ธุรกิจ
บริษัท สื่อสากล จำกัด ก้าวสู่ความสำเร็จระดับสากล ได้รับใบรับรองมาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9001:2000 จากสถาบัน BVQI
สื่อสากล ฯ
รับ ISO 9001:2000 ก้าวสู่มาตรฐานโลก
บริษัท สื่อสากล จำกัด ก้าวสู่ความสำเร็จระดับสากล ได้รับใบรับรองมาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9001:2000 จากสถาบัน BVQI
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด ผู้ผลิตนิตยสาร "ฟอร์มูลา"/คาร์ สเตริโอ/4 WHEELS/ โลกรถยนต์/รายการโทรทัศน์โลกรถยนต์ และผู้จัดงาน "มหกรรมยานยนต์" เปิดเผยว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นในการสรรหาระบบการบริหารงานที่มีคุณภาพ เพื่อรองรับธุรกิจด้านสื่อสารมวลชน ทั้งนิตยสาร และรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับรถยนต์ รวมถึงการจัดงานแสดงรถยนต์ที่สามารถนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ๆ มาให้คนไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด
บริษัทจึงได้ปรึกษากับบริษัทที่ปรึกษาระบบ ISO ในเรื่องการวางระบบ นโยบาย เป้าหมายคุณภาพ และวิสัยทัศน์ เพื่อขอการรับรองมาตรฐานคุณภาพ ISO 9001:2000 ซึ่งบริษัทที่ปรึกษาก็ได้มาดูขั้นตอนการปฏิบัติงานของบริษัท นำไปปรับปรุงและกำหนดขั้นตอนการทำงานใหม่ที่เป็นระบบมากขึ้นมาเสนอแก่ผู้บริหาร และพนักงาน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อเห็นพ้องต้องกันแล้วก็เริ่มปฏิบัติตามขั้นตอนที่ได้ปรับปรุงใหม่
จากนั้นได้มีการวางเป้าหมายคุณภาพในการทำงานของแต่ละฝ่าย ทดลองใช้ และปรับปรุงจนกระทั่งได้ตามเป้าหมายหรือใกล้ความจริงมากที่สุด ซึ่งในช่วงนี้ต้องใช้ระยะเวลานาน เพื่อกำหนดนโยบาย แผนงาน และเป้าหมายคุณภาพที่ชัดเจน
"เป้าหมายต่างๆ สามารถปรับได้ หากวางไว้สูงหรือต่ำเกินไป จนได้เป้าหมายสูงที่สุดและดีที่สุด หลังจากนั้นต้องมีการติดตามผลตลอดว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ทำให้พนักงานและผู้บริหารมองไปในทิศทางเดียวกัน และเดินไปด้วยกัน"
ขวัญชัย กล่าวต่อว่า การทำงานในระบบคุณภาพจะเน้นขั้นตอน และหลักฐานการทำงานเป็นเอกสาร เพื่อความสะดวกในการประสานงาน และเพื่อให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกันของพนักงานแต่ละฝ่าย
นอกจากนี้บริษัทยังได้จัดตั้งแผนกบริหารทรัพยากรบุคคลขึ้น เพื่อพัฒนาบุคลากร เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน สร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดทำนิตยสาร กิจกรรม หรืองานแสดงสินค้า รวมทั้งก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีแก่องค์กร
สำหรับใบรับรอง ISO 9001:2000 ที่บริษัทได้รับครั้งนี้ ครอบคลุมไปถึงสื่อต่างๆ สาขายานยนต์ ทั้งนิตยสาร รายการโทรทัศน์ และการจัดงานแสดงสินค้า รวมระยะเวลาตั้งแต่เริ่มกระบวนการ จนได้รับการรับรองจากสถาบัน BVQI เกือบ 2 ปี
ตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา บริษัท สื่อสากล จำกัด ได้รับการยอมรับในมาตรฐานการทำงานด้วยระบบการบริหารงานและบุคลากรที่มีคุณภาพ สามารถสร้างสรรค์ผลงาน และกิจกรรมต่างๆ อันเป็นประโยชน์แก่สังคมส่วนรวมมากมาย จนเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานบริษัท สื่อสากล จำกัด ผู้ผลิตนิตยสาร "ฟอร์มูลา"/คาร์ สเตริโอ/4 WHEELS/โลกรถยนต์/รายการโทรทัศน์โลกรถยนต์ และผู้จัดงาน "มหกรรมยานยนต์" รับมอบใบรับรองมาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพ ISO 9001:2000 จากสถาบัน BVQI
