พิเศษ
ทางหนีทีไล่
เป็นที่รู้กันว่าสถานศึกษาทุกแห่งจะเปิดภาคการศึกษาใหม่ ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม
ซึ่งเป็นช่วงที่การจราจรจคับคั่งเป็นพิเศษ เนื่องจากมีผู้ปกครองขับรถรับ/ส่งนักเรียนในช่วงเช้า/บ่าย
ทำให้ปริมาณรถสะสมบริเวณหน้าโรงเรียนค่อนข้างมาก ส่งผลให้เกิดปัญหาจราจรเป็นวงกว้าง "ฟอร์มูลา"
จึงสำรวจแผนการแก้ปัญหาของสถานีตำรวจและทางสถานศึกษาซึ่งอยู่ในพื้นที่ ซึ่งมีสถานศึกษาชื่อดังตั้งอยู่
ว่ามีการเตรียมรับมือกับปัญหานี้อย่างไร
ย่าน สาทร สีลม บางรัก
โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย
อาจารย์ วิรัช วงษ์สูง หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมระเบียบวินัยมัธยมศึกษา โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย
ให้ข้อมูลว่า ทางโรงเรียนได้ร่วมมือกับสถานีตำรวจนครบาลยานนาวา ซึ่งดูแลด้านการจราจรนำโดย
พตท. กิตติพันธุ์........ รองผู้กำกับการ (จราจร) ได้จัดการจราจรรับช่วงเปิดเทอมในบริเวณ ถนนสีลม/สาทร/
ประมวญ และศรีเวียง ช่วงเช้า/เย็นดังนี้
ในช่วงเช้า เวลาประมาณ 06.00-8.00 น. บนถนนประมวญ การจราจรจะเป็นแบบเดินทางเดียว (2 ช่องทาง)
โดยให้เข้าจากถนนสาทรเหนือเพียงแห่งเดียวแล้วมุ่งสู่สีลม หรือศรีเวียง (เพื่อออกมายังถนนสุรศักดิ์-สาทร)
ส่วนในช่วงเย็น เริ่มที่ประมาณ 14.30-17.00 น. การจราจรถนนประมวญเป็นแบบเดินทางเดียวแต่ในทาง
กลับกัน คือ จะเข้าทางสีลมเพียงแห่งเดียว (2 ช่องทาง) วิ่งไปยังถนนสาทร หรือ ศรีเวียง ริมถนนสาทรจะ
ห้ามจอดรถตลอด 24 ชม.
การจราจรในช่วงเช้าจะไม่ค่อยเป็นปัญหาเนื่องจากผู้ปกครองที่มาส่งนักเรียน จะจอดรถแล้วก็เดินทางต่อไป
ไม่จอดเป็นเวลานาน ส่วนตอนเย็นหลังเลิกเรียนจะมีปัญหาค่อนข้างมากเนื่องจากผู้ปกครองมักจะมาจอด
รอรับนักเรียน โดยเฉพาะในช่วงก่อนเลิกเรียน บางครั้งจอดซ้อนคัน ทำให้การจราจรติดขัด ทั้งๆ ที่ บริเวณหน้า
โรงเรียนกำหนดให้เป็นพื้นที่ห้ามจอด และทางโรงเรียนจะไม่อนุญาตให้นักเรียนขับรถมาโรงเรียน
หลังจากที่รถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดให้บริการ จึงช่วยลดปัญหาการจราจรบริเวณหน้าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย
ไปได้มากทีเดียว เนื่องจาก นักเรียน/ผู้ปกครองและครู จะมาลงรถไฟฟ้าที่สถานีสุรศักดิ์ แต่บริเวณประตูโรงเรียน
บนถนนสาทรการจราจรค่อนข้างติดขัดเนื่องจากผู้ปกครองจะจอดส่งนักเรียน นอกจากนี้ยังมีป้ายจอดรถประจำทางหน้าโรงเรียน
ซึ่งมีรถจอดค่อนข้างมาก ทำให้เสียช่องทางการจราจรไป 1-2 ช่องทาง
โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม
สน. ยานนาวา ร่วมกับ โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม จัดการจราจรคล้ายๆ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน
ในซอยเซนหลุยส์ 3 ช่วงเช้า/เย็น จะเป็นการจราจรแบบเดินรถทางเดียวให้เข้าจาก ถ. สาทร เพียงอย่างเดียว
ผู้ปกครองสามารถขับเข้าไปส่งใน รร. แล้ววนมาออกทางซอยเซนหลุยส์ 2 ข้างโรงพยาบาลเซนหลุยส์
หรือจะจอดส่งหน้าโรงเรียนแล้ววิ่งตรงไปออกทางตรอกจันทน์ หรืออาคารสงเคราะห์ก็ได้ ส่วนในช่วงเวลาตั้ง
แต่ 08.00-14.30 น. ในซอยเซนหลุยส์จะเป็นการจราจรแบบสวนทางกัน
สถานีตำรวจนครบาลยานนาวา
เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรของสถานีตำรวจนครบาลยานนาวา ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อการรับ/ส่งนักเรียน
ให้รวดเร็วและปลอดภัย โดยทางการกำหนดจุดรับ/ส่งหน้าโรงเรียนตามป้ายหมาย โดยให้คุณครูจัดนักเรียน
รุ่นพี่คอยรับนักเรียนเล็กเมื่อลงจากรถเพื่อความรวดเร็วและปลอดภัย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรคอย
อำนวยความสะดวกบริเวณนั้น รวมทั้งอบรมให้เด็กรู้จักวินัยการจราจร
การเตรียมพร้อมของผู้ปกครองและนักเรียนก่อนออกจากบ้าน ก็ช่วยลดปัญหาได้มาก เช่น นำกระเป๋าไว้กับตัว
นักเรียน และนั่งรถประตูด้านซ้าย/ขวาให้ตรงกับจุดกำหนดในการรับ/ส่ง นักเรียนไม่นำกระเป๋าหรืออุปกรณ์
ต่างๆ ไว้ที่เก็บสัมภาระท้ายรถ ซึ่งจะทำให้เสียเวลาและเกิดปัญหาการจราจรได้ เรื่องการนัดหมายรับ
นักเรียนกลับบ้าน ควรให้นักเรียนมารอยังจุดนัดพบหรือจุดรับ/ส่งที่กำหนด จะได้ไม่ต้องจอดคอย
สาเหตุทำให้การจราจรติดขัด การมารับนักเรียนก่อนโรงเรียนเลิก โดยมาจอดรถรอบบริเวณหน้าโรงเรียน
หรือสถานที่ใกล้เคียงนั้น จะเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาจราจรอย่างยิ่ง ควรนัดแนะการมารับหลังจากที่โรงเรียน
เลิกแล้วประมาณ 5-10 นาที
ย่านสะพานพุทธ และปากคลองตลาด
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
อาจารย์ ปรารภ ศรีแจ่ม ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ฝ่ายบริหารทั่วไป
โรงเรียนสวนกุหลาบประสานงานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยึดแนวทางการปฏิบัติในภาคเรียนที่ผ่านมา
การจราจรภายในบริเวณโรงเรียน ทางฝ่ายบริหารโรงเรียนยังคงจัดการให้รถเดินทางเดียว โดยเปิดให้รถ
ผู้ปกครองเข้าทางประตูตรีเพชร (ถนนตรีเพชร) และวนไปออกทางประตูจักรเพชร (ถนนจักรเพชร)
ส่วนด้านหน้าโรงเรียน จัดจุดรับ/ส่งนักเรียน ซึ่งจะมีนักเรียนรุ่นพี่มาคอยรอรับนักเรียนรุ่นน้อง เพื่อสร้างความ
มั่นใจให้แก่ผู้ปกครอง โดยในช่วงเย็น สน. พระราชวัง ได้กำหนดพื้นที่และเวลาผ่อนผันพิเศษให้ผู้ปกครอง
จอดรถรับนักเรียนได้
เนื่องจากเป็นโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยเป็นโรงเรียนชายล้วน นักเรียนส่วนหนึ่งจะโดยสารรถประจำทางไป/
กลับ จึงช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดหน้าบริเวณโรงเรียนไปได้บ้าง
โรงเรียนราชินี
ฝ่ายธุรการ โรงเรียนราชินี ซึ่งดูแลในส่วนของงานจราจร
เนื่องจากภายในบริเวณโรงเรียนไม่สะดวกกับการนำรถเข้า/ออก ประกอบกับมีพื้นที่ติดบริเวณปากคลองตลาด
รถผู้ปกครองจึงต้องจอดริมถนน ซึ่งทำให้เสียช่องทางจราจรบนถนนมหาราชไปอย่างน้อย 1 ช่องทาง
ในช่วงเช้า และ 2 ช่องทางในช่วงเย็น
ช่วงเช้า ผู้ปกครองมาไม่พร้อมกัน การจราจรบริเวณถนนมหาราชรถสวนทางเป็นปกติ ผู้ปกครองสามารถ
จอดรถส่ง ในจุดที่ทางโรงเรียนราชินีจัดจุดรับ/ส่ง ตามโครงการพี่รับน้องที่ร่วมกันกับ สน. พระราชวัง ซึ่งได้จัดนักเรียนยุวกาชาด มาคอยรอรับรุ่นน้องจากรถผู้ปกครอง และส่งเข้าโรงเรียนแทนผู้ปกครอง
ในช่วงเย็น ผู้ปกครองจะมาจอดรถรอรับก่อนเวลาเลิกเรียน นักเรียนกว่า 3,000 คน รถเกือบ 3,000 คัน
ใช้พื้นที่ค่อนข้างมากทาง สน. พระราชวัง จัดการเดินรถทางเดียว เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถจอดรถรอริมถนน
