขายยากมาก ลูกค้าชอบ แต่ไม่กล้าซื้อ แต่เมี่อปี 2546 เกิดความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มียอดขายทะลุ 150 คัน พิสูจน์ได้ว่าแนวทางการตลาดของบริษัทไปถูกทิศทาง พิสูจน์ได้ว่าสินค้าดีจริง บริษัทเชื่อว่าปีนี้ จะเติบโตเกินกว่า 300 %
ฟอร์มูลา : ปีที่แล้วยอดขายของ ซังยง มีจำนวนเท่าใด ?
พิยุชน์ : ขายได้ 200 คัน โดยปีนี้ตั้งเป้าว่าน่าจะถึง 600 คัน คาดว่าจะมีรถรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นอีกในช่วงปลายปี ซึ่งจะเป็นรถไลน์ใหม่ตามความนิยมของตลาด
ฟอร์มูลา : อนาคตของสินค้าเกาหลีจะเป็นอย่างไร ?
พิยุชน์ : ประเทศเกาหลีเป็นประเทศที่มีความมุ่งมั่นในการผลิตสินค้าอย่างมาก ซึ่งไม่แพ้สินค้าจากญี่ปุ่นเลย หรืออาจจะเหนือกว่าในบางเรื่อง จะเห็นได้ว่าช่วงแรกที่เข้ามาทำ เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ตลาดยังไม่ยอมรับ แต่หลังจากได้ทดลองใช้แล้ว ส่วนมากสินค้าเกาหลีจะต้องได้ทดลองใช้ก่อน ต้นทุนต่ำ ออพชันครบ ให้ลูกค้าได้ทดสอบไม่ว่าจะเป็นสินค้าของ แอลจี หรือ ซัมซุง ราคาต่ำกว่าสินค้าญี่ปุ่นนิดหน่อย แต่สินค้ามีคุณภาพ เมื่อให้ลูกค้าทดลองใช้จนกระทั่งเป็นที่ยอมรับ ใครจะเชื่อว่า 3 ปีที่ ซัมซุงเปิดตลาดโทรศัพท์มือถือ จะสามารถตีโนเกียได้ ทั้งๆ ที่เป็นเจ้าโลกแห่งโทรศัพท์มือถือมานาน โซนี จะสะเทือน ซัมซุง ในด้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ผมจึงเชื่อมั่นว่าสินค้าเกาหลีจะได้รับการตอบสนองอย่างดี เพราะคุณภาพดีมาก
ส่วน ซังยง ใช้เทคโนโลยีจากเยอรมนี นั่นคือ เทคโนโลยีของ เมร์เซเดส-เบนซ์ จ้างสำนักออกแบบที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก นั่นคือ คอนเซพท์ของรถทั้งคัน ที่เหลือใช้โลหะของเกาหลี และมีชื่อเสียงที่สุดในด้านโลหะ สิ่งสำคัญคือ คนเกาหลีมีความรักในชาติ เป็นชาตินิยมสูง จึงเป็นแรงบันดาลใจว่าการทำสินค้าออกสู่ตลาดโลกจะต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศ ในที่สุดเมื่อรวมทุกอย่างแล้วต้นทุนน่าจะแพง แต่ด้วยศักยภาพในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าเป็นค่าแรง จึงทำให้สินค้าเกาหลีไม่ได้มีราคาแพง คนที่ใช้ผลิตภัณฑ์เกาหลีเป็นคนที่ฉลาดซื้อ คือ เน้นคุณภาพ และความคุ้มค่าของผลิตภัณฑ์มากกว่ายึดติดกับแบรนด์
ฟอร์มูลา : จะขยายศูนย์บริการและโชว์รูมเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ ?
พิยุชน์ : จะเพิ่มขึ้นที่พัทยา ซึ่งนับว่าเป็นโชว์รูมขนาดใหญ่ หลังจากนั้นจะมีที่ภูเก็ต และที่พระราม 2 เชียงใหม่ ซึ่งจะมีในปีนี้ โดยจะเป็นการขยายเป็นดีเลอร์เป็นหลัก
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน เมษายน ปี 2548
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/7997