บัตรกรุงไทย ฯ
เปิดแผนตลาดเชิงรุกแนวใหม่
นิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2548 บริษัทได้เตรียมแผนการตลาดใหม่ ภายใต้คอนเซพท์ "EXPERIENCE THE NEW EXPERIMENTAL" เน้นการตอบสนองผู้บริโภคยุคใหม่ ที่มีความต้องการในการแสวงหาและทดลองสิ่งใหม่ๆ รวมถึงเน้นการมอบสิทธิประโยชน์เจาะลึกทุกรูปแบบของการใช้ชีวิต โดยเข้าถึงทุกกิจกรรมความต้องการของลูกค้า เพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด ได้สัมผัสสินค้าและบริการ รวมถึงสิทธิประโยชน์หลากหลายรูปแบบ ซึ่งจะมีบัตรเครดิท และบัตรกิฟท์คาร์ด ออกมาในหลากหลายรูปแบบ
บัตรเครดิทสำหรับองค์กร บัตรฟลีทคาร์ด ร่วมกับ ปตท. และบางจาก ออกบัตรเพื่ออำนวยความสะดวกในการเติมน้ำมัน และสามารถใช้แทนเงินสดสำหรับองค์กร
บัตรเครดิทส่วนบุคคล สำหรับลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ในแบบต่างๆ เช่น กลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ แบ่งออกเป็น บัตรเครดิท เคทีซี วีซาอินฟินิท สำหรับบุคคลพิเศษที่ได้รับการเชิญเป็นสมาชิกเท่านั้น บัตรเคทีซี วีซาแพลทินัม สำหรับกลุ่มลูกค้ารายได้ระดับสูง และ บัตรเคทีซี วีซาทอง ให้อำนาจและสิทธิพิเศษเหนือบัตรทองทั่วไป
กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบความหลากหลายรูปแบบ เช่น บัตรเคทีซี วีซา เชพ คาร์ด (SHAPE CARD) บัตรแรกและใบเดียวที่เปิดโอกาสให้คุณเลือกดีไซจ์นของบัตร ให้เหมาะสมกับความชื่นชอบของตัวคุณเอง บัตรเติมเงิน หรือบัตรของขวัญ เป็นบัตรที่ลูกค้าสามารถเลือกแบบและจำนวนเงินในบัตรได้ตามต้องการ
กลุ่มลูกค้าที่ต้องการความคุ้มค่าในทุกๆ ครั้งของการใช้จ่าย บัตรเครดิทเคทีซี วีซา แคชแบค เป็นบัตรเครดิทที่คืนเงินเข้าบัญชีของผู้ถือบัตร สำหรับทุกยอดการใช้จ่าย ด้วยอัตราสูงสุด 0.8 %
สำหรับการปรับแผนการตลาดครั้งนี้ ถือเป็นมิติใหม่ทางการตลาดที่จะมอบสิทธิประโยชน์และทางเลือกที่ฉีกแนวจากบัตรเครดิททั่วไปให้แก่ลูกค้า ซึ่งจะมีความชอบและมีรูปแบบในการดำเนินชีวิต เฉพาะบุคคลที่แตกต่างกัน โดย เคทีซี มุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์และสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำบัตรไปใช้ได้ในทุกโอกาส
การใช้รูปแบบการตลาดเชิงรุกแนวใหม่ โดยการออกผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกความต้องการและทุกความชื่นชอบของกลุ่มลูกค้า จะสร้างความพึงพอใจสูงสุด และสร้างความเป็นสุดยอดแบรนด์ในใจลูกค้า ขยายฐานลูกค้า และชิงส่วนแบ่งการตลาดได้มากยิ่งขึ้น
โฟล์คสวาเกน
เน้นความปลอดภัย คาราเวลล์
รณชัย จินวัฒนภรณ์ กรรมการบริหาร บริษัท ไทยยานยนตร์ จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน และเพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้งานที่หรูหราภายในห้องโดยสาร บริษัทได้ออกแบบรางเลื่อนนิรภัยพิเศษให้กับ โฟล์คสวาเกน คาราเวลล์ ซึ่งผลิตและติดตั้งจากโรงงานมาตรฐานของ โฟล์คสวาเกน