มหาราช โดยอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิปอเต็กตึ้ง ซึ่งในปีนี้จะมีการจัดแบ่งโซน เพื่อลดปริมาณรถที่จะเข้ามาจอดบริเวณหน้าโรงเรียน และระบายรถออกได้เร็วยิ่งขึ้น
สถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง
พตท. นพดล สุคนธวิท รองผู้กำกับการ (จราจร) สถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง
สน. พระราชวัง ได้เตรียมความพร้อม ทั้งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบ ประสานงานกับโรงเรียนในพื้นที่
และแผ่นพับแนะนำเส้นทางจราจรให้แก่ผู้ปกครอง
เริ่มจาก บุคลากรที่เป็นหัวใจสำคัญ สน. พระราชวังได้คัดเลือกเจ้าหน้าที่ ที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี ใจเย็น
เพื่อดูแลในส่วนพื้นที่บริเวณหน้าโรงเรียน เพื่อหลีกเลี่ยงจากการมีปากเสียงกับผู้ปกครองในเรื่อง
ห้ามจอดรถ มาเป็นการอำนวยความสะดวกและจัดระเบียบการจราจร
สน. พระราชวัง ยังได้จัดให้มีจุดผ่อนผันพิเศษ/ถนนหน้าโรงเรียน ในช่วงเช้าเวลา 6.00-8.00 น.
และช่วงเย็นเวลา 15.00-17.00 น.
ด้านความร่วมมือกับทางโรงเรียน สน. พระราชวัง จัดจุดรับ/ส่งนักเรียน ตามโครงการพี่รับน้อง
และได้สอดแทรกระเบียบวินัยจราจรและลดอุบัติเหตุ ตามโครงการลูกชาย/ลูกสาวห่วงใย ซึ่งได้รับการตอบรับ
เป็นอย่างดีจากผู้ปกครองและนักเรียนในภาคเรียนที่ผ่านมา
และได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงเพิ่มบริเวณหน้าโรงเรียนราชินี ซึ่งมีแต่เด็กนักเรียนหญิง เพื่อสร้างความอบอุ่น
ใจให้แก่ผู้ปกครอง
ในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ สน. พระราชวัง ได้เตรียมแผ่นพับแจ้งวิธีปฏิบัติและแยกจุดรับ/ส่งเด็กโตออกมา
จากพื้นที่ติดขัด เพื่อให้สามารถรับ/ส่งได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องขับรถเข้าไปติดด้านหน้าโรงเรียน โดยเฉพาะ
หน้าโรงเรียนราชินี และถนนมหาราช ซึ่งมีพื้นที่ติดปากคลองตลาด ในช่วงเย็นอาจสร้างปัญหารถติดยาวถึง
สะพานพุทธ ฯ และฝั่งธนบุรี
ย่านรามคำแหง
มหาวิทยาลัยรามคำแหง
หน่วยงานสวัสดิการและรักษาความปลอดภัยมหาวิทยาลัยรามคำแหง
หน่วยงานสวัสดิการและรักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยรามคำแหง มีหน้าที่ดูแลการจราจรภายใน
บริเวณมหาวิทยาลัย และประสานงานกับสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก สำหรับการจราจรบริเวณด้านหน้า
มหาวิทยาลัยฝั่งที่ติดกับถนนรามคำแหง
ระบบจราจรภายในของมหาวิทยาลัยรามคำแหง จัดแบบมาตรฐาน คือ มีเส้นแบ่งจราจรชัดเจน มีระบบเดิน
รถทางเดียว และเดินรถสวนทาง มีที่จอดรถเฉพาะสำหรับคณะอาจารย์ ที่จอดรถสำหรับนักศึกษา
และบุคคลภายนอกที่เข้ามาติดต่อ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความเรียบร้อย
ในช่วงเปิดภาคเรียน มีรถเข้า/ออกมหาวิทยาลัยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะรถผู้ปกครอง รถนักเรียนของ
โรงเรียนสาธิตราม ฯ รถอาจารย์ และรถนักศึกษา รวมถึงผู้ที่มาติดต่อ บางครั้งเกิดปัญหารถติดสะสมบริเวณ
ทางเข้า/ออก ฝั่งถนนรามคำแหง จึงต้องประสานงานกับ สน. หัวหมาก เพื่อช่วยระบายรถ และไม่ให้เกิดการ
สะสมบริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (วิทยาเขตหัวหมาก)
นคร ระวิวรรณ ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัย
