X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
รถใหม่
25 Apr 2024
ส่วนผสมของรถซาลูน และคูเประดับหรู
เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส ส่วนผสมของรถซาลูน และคูเประดับหรู ผู้ที่เคยติดตามข่าวคราวเกี่ยวกับการพยายามนำอลูมิเนียมมาใช้ เพื่อลดน้ำหนักตัวของรถยนต์ มักจะเข้าใจกันว่า ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีบทบาทเป็นอย่างมากในเรื่องนี้ คือ เอาดี (AUDI) ของเยอรมนี กับ แฟร์รารี (FERRARI) ของอิตาลี และคงมีน้อยคนนักที่ทราบว่า จริงๆ แล้ว ผู้ที่นำอลูมิเนียมมาใช้ในรถยนต์มากที่สุดในโลก คือ เจ้าของเครื่องหมาย "ดาวสามแฉก" เมร์เซเดส-เบนซ์ (MERCEDES-BENZ) ของเยอรมนี นาย ฮันส์-ดีเทร์ มุลท์ฮอพท์ (HANS-DIETER MULTHAUPT) รองประธานผู้รับผิดชอบการผลิตรถ เอส-คลาสส์ (S-CLASS) เอสแอล-คลาสส์ (SL-CLASS) เอสแอลเค-คลาสส์ (SLK-CLASS) และ มายบัค (MAYBACH) เคยบอกกับผู้สื่อข่าวในเยอรมนีว่า "เปลือกตัวถังทั้งหมดของรถ อี-คลาสส์ (E-CLASS) ทำจากอลูมิเนียมอัลลอย แล้วก็ยังมีชิ้นส่วนอื่นๆ อีกหลายชิ้นที่ทำจากอลูมิเนียมอัลลอย คือ เครื่องยนต์ ระบบรองรับ และซับเฟรม" เมื่อพิจารณาจากยอดผลิตในรอบปี 2003 ซึ่งค่ายสี่วงแหวน ผลิตรถ เอาดี เอ 8 (AUDI A8) และ เอาดี เอ 2 (AUDI A2) ซึ่งใช้ตัวถังอลูมิเนียมเพียง 49,000 คัน ในขณะที่ค่ายดาวสามแฉกผลิตรถ อี-คลาสส์ (E-CLASS) ออกสู่ตลาดทั่วโลกถึง 300,000 คัน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ใช่หมายเลขหนึ่ง อีกหนึ่งตัวอย่าง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะนำวัสดุมวลเบาอย่างอลูมิเนียม มาใช้งานในรถยนต์ มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คือ รถติดตรา "ดาวสามแฉก" อนุกรมใหม่ล่าสุด เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ CLS-CLASS) ที่เห็นอยู่ในขณะนี้ ย้อนหลังไปถึงเดือนกันยายน 2003 ที่ ฮอลล์ 2 ในงานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ทครั้งที่ 60 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ค่ายดาวสามแฉกจับจองไว้ทั้งหมด มีรถแนวคิดคันหนึ่ง อวดตัวอยู่บนแท่นหมุนขนาดมหึมา ป้ายชื่อที่ติดอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของตัวรถ คือ วิชัน ซีแอลเอส (VISION CLS) เก้าคนในสิบคนที่เห็นรถแนวคิดคันนี้ อดถามตัวเองไม่ได้ว่า เป็นรถซาลูนหรือรถคูเป เพราะมี 4 ประตูเหมือนรถซาลูน แต่ทรวดทรงองค์เอวน่าจะเป็นรถคูเป ครึ่งปีถัดมา คือที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาครั้งที่ 74 เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รถแนวคิด วิชัน ซีแอลเอส หายไป และที่มาแทนที่คือ รถตลาด ซีแอลเอส-คลาสส์ (CLS-CLASS) ซึ่งมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆเพียงไม่กี่จุดเท่านั้นเอง ที่แตกต่างไปจากรถแนวคิดซึ่งปรากฏตัวที่ฟรังค์ฟวร์ท คือ แผงกระจังหน้า ที่จับเปิดประตู กระจกมองข้าง และหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (PANORAMIC SUNROOF) เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส ปรากฏตัวพร้อมคำบรรยายสรรพคุณว่า เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่รูปทรงองค์เอวอันสง่างามและความแข็งแกร่งของรถคูเป ถูกนำมาผสมผสานอย่างลงตัว กับความสะดวกสบายและใช้งานได้อย่างคล่องตัวของรถซาลูน และผลลัพธ์ก็คือรถสไตล์ใหม่ ที่น่าจะเรียกขานกันว่า "รถ 4 ประตูคูเป" รถตลาดอนุกรมใหม่ล่าสุดของค่ายดาวสามแฉก ซ่อนตัวอยู่ในตัวถังยาว 4.913 ม.กว้าง 1.851 ม. และสูง 1.390-1.403 ม. ที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่กันชนหน้าจรดกันชนหลัง แต่อาศัยโครงฐานที่มีช่วงฐานล้อยาว 2.854 ม. ซึ่งขอหยิบขอยืมจากรถ อี-คลาสส์ (E-CLASS) รูปทรงองค์เอวตัวถังโดยเฉพาะส่วนท้าย เห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นรถคูเปมากกว่ารถซาลูน ส่วนค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศซึ่งบ่งบอกความลู่ลม ก็อยู่ในเกณฑ์ดีพอสมควร คือ 0.30 เอกสารประชาสัมพันธ์ของค่ายดาวสามแฉกระบุว่า รถแบบใหม่นี้ ใช้อลูมิเนียมในทุกจุดที่พิสูจน์ได้ว่า จะได้ผลดีกว่าใช้เหล็กกล้า ตัวอย่างคือ ฝากระโปรงหน้า ช่องเก็บของ และแผงหลังพนักพิงตัวหลัง และเมื่อสรุปโดยรวม เมื่อวัดโดยน้ำหนัก ชิ้นส่วนที่ทำจากอัลลอยกำลังสูง มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 47.5 นั่นเทียว กำหนดออกจำหน่ายในเยอรมนี ปลายปี 2004 นี้ โดยจะมีรถให้เลือกใช้เพียง 2โมเดล คือ CLS 350 ติดตั้งเครื่องยนต์ DOHC วี 6 สูบ 24 วาล์ว 3,498 ซีซี 272 แรงม้า กับ CLS 500 ติดตั้งเครื่องยนต์ SOHC วี 8 สูบ 24 วาล์ว 4,966 ซีซี 306 แรงม้า ส่วนระบบเกียร์เพื่อส่งทอดกำลังสู่ล้อคู่หลัง มีเพียงแบบเดียว คือเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ G7-TRONIC ที่เพิ่งออกแบบขึ้นใหม่ สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. CLS 350 ทำได้ใน 7.0 วินาที CLS 500 ทำได้ใน 6.1 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุด ทั้ง 2โมเดล ถูกจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม.
อ่านต่อ
เรื่องโดย : ชูศักดิ์ ชมจินดา
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : รถใหม่
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://www.autoinfo.co.th/archive/7693
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th