ทั้งนี้ระบบรางนิรภัยที่บริษัทใช้ มีความปลอดภัยและทนทานสูงกว่ารางที่ดัดแปลงในประเทศ ซึ่งไม่ได้รับการออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระยะยาวและความปลอดภัยตามหลักวิศวกรรมยานยนต์ และไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยได้ ระบบรางนิรภัยที่ยึดเบาะนั่งในห้องโดยสารที่บริษัทนำเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ได้รับการออกแบบและผลิตตามมาตรฐานระดับโลกของ โฟล์คสวาเกน ซึ่งคำนึงถึงความทนทานและปลอดภัยของผู้โดยสาร วัสดุที่ใช้ก็มีความเหมาะสมต่อการใช้งานจริง และสามารถเลื่อนจัดตำแหน่งเบาะนั่งในห้องโดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โฟล์คสวาเกน คาราเวลล์ มีโครงสร้างแบบ "LUXURY LONG WHEEL BASE" ตกแต่งในรูปแบบ 11 ที่นั่งหรูหราด้วยเบาะหนังแท้ พร้อมอุปกรณ์ความบันเทิงและอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ระบบปรับอากาศครอบคลุมทั่วห้องโดยสาร เบาะแยกแถวหน้าเพื่อความสบายส่วนตัวสูงสุด โทรทัศน์และจอ แอลซีดี ขนาด 15 นิ้ว เครื่องเสียงชั้นดี ระบบมีนีเธียเตอร์ และเครื่องเล่นดีวีดี ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการส่งมอบรถทั้ง 2 รุ่น คือ 2.5 ทีดีไอ เทอร์โบ และ 3.2 วี 6 ที่มียอดสั่งจองกว่า 700 คัน
ริชมอนเด้ ฯ
เปิดตัว โกลเดน ไนท์
ศนิตา คาจิจิ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ริชมอนเด้ (บางกอก) จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปิดเผยว่า บริษัทนำเข้าสุราราคาประหยัด (อีโคโนมี) ยี่ห้อใหม่ "โกลเดน ไนท์" ราคาขวดละ 160 บาท เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายอายุ 20-35 ปี ที่นิยมซื้อสุรากลับไปดื่มที่บ้าน โดยบริษัทได้ทุ่มงบการตลาดกว่า 100 ล้านบาท เพื่อจัดกิจกรรมการตลาดและโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ตั้งเป้าหมายยอดขายปีแรก 5 แสนลัง
ทั้งนี้บริษัทได้วางกลยุทธ์ให้ โกลเดน ไนท์ เข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาดเหล้าราคาประหยัด ทุกยี่ห้อที่ราคาใกล้เคียงกัน และเชื่อว่าราคาที่ตั้งไว้นี้ จะทำให้ลูกค้าหันมาเลือกซื้อ โกลเดน ไนท์ ด้วยจุดแข็งที่รสชาติ และเป็นสุรานำเข้าจากฟิลิปปินส์ ราคาแพงกว่าสุราไทยเพียง 20-30 บาทเท่านั้น แต่ลูกค้าจะรู้สึกได้ถึงความมีระดับ
สำหรับการจัดกิจกรรมการตลาด จะเน้นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ลองรสชาติปีนี้ไม่น้อยกว่า 120,000 ราย พร้อมเปิดตัวโฆษณาทุกรูปแบบ ส่วนช่องทางจำหน่ายระยะแรกจะเน้นขายในร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีกทั่วไป เพื่อให้สามารถรองรับลูกค้าที่ซื้อกลับไปดื่มที่บ้าน จะหาซื้อได้ง่าย และสะดวก
ส่วนของตลาดรวมสุราปีที่ผ่านมา มีมูลค่ารวม 20,746 ล้านบาท หรือประมาณ 6.5 ล้านลัง มีอัตราการเติบโต 13 % ในจำนวนนี้สุราราคาประหยัดมีส่วนแบ่งการตลาด 49 % โดยมีอัตราการเติบโตสูงถึง 23 % ในส่วนของ ริชมอนเด้ ฯ มีส่วนแบ่งการตลาดตามประเภทสุราดังนี้ สุราแพงระดับบน (ซูเพอร์ดีลักซ์) 94.8 % สุราระดับบน (ดีลักซ์) 72.3 % พรีเมียม 86.9 % และสแตนดาร์ด 12.7 %
ออโตเมติค บิสซิเนส ฯ
เผยแผนนโยบายปี '48
วิบูลย์ ว่องศิลป์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออโตเมติค บิสซิเนส กรุ๊ป จำกัด ผู้แทนจำหน่ายอุปกรณ์สัญญาณกันขโมย ABT/RAKON/MAGICAR และ AG GUARD เปิดเผยว่า ในปีนี้ถือเป็นการก้าวสู่ปีที่ 15 ของการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยในปีนี้บริษัทจะเน้นการทำตลาดเชิงรุก พร้อมผลักดันกลยุทธ์การตลาด ให้เข้าถึงผู้บริโภคตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยจะเริ่มจากการแนะนำสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาด เช่น สัญญาณกันขโมยรถจักรยานยนต์ สัญญาณกันขโมยระบบดาวเทียม ทั้งนี้เพราะบริษัทต้องการให้บริการที่ครอบคลุมในทุกกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย