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้แก่นักศึกษาและประชาชน
ทั่วไป ตั้งแต่เวลา 7.00 -9.30 น. และ16.00 น. เป็นต้นไป บริเวณพื้นที่มหาวิทยาลัยและบริเวณใกล้เคียง
โดยเน้นเรื่องการระบายรถเป็นหลัก ส่วนจุดที่มีปัญหาคือบริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยซึ่งเป็นถนนคอขวด
มีการสะสมของรถบริเวณดังกล่าว จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่คอยเร่งระบาย เพื่อความคล่องตัว และวางตัว
เจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกตั้งแต่ถนนเสรี 4 ขึ้นมาจนถึงบริเวณหน้ามหาวิทยาลัย
สำหรับพื้นที่ภายใน มีการจัดสถานที่จอดรถให้แก่อาจารย์ และผู้มาติดต่อ รวมถึงนักศึกษาปริญญาโท/เอก
อย่างเป็นสัดส่วน โดยปกติทางมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้นักศึกษาระดับปริญญาตรีนำรถเข้ามาจอดภายใน
มหาวิทยาลัย แต่มีสถานที่จอดรถซึ่งจัดโดยเอกชนบริเวณรอบๆ มหาวิทยาลัยคอยให้บริการ
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ มีการประสานงานกับสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก เกี่ยวกับงานจราจรและการรักษา
ความปลอดภัย โดยส่งเจ้าหน้าที่เข้ารับการฝึกอบรม จนมีความชำนาญและสามารถประสานงานกับเจ้าหน้าที่
ตำรวจได้เป็นอย่างดี และมีการประชุมกับทางสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก เกี่ยวกับปัญหาและ
ความก้าวหน้าในการดำเนินการอยู่ตลอดเวลา
สถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก
พตท. รัฐวุฒิ เจียมศรีพงษ์ สารวัตรจราจร สถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก
สถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก มีภารกิจทางด้านการจราจร ในเขตความรับผิดชอบ โดยจัดกำลังเจ้าหน้าที่
ตำรวจไว้คอยอำนวยความสะดวกและแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่ ทาง สน. มีการประสานงานกับโรงเรียน
ต่างๆ และให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎระเบียบ รวมทั้งปลูกจิตสำนึกและสร้างวินัยในการใช้รถใช้ถนน
สำหรับการปฏิบัติงานในช่วงสถานศึกษาเปิดภาคเรียน มีการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเต็มกำลัง โดยเฉพาะ
บริเวณหน้าโรงเรียนเพื่อเร่งระบายรถ และมีการจัดกำลังตามจุดต่างๆ เช่น จุดกลับรถหน้าการไฟฟ้า
หน้าบริษัท โอสถสภา ฯ แยกพรีเมียร์ แยกรามคำแหง หน้าโรงพยาบาลรามคำแหง ปากซอยรามคำแหง 21,
32, 39, 42, 46, 50 และ 87 ทางเข้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง แยกลำสาลี ฯลฯ
ทาง สน. มีการประชาสัมพันธ์ทางสถานีวิทยุ รายงานสภาพการจราจร เช่น จส.100/สวพ. 91 โดยรายงานสด
ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ขับขี่รถยนต์ที่เปิดสถานีดังกล่าว สามารถทราบสถานการณ์
และเลือกใช้เส้นทางได้อย่างถูกต้อง และทาง สน. มีการประสานงานกับ สน.ข้างเคียง เพื่อการระบายรถได้
อย่างต่อเนื่อง โดยผู้บังคับบัญชาจัดให้มีการประชุมระดับสารวัตรจราจรขึ้นไปทุกๆ สัปดาห์
เพื่อร่วมปรึกษางานด้านการจราจร
ย่านปทุมวัน
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ บัญชา ชลาภิรมย์ ผู้อำนวยการส่วนรักษาความปอลดภัยและยานพาหนะ
"จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีถนนผ่านเข้า/ออกสู่ถนนหลายสาย โดยในแต่ละวันจะมีรถหมุนเวียนในช่วงเช้า
ตั้งแต่เวลา 6.00-9.00 น. เกือบ 10,000 คัน ซึ่งถ้าเป็นในช่วงเปิดเทอมจะมีรถเพิ่มมากขึ้น บางครั้งเกิดโกลาหล
เล็กน้อย ทั้งนี้เกิดจากผู้ปกครองนักเรียนใหม่ ของโรงเรียนสาธิตจุฬา ฯ ประมาณ 100 คน และนิสิตใหม่อีก
ประมาณ 2,000 คน เนื่องจากยังไม่ชินกับสภาพการจราจร ทางมหาวิทยาลัย ฯ ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่รักษา
ความปลอดภัยอำนวยความสะดวกในเรื่องการจัดการจราจร
โดยวิธีการจัดการจราจรภายในมหาวิทยาลัย ฯ จะเป็นการเดินรถทางเดียว ไม่มีรถวิ่งสวนทาง ส่วนเรื่องของ
ที่จอดรถมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะจัดให้แก่อาจารย์ บุคลากร และเจ้าหน้าที่ ส่วนนิสิตนั้นจะให้จอดในมุม
ต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัย ส่วนสติคเกอร์ที่จัดทำขึ้นนั้นจะแบ่งเป็น 2 สี คือ อาจารย์/บุคลากร และเจ้าหน้าที่
จะเป็นสีฟ้า ส่วนของนิสิตจะอนุญาตให้แก่นิสิตชั้นปีที่ 3-4 เท่านั้น เนื่องจากไม่สนับสนุนให้นิสิตขับรถมา
จะใช้สติคเกอร์สีชมพู นอกจากนี้บางคณะมีตราของคณะ รถพวกนี้มีสิทธิ์จอดได้ ส่วนสติคเกอร์ที่เหลือเป็น
เพียงบัตรแสดงการเข้า/ออกผ่านประตูปทุมวันกับพญาไท เพื่อแสดงว่ารถที่ติดสติคเกอร์สามารถผ่านได้
ส่วนการแก้ไข มหาวิทยาลัยได้จัดรถ SHUTTER BUS บริการขึ้น 3 สาย คือ 1. ออกจากมหาวิทยาลัย
ผ่านถนนอังรีดูนังต์ สยามสแควร์ เพื่อรับคนจากสถานีรถไฟฟ้าเข้ามหาวิทยาลัย ถนนพญาไท
2. เชื่อมระหว่างทิศตะวันตกกับทิศตะวันออก ถนนพญาไท เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ถนน 2 ฝั่งให้เดินทาง
มาเล่นกีฬา ศาลาพระเกี้ยว สโมสรนิสิต และ 3. ไปสามย่าน เนื่องจากมีหอพักนิสิตนักศึกษาโดย
มหาวิทยาลัยเก็บค่ารถ 2 บาททุกสาย ซึ่งจุดนี้มหาวิทยาลัยต้องเสียค่าใช้จ่ายปีละ 9 แสนบาท
ทั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาลดจำนวนรถให้น้อยลง
และสำหรับผู้ที่นำรถมาก็มีมาตรการต่างๆ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่
ผู้อื่น เช่น ห้ามขับรถเร็ว และก่อความรำคาญ จอดรถไม่เป็นที่ หากฝ่าฝืนจะมีการหักคะแนนความประพฤติ
หรือลอคล้อ และจะต้องจ่ายค่าปรับคันละ 100 บาท และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นยกเลิกไม่ให้นำรถมา
นอกจากนี้ยังมีโครงการสร้างอาคารจอดรถ 10 ชั้น บริเวณสนามกีฬา เพื่อให้มีที่จอดรถเพิ่มขึ้นอีกประมาณ
1,500 คัน แต่เนื่องจากติดปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ในขณะนี้จึงยังไม่สามารถสรุปว่าจะมีการสร้างเมื่อไร
แต่ถ้าเป็นโรงเรียนสาธิตจุฬา ฯ จะมีการติดในช่วงเช้าที่ผู้ปกครองมาส่งเด็กนักเรียนและไม่อยู่ในระเบียบวินัย
เนื่องจากได้มีการจัดช่องจราจรสำหรับรถที่มาส่งเด็กให้เข้าช่องที่ 1 แต่ก็มีผู้ปกครองบางท่านมาใช้ช่อง 2
เพราะไม่อยากรอ ตรงส่วนนี้ต้องการสร้างให้เกิดวินัยกันเอง
บางครั้งผู้ปกครองบางท่านไม่สนใจจอดส่งลูกนาน ไม่แคร์ว่ารถจะติดอย่างไร เป็นเรื่องที่พยายามแก้ไข
แต่ต้องใช้สังคมบังคับ ให้เห็นว่าสังคมเดือดร้อน ซึ่งบางครั้งทนไม่ได้ก็มาจอดส่งหน้าโรงเรียน บางทีก็จอดส่ง
ทางม้าลาย แต่เหตุการณ์เช่นนี้ก็จะเป็นไม่นานจะอยู่ในช่วงเวลาประมาณ 7.20-7.50 น.