นอกจากนี้บริษัทยังได้เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย ในส่วนของโมเดิร์น เทรด ซึ่งประกอบด้วย ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และดิสเคานท์สโตร์ เพราะในปัจจุบันครอบครัวใหม่นิยมซื้อสินค้าใน โมเดิร์น เทรด เนื่องจากมีความสะดวกสบายในการเดินทาง การจอดรถและการจับจ่าย ที่สำคัญคือครอบคลุมพื้นที่ให้บริการได้เป็นอย่างดี ส่วนตัวแทนจำหน่ายปัจจุบันมีประมาณ 500 แห่ง แต่ยังคงมีการขยายเพิ่มขึ้นอีกในเขตจังหวัดหรืออำเภอ เพื่อการบริการที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
วิบูลย์ กล่าวเสริมอีกว่า นอกจากการเพิ่มไลน์สินค้าและการเพิ่มช่องทางจำหน่ายแล้ว บริษัทได้ปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ โดยจัดรายการส่งเสริมการขาย ABT LOW COST X,999 นำสินค้าอุปกรณ์กันขโมยทุกรุ่นเสนอในราคาพิเศษ พร้อมปรับโฉมแพคเกจใหม่ ให้ดูทันสมัยและสดใสยิ่งขึ้น ภายใต้คอนเซพท์ "YOUR ULIMATE TRUST" ความปลอดภัยที่จับต้องได้ ทั้งในด้านราคาและคุณภาพ พร้อมบริการที่ดีเยี่ยม
โตโยตา
เผยการตลาดปี '48
เรียวอิจิ ซาซากิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ในปี 2548 มีแนวโน้มการเจริญเติบโตที่ดี คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 10 % โดยจะมียอดขายอยู่ที่ 690,000 คัน โดยตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ จะเป็นตลาดที่สำคัญ ส่วนตลาดรถยนต์นั่งจะเติบโตไม่มากนัก เนื่องจากปีที่ผ่านมา ขยายตัวมากถึง 17 % ซึ่งสรุปยอดขายของปี 2547 ตลาดโดยรวมมีปริมาณ 626,026 คัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 209,110 คัน รถเพื่อการพาณิชย์ 416,916 คัน และรถพิคอัพขนาด 1 ตัน 368,911 คัน
ทั้งนี้อุตสาหกรรมรถยนต์จะเป็นอุตสาหกรรมหลัก ที่มีความสำคัญในการส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่ตลาดรถพิคอัพขนาด 1 ตัน ยังคงเป็นตลาดที่มีการขยายตัวที่สูง และจะมีการแนะนำรถรุ่นใหม่ เข้าสู่ตลาดอีกหลายรุ่นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
สำหรับตลาดรวมของปีนี้ที่คาดว่าจะมีปริมาณ 690,000 คัน จะแบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 215,000 คัน รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 475,000 คัน รถพิคอัพขนาด 1 ตัน 412,000 คัน โดยในส่วนของ โตโยตา คาดว่าจะมียอดขายอยู่ที่ 280,000 คัน เจริญเติบโต 20 % เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และคาดว่าจะครองส่วนแบ่งการตลาด 40 % โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 107,000 คัน เติบโต 3.4 % ส่วนแบ่งตลาด 50 % รถเพื่อการพาณิชย์ 173,000 คัน เติบโต 32 % ส่วนแบ่งตลาด 36 % รถพิคอัพขนาด 1 ตัน 165,000 คัน เติบโต 34 % ส่วนแบ่งตลาด 40 % รถเลกซัส 1,000 คัน เติบโต 86 %
ส่วนการส่งออกบริษัทตั้งเป้าอยู่ที่ 150,000 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 30 % เป็นอันดับ 1 ของผู้ส่งออกรถยนต์ของประเทศไทย โดยปีนี้เป็นปีแรกที่ส่งออกรถยนต์ และชิ้นส่วนในโครงการ ไอเอมวี รวมทั้งรถยนต์นั่ง พร้อมด้วยชิ้นส่วนอะไหล่อีก 17,000 คอนเทนเนอร์ คิดเป็นมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 110,000 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทได้มีการปรับการผลิต เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะมีกำลังการผลิต 405,000 คัน/ปี แบ่งเป็นการผลิตของ โรงงานสำโรง 272,000 คัน และโรงงานเกทเวย์ 133,000 คัน พร้อมกันนี้บริษัทยังมีเป้าหมายอันดับ 1 ในด้านการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า ด้วยการพัฒนาผู้แทนจำหน่ายในเรื่องคุณภาพการบริการ การขยายโชว์รูมและศูนย์บริการทั้งในกรุงเทพ ฯ และต่างจังหวัด เช่นเดียวกับความมุ่งมั่น ในการส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคมไทย
ไลฟ์เซฟเวอร์ ฯ
ช่วยเหลือผู้ประสบภัย สึนามิ
ไพศาล พิสุทธิ์วัชระกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลฟ์เซฟเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจากคลื่น สึนามิ ใน 6 จังหวัดภาคใต้ อีกทั้งเพื่อเป็นการคืนกำไรให้สังคม บริษัทจึงได้จัด โครงการ "DUNLOP ช่วยผู้ประสบภัยคลื่นสึนามิ" โดยนำรายได้จากการจำหน่ายยางรถยนต์ ดันลอพ ทุกเส้น ระหว่างวันที่ 1 มค.-31 มีค.2548 เส้นละ 100 บาท บริจาคให้องค์กรสาธารณกุศลของรัฐ
สำหรับการจัดโครงการดังกล่าว บริษัทคาดว่าจะมียอดจำหน่ายยางประมาณ 25,000-30,000 เส้น ซึ่งจะทำให้มีเงินบริจาคประมาณ 2-3 ล้านบาท แต่ถึงแม้ว่าโครงการดังกล่าวจะมียอดจำหน่ายครบ 30,000 เส้น หรือไม่ก็ตาม ด้วยความตั้งใจและนโยบายที่จะคืนกำไรให้สังคม บริษัทก็ตั้งเป้ายอดบริจาคครั้งนี้ขั้นต่ำ 3 ล้านบาท
บางจาก ฯ
ตั้งเป้ากำไรก่อนหักภาษี 5.8 พันล้าน ใน 5 ปี
ดร. อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล ผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากได้วางเป้าหมายธุรกิจอีก 5 ปี จะมีกำไรก่อนหักภาษี 5,800 ล้านบาท ซึ่งนับว่าสูงกว่า 3 เท่าของกำไรก่อนหักภาษีในปี 2547 ที่มีอยู่ 1,800 ล้านบาท คาดว่าในปี 2548 จะมีกำไรก่อนหักภาษี 2,200 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีแผนลงทุนปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน โดยลดกำมะถันในน้ำมันเบนซิน และดีเซล เพื่อให้น้ำมันสะอาดขึ้นตามมาตรฐานยูโร 3 ใช้เงินลงทุน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในปลายปีนี้ และจะแล้วเสร็จในปี 2550 ส่วนเงินลงทุนคาดว่า จะมาจากเงินกู้และการร่วมลงทุนของพันธมิตร ซึ่งจะสรุปในช่วงกลางปีนี้
นอกจากนี้บริษัทยังได้กำหนดเป้าหมายว่าจะมียอดขายเติบโตไม่น้อยกว่า 8 % ซึ่งกว่า 80 % จะเป็นการขายปลีกน้ำมันในประเทศ และ 20 % เป็นการขายให้ผู้ค่าส่ง ทั้งนี้บางจากตั้งเป้าเป็นผู้นำผลิตและจำหน่ายพลังงานทดแทนแกสโซฮอล โดยมีแผนที่จะขยายสถานีบริการแกสโซฮอล ไม่น้อยกว่า 375 แห่ง ในสิ้นปี 2548 และในปี 2549 จะยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 95 และหันมาจำหน่ายแกสโซฮอล 95 เพียงอย่างเดียว
สำหรับการปรับปรุงสถานีบริการน้ำมัน บางจากจะร่วมกับพันธมิตรร้านสะดวกซื้อ ในการพัฒนา ร้านเลมอน กรีน ในสถานีบริการน้ำมัน เพื่อดึงดูดให้มีผู้มาใช้บริการมากยิ่งขึ้น และจะพัฒนาโครงการปั๊มในส่วน โครงการเหนื่อยนักพักนวด รวมทั้งขยายและพัฒนาปั๊มชุมชนในทำเลที่มีศักยภาพมากขึ้น
ส่วนผลดำเนินงานในปี 2547 บางจากมียอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้น 30 % จาก 60,000 ล้านบาท เป็น 80,000 ล้านบาท โดยมียอดขายผ่านสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 คือเพิ่มขึ้น 10.7 % ขณะที่อุตสาหกรรมเติบโตเพียง 1.6 % ทำให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 12.3 %
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/7960