แต่โดยนโยบายของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้ว ไม่ส่งเสริมให้มีรถวิ่งภายในจุฬา ฯ เนื่องจาก ไม่สนับสนุน
การใช้รถ อาคารเรียนอยู่ริมถนน มีรถวิ่งทำให้เกิดมลพิษ เรื่องเสียง และอากาศ อยากให้จุฬาลงกรณ์เป็น
มหาวิทยาลัยสีเขียว แต่ สจร. ขออนุญาตขอให้รถวิ่งผ่าน
ขณะนี้มหาวิทยาลัยได้ทดลองสร้างทางเดิน CROSS WAY จากอาคารจุฬา ฯ ไปป้ายรถเมล์ ทั้งนี้เพื่อให้คนที่
เดินไม่ร้อน และถ้าฝนตกก็ไม่เปียก ซึ่งถ้าทำได้ผลจะทำทุกสาย
การจราจรและการที่รถติดนั้น เกิดขึ้นจากวินัย และไม่มีความเกรงกลัว ตัวอย่างเช่น สัญญาณไฟ ถึงแม้ว่า
จะเป็นเวลาช่วงใดก็ไม่ควรฝ่าฝืน ต้องสร้างเป็นนิสัย จอดไม่ได้ก็ไม่สมควรที่จะจอด แต่คนส่วนใหญ่
มีข้อแก้ตัวตลอด จุดนี้แก้ไม่หาย"
สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน
พตท. บุญฤทธิ์ กิตติถิระพงษ์ สารวัตรจราจร สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน
"พื้นที่ของสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน ครอบคลุมทั้งหมด 4.9 ตารางกิโลเมตร เริ่มต้นทิศเหนือ
คลองแสนแสบ สะพานกษัตริย์ศึก คลองผดุงกรุงเกษม ต่อเนื่องเขตรถไฟหัวลำโพง จนถึงถนนพระราม 4
ตลอดสาย จนถึงแยกศาลาแดง โรงพยาบาลจุฬา ฯ ราชดำริตลอดสาย จนถึงคลองแสนแสบอีกด้านหนึ่ง
ตรงแยกประตูน้ำ มีเจ้าหน้าที่ 65 คน
ช่วงเปิดเทอมของทุกปีที่ผ่านมามี 2 แบบคือ โรงเรียนทั่วไปคือ โรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
มีโรงเรียนในสังกัดที่มีนักเรียน และรถจำนวนมากคือ สาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาธิตปทุมวัน
เตรียมอุดมศึกษา จะเปิดเทอมในช่วงวันที่ 16 พฤษภาคม ส่วนโรงเรียนอื่นไม่ค่อยมีปัญหามากนัก
โดยช่วงเวลาที่รถติดจะอยู่ประมาณ 7.30-8.00 น.
ปริมาณรถของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ประมาณ 3,000 คัน โรงเรียนสาธิตปทุมวัน 1,300 คัน
โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 1,200 คัน ส่วนใหญ่จะเป็นรถเก๋ง และอยู่ในถนนสายหลักทำให้
เกิดผลกระทบกับการจราจรภาพรวมได้ ที่เหลือจะเป็นโรงเรียนที่อยู่ในซอย
เปิดเทอมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รถก็จะเพิ่มขึ้นมากกว่าโรงเรียนทั่วไป โดยจะเปิดในช่วงเดือนมิถุนายน
การแก้ปัญหาจะเริ่มตั้งแต่ก่อนเปิดเทอมจะเข้าไปประชาสัมพันธ์ เรื่องการรับ/ส่งนักเรียนแก่ผู้ปกครองในช่วง
การประชุมสมาคมผู้ปกครองนักเรียนใหม่ เช่น โรงเรียนเตรียมอุดม และสาธิตปทุมวัน
โดยจะเป็นในเรื่องของการแนะนำการเตรียมความพร้อมก่อนลงจากรถเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว
เช่น กระเป๋านักเรียน เป็นต้น
การจราจรจะมีปัญหาในช่วงเช้า/เย็น และเกิดในช่วง 2 สัปดาห์แรก เกิดจากนักเรียนใหม่ไม่คุ้นกับเส้นทาง
ซึ่งทำให้ใช้เวลาในการเดินทางมาก การแก้ปัญหา ในช่วงเช้า ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรควบคุมสัญญาณ
ไฟ ตามถนนและทางแยกในเส้นทางที่มุ่งสู่โรงเรียนเป็นหลัก เช่น สาธิตจุฬา ฯ บริเวณแยกหน้าจุฬาลงกรณ์ ฯ
ทางเข้าจุฬา ฯ หน้าประตูใหญ่ และทางเข้าซอยจุฬา 22 และส่วนที่จะมาโรงเรียน ทั้งด้านหน้า/หลัง
ซึ่งตั้งแต่เช้าเจ้าหน้าที่จะนำรถยกออกตรวจไม่ให้มีรถเสีย หรือรถติด ตั้งแต่เช้าเพื่อรองรับ และเจ้าหน้าที่ก็จะ
ประจำจุด เมื่อผู้ปกครองนำรถมาก็จะแนะนำให้เข้าส่งอย่างมีระเบียบ
อีกกิจกรรมหนึ่งที่จัดกับโรงเรียนที่อยู่ริมถนน คือ รณรงค์วินัยจราจร โดยให้นักเรียนมีส่วนร่วมจัดจราจร
เป็นโครงการเชิงรุก พี่รับน้อง หนูน้อยห่วงใย รักลูกรักวินัย เช่น จัดป้ายประชาสัมพันธ์ หรือประกาศ
อย่าจอดรถนาน อย่าจอดรถกีดขวาง ต้องเข้าคิว หรือรุ่นพื่เตือนรุ่นน้อง ทำให้การจราจรเลื่อนไหล
หรือในบางครั้งนำกิจกรรมมาเป็นวิชาเสริม ทำให้เกิดความตื่นตาตื่นใจ ทั้งนักเรียน และผู้ปกครอง
ส่วนโรงเรียนอื่นๆ ที่ไม่ค่อยมีรถ ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรดูแลในเรื่องการข้ามถนน ซึ่งเป็นเรื่อง
ความปลอดภัยเป็นหลัก
ในช่วงของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดจะใช้เส้นทางหลายเส้นทาง เส้นทางหลักคือ ถนนพญาไท
ด้านประตูใหญ่ ข้างหลังถนนพระราม 4 บรรทัดทอง ทะลุซอย 22 แล้วทะลุประตูใหญ่ ปริมาณที่จอดรถ
ของจุฬาลงกรณ์ ฯ ไม่เพียงพอ แก้ไขโดยการจัดรถเมล์ภายในรับ/ส่งนักศึกษาไปคณะต่างๆ และออกมาตรการ
ต่างๆ เพื่อไม่ให้นักศึกษานำรถมามหาวิทยาลัย รวมถึงขอความร่วมมือกับสถานีตำรวจนครบาลปทุมวันดำเนิน
การกับรถที่จอดกีดขวาง เช่น ถนนพญาไท ถนนอังรีดูนังต์ จะมีกำหนดเวลา หากไม่ทำก็ให้ลอคล้อ
ดำเนินการตามกฎหมายทันที หรือยกรถ โดยปกติจะเสียค่าปรับ 200 บาท ค่าลอคล้อ และยกรถ 500 บาท
ส่วนถนนต่างๆ เช่น ถนนพระราม 4 ศาลาแดง สีลม ประสานกับสถานีข้างเคียง รณรงค์เพื่อไม่ให้เกิดรถติด
ต่อเนื่อง ซึ่งการบรรเทาการจราจรความจริงเป็นเรื่องของสำนึก โดยการจราจรจะมีอยู่ 3 ส่วน คือ
เรื่องกายภาพ การอบรมให้ความรู้ และการบังคับใช้กฎหมาย ในช่วงเปิดเทอมจะใช้ 2 ส่วน คือ
ถ้าผิดเราจะจับหนัก แต่ถ้าไม่รู้จะบอกให้รู้ แต่ถ้าขัดขืนก็จะจับเลย
ที่ผ่านมาทำให้รถลื่นไหลเพิ่มขึ้น อุบัติเหตุลดลง ประชาชนหรือนักเรียนมีความรู้สึกว่าได้รับการดูแลจาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีความภูมิใจมากขึ้น ดังนั้นจึงอยากให้ผู้ใช้รถใช้ถนน เมื่อขับรถทุกครั้ง ต้องรู้กฎ
ถ้าไม่รู้อาจปฏิบัติไม่ถูก แต่เมื่อรู้แล้วจะต้องยึดถือปฏิบัติ เพราะกฎจราจรเป็นเรื่องของความสะดวกและ
ปลอดภัย ความสะดวกคือ ถ้าทำตามกฎจะเลื่อนไหลไปได้โดยไม่เกิดอุบัติเหตุ ความปลอดภัย คือ
อุบัติเหตุจะลดลงถ้าไม่ฝ่าฝืนกฎ เรื่องการศึกษา การปฏิบัติตาม สังเกตป้าย เส้นทาง เป็นเรื่องจำเป็น
เพราะการปฏิบัติผิดก่อปัญหากระทบคนอื่น และตัวเอง ถูกจับเสียเวลา เสียเงิน ศึกษาเส้นทาง กฎ
วิธีการเดินทาง และปฏิบัติตามพึงระมัดระวังการทำผิดกฎจราจร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและความสะดวก
วุฒิศักดิ์ อนรรฆพร นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
"ผมขับรถมาเรียน เพราะมีรถส่วนตัว และสะดวก ส่วนใหญ่จะจอดรถหน้าคณะนิเทศศาสตร์
หรือถ้ามีเรียนวิชาอื่นที่อยู่ตึกอื่น ก็จะจอดรถฝั่งตรงข้าม แล้วเดินมาเรียน ซึ่งผมมีสติคเกอร์ติดรถที่มหาวิทยาลัย
ออกให้เป็นรายปี จึงสามารถจอดภายในบริเวณได้ จะว่าไปแล้วสถานที่ที่เตรียมไว้ไม่เพียงพอกับจำนวนรถ
ทุกวันนี้นิสิตต้องแย่งกันจอดหน้าคณะ และสนามเทนนิสใกล้ๆ หรือถ้ามหาวิทยาลัยลานจอดรถเต็ม
ก็ต้องขับออกมาจอดริมถนน แต่จอดได้เพียงแค่ 4 โมงเย็นเท่านั้น ถ้าจอดเกินเวลาจะถูกลอคล้อทันที
ซึ่งบางครั้งลงมาเลื่อนรถไม่ทันเพราะติดเรียนก็จะต้องเสียค่าปรับ 400 บาท
ส่วนมาตรการที่ไม่ให้นำรถมาเรียนคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากนิสิตส่วนใหญ่มีรถขับมาเรียน เพราะสะดวก
ในการเดินทาง แต่ถ้ามีนโยบายขอความร่วมมือไม่ให้นำรถมาเรียน โดยส่วนตัวผมบอกได้เลยว่าไม่เห็นด้วย
เพราะว่าผมชอบขับรถเองเวลาเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ
สำหรับสภาพการจราจราภายในมหาวิทยาลัยในบางครั้งจะหนาแน่นมากเป็นพิเศษ ซึ่งจะอยู่ในช่วงการเปิด
รับสมัครนักศึกษา และบริเวณถนนหน้ามหาวิทยาลัยจะมีรถจำนวนมาก เนื่องจากถนนเส้นหลักมีศูนย์การค้า
อยู่ใกล้ๆ สำหรับนิสิตที่มีรถส่วนตัวอยากให้ทางมหาวิทยาลัยปรับปรุงสถานที่จอดรถคงเป็นไปได้ยาก
แต่อยากให้จัดระเบียบการจอดรถสำหรับรถที่มีสติคเกอร์ คือ อาจจะแบ่งเป็นโซน เพราะถ้าไม่มีระเบียบ
หรือมาตรการ คนที่นำรถมาก็จะหาที่จอดรถกันเอง ทำให้จอดกันไม่เป็นระเบียบ บางครั้งไปจอดทับที่คนอื่น
ก็จะถูกกลั่นแกล้ง โดนงัดรถบ้าง เป็นต้น
ชนันภรณ์ สอนประเสริฐ นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
"การเดินทางมาเรียนผู้ปกครองขับรถมารับ/ส่ง หรือหากผู้ปกครองไม่ว่างก็จะนั่งรถมาเอง หรือมากับเพื่อน
เนื่องจากขับรถมาจะมีปัญหาในเรื่องที่จอดรถไม่เพียงพอกับจำนวนรถ และมหาวิทยาลัยไม่สนับสนุนให้
นักศึกษานำรถมาด้วย หรือถ้าขับรถมาก็จะเกิดปัญหาอยู่เสมอ ซึ่งถ้าหากไปจอดในบริเวณหน้ามหาวิทยาลัย
หากเกินเวลาก็จะถูกลอคล้อ และต้องไปเสียค่าปรับเพราะเห็นว่าเพื่อนๆ ที่ขับรถมาก็จะมีปัญหา
คิดว่าไม่ขับมาดีกว่า"
สรุป
จากข้อมูลข้างต้น ทำให้เราทราบถึงนโยบายและแผนปฏิบัติงาน รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับทุกฝ่าย
ในช่วงเปิดเทอม แต่อย่างไรก็ตามแผนงานต่างๆ จะสำเร็จได้ ต้องพึ่งพาทุกฝ่ายในการร่วมกันปฏิบัติตาม
กฎระเบียบอย่างเคร่งครัด
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/7619