เอฟ 2004 รหัสล่าสุดของม้าป่าลำพองสีแดงเพลิงแห่ง มาราเนลโล ยังคงโชว์ฟอร์มอันร้อนแรงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเปิดฤดูกาล ด้วยการคว้าชัยชนะติดต่อกันถึง 2 สนามซ้อนในแบบม้วนเดียวจบ โดยทำเวลาต่อรอบได้ดีที่สุด ตั้งแต่รอบควอลิฟายด์ของ มิคาเอล ชูมาเคร์ ทั้ง 2 รายกา

สังเวียน ฟอร์มูลา วัน ร้อนระอุตั้งแต่สนามเปิดฤดูกาล แบบ "หักปากกาเซียน" หลังจากทีม แฟร์รารี เรียงแถวผ่านธงตราหมากรุก คว้าแชมพ์ประจำรายการ ออสเตรเลีย กรองด์ปรีซ์ ไปแบบไร้คู่แข่ง ด้วยการขึ้นนำแบบม้วนเดียวจบตั้งแต่ช่วงสตาร์ทจากโพรโพสิชันในแถวแรก เป็นการเข้าเส้นชัยในแบบ 1-2 อีกครั้งของทีม แฟร์รารี ตามมาด้วยการคว้าแชมพ์ที่ เซปัง เซอร์กิท สนามที่ 2 ของฤดูกาลนี้ของ มิคาเอล ชูมาเคร์ ศึกกรองด์ปรีซ์ประจำฤดูกาลนี้ แข่งขันกันทั้งหมด 18 สนาม มากกว่าทุกฤดูกาลที่ผ่านมา ก่อนระเบิดศึกที่ ออสเตรเลีย กรองด์ปรีซ์ สนามเปิดฤดูกาลในปีนี้ที่ อัลเบิร์ท พาร์ค เซอร์กิท ใจกลางมหานครเมลเบิร์น บรรดาเซียนต่างทำนายกันไว้ว่า การไล่ล่าแชมพ์โลกในปีนี้ของทีม แฟร์รารี จะต้องเจอกับขวากหนามอุปสรรค อย่างมากมาย โดยเฉพาะบรรดาดาวรุ่งและทีมแข่งต่างๆ ได้พัฒนาทั้งรถแข่งและฝีมือจนขึ้นมาเทียบรัศมี ม้าป่าลำพองสีแดงเพลิงได้อย่างชนิดหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว แม้แต่ มิคาเอล เองยังออกมายอมรับว่า การคว้าแชมพ์ในปีนี้ของเขาไม่ง่ายอย่างเช่นปีที่ผ่านๆ มาอย่างแน่นอน แต่จากผลการแข่งขันใน 2 สนามแรกเสร็จสิ้นลง ปรากฏว่าทีม แฟร์รารี สามารถโชว์ฟอร์มอันร้อนแรงได้อย่าง เฉียบคม ด้วยการเรียงแถวเข้าเส้นชัยคว้าแชมพ์ในอันดับ 1-2 ปิดฉากสนามเปิดฤดูกาลในรายการ ออสเตรเลีย กรองด์ปรีซ์ ไปได้อย่างสวยหรู ด้วยการฉลองชัยอย่างยิ่งใหญ่ของทีมม้าป่าลำพองสีแดงเพลิง แห่ง มาราเนลโล หลังจากทะยาน เอฟ 2004 ผ่านธงตราหมากรุกไปแบบม้วนเดียวจบ เก็บแต้มสะสม 18 แต้มเต็มๆ ประเดิมฤดูกาลแข่งขันปี 2004 ของศึก ฟอร์มูลา วัน ตามมาด้วยการคว้าแชมพ์ติดต่อกันเป็น สนามที่ 2 ของ มิคาเอล ชูมาเคร์ และการเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 4 ของ รูเบนส์ บาร์ริเชลโล มือสองของ แฟร์รารี ออสเตรเลีย กรองด์ปรีซ์ แฟร์รารี เรียงแถวเข้าเส้น 1-2 อัลเบิร์ท พาร์ค เซอร์กิท สนามเปิดฤดูกาลของศึก ฟอร์มูลา วัน ในรายการ ออสเตรเลีย กรองด์ปรีซ์ เป็นเซอร์กิทที่ใช้ท้องถนนส่วนหนึ่งเป็นสนามแข่งขัน ตั้งอยู่บริเวณสวนสาธารณะใจกลางนครเมลเบิร์น เซอร์กิทแห่งนี้มีความยาวต่อรอบสนามเท่ากับ 5.303 กิโลเมตร แข่งขันทั้งหมดรวม 58 รอบสนาม ระยะทางรวม 307.8 กิโลเมตร เซอร์กิทแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งที่รถแข่งสามารถทำความเร็วได้ค่อนข้างสูง ความเร็วสูงสุดถึง 325 กม./ชม. เป็นสนามแข่งขัน ฟอร์มูลา วัน ยุคใหม่ ได้เปิดทำการแข่งขันเป็นครั้งแรก ในปี 1996 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม สามารถจุผู้เข้าชมได้ถึง 80,000 คน อดีตแชมพ์โลก ฟอร์มูลา วันจาก อังกฤษ เดมอน ฮิลล์ คว้าแชมพ์ปิดฉากรายการ ออสเตรเลีย กรองด์ปรีซ์ ที่ อเดเลด เซอร์กิท เมื่อปี 1995 ให้กับทีม วิลเลียมส์ และมาคว้าแชมพ์สำหรับการเปิดสนามเป็นครั้งแรกที่ อัลเบิร์ท พาร์ค เซอร์กิท เมื่อปี 1996 ให้กับทีม วิลเลียมส์ เช่นกัน โดย ชากส์ วิลล์เนิฟ เพื่อนร่วมทีม วิลเลียมส์ เครื่องยนต์มีปัญหา ขณะนำอยู่ในช่วงท้ายของการแข่งขัน ทีม แฟร์รารี เป็นทีมที่มาคว้าตำแหน่งโพรโพสิชันที่เซอร์กิทแห่งนี้ไปได้มากที่สุด นับว่าเป็นอีกหนึ่งสนามที่ถูก โฉลกกับ แฟร์รารี โดยคว้าโพรไปครองได้ 5 ครั้ง และครั้งล่าสุดเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการคว้าโพร ครั้งที่ 167 ในประวัติศาสตร์ของ แฟร์รารี ส่วนทีม แมคลาเรน เปิดฤดูกาลได้ไม่สวยหรูสำหรับการเริ่มต้น ฤดูกาลในปีนี้ รอบควอลิฟายด์ คีมี ไรค์โคเนน ทำเวลาต่อรอบดีที่สุดติดอันดับ 10 ส่วน เดวิด คุลธาร์ด ติดอันดับที่ 12 และในท้ายที่สุด ไรค์โคเนน ดาวรุ่งจากฟินแลนด์ ไม่จบแข่งขันหลังจากเครื่องยนต์มีปัญหา ต้องออกจากการแข่งขันไปในที่สุดในวันแข่งจริง การคว้าชัยชนะครั้งนี้ของ มิคาเอล เป็นครั้งที่ 71 ในชีวิตการแข่งขัน ฟอร์มูลา วัน เป็นการคว้าแชมพ์สูงสุด ในประวัติศาสตร์ เอฟ 1 หลังจบการแข่งขันครบ 58 รอบสนาม มิคาเอล ทิ้งห่าง บาร์ริเชลโล เพียง 13.605 วินาที และนำ อาลนโซ ดาวรุ่งจากสเปนวัย 23 ปี แห่งทีม เรอโนลต์ ที่ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 3 อยู่ 34.673 วินาที แม้ว่าในช่วงท้ายๆ ของการแข่งขัน อาลนโซ จะยังคงเป็นนักขับเพียงรายเดียวในกลุ่มหัวแถวที่เร่งความเร็ว ตลอดการแข่งขัน ในขณะที่บรรดานักขับหัวแถวรายอื่นๆ ชะลอความเร็วลง เพื่อประคองเข้าเส้นชัยกันเกือบทั้งหมด มิคาเอล สามารถคว้าแชมพ์ได้ที่ อัลเบิร์ท พาร์ค เซอร์กิทแห่งนี้เป็นสมัยที่ 4 ในช่วงระหว่างปี 2000-2002 คว้าชัยชนะติดต่อกันถึง 3 สมัยซ้อน ซึ่งทั้ง 3 สมัยเป็นสนามเปิดฤดูกาลด้วยกันทั้งหมด ส่วน คุลธาร์ด แห่งทีม แมคลาเรน คว้าแชมพ์ได้เมื่อปีที่แล้วแบบพลิกความคาดหมาย หลังจากเกิดอุบัติเหตุรถแข่งชนกัน ในช่วงออกสตาร์ท ต้องออกจากการแข่งขันไปหลายคันด้วยกัน และการคว้าชัยชนะครั้งนั้นเป็นการคว้าแชมพ์ เพียงรายการเดียวของ เดวิด คุลธาร์ด สำหรับฤดูกาลที่แล้ว สำหรัล เเฟร์นันโด อาลนโซ ดาวรุ่งจากสเปนประเดิมสนามแรกของปีนี้ด้วยการขึ้นโพเดียมในอันดับ 3 เป็นนักขับที่กดคันเร่ง เรอโนลต์ สุดเหยียด จนกระทั่งถึงรอบสุดท้าย ส่วน 2 คู่หูจากทีม วิลเลียมส์ เรียงแถวเข้าที่ 4-5 ตามมาด้วย บัททัน นักขับจากอังกฤษแห่งทีม บาร์ งานนี้ไม่เสียหน้าเข้าเส้นชัยในอันดับ 6 มิคาเอล โชว์ฟอร์มแชมพ์ได้ตั้งแต่รอบพรี ควอลิฟายด์ในวันศุกร์ และทำเวลาต่อรอบได้ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง ในรอบควอลิฟายด์ของวันเสาร์ คว้าโพรโพสิชันไปครองได้สำเร็จ โดย มิคาเอล ทำเวลาได้ 1 นาที 24.408 วินาที ส่วน บาร์ริเชลโล เข้าที่ 2 ช้ากว่า 0.074 วินาที มนโตยา ทีม วิลเลียมส์ เข้าอันดับ 3 ช้ากว่า 0.059 วินาที และอันดับ 4 บัททัน ช้ากว่า 0.059 วินาที ในวันแข่งจริงวันอาทิตย์ เเฟร์รารี สีแดงเพลิงทั้ง 2 คันออกสตาร์ทจากแถวแรก และพุ่งทะยานเข้าโค้งแรกไปก่อน หลังผ่านโค้งสอง มิคาเอล ขับรถหมายเลข 1 ฉีกพุ่งทิ้งห่างออกนำโด่ง โดยมี บาร์ริเชลโล มือสองของทีมทำ หน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมเช่นเดิม โดยมี มนโตยา ไล่เบียดจี้ติดแบบหายใจรดต้นคออยู่หลายโค้ง หลังจบการแข่งขัน มนโตยา ได้ออกมากล่าวถึงเกมการแข่งขันที่สนามนี้ว่า ทีม แฟร์รารี ยังคงอาศัยเทคนิคที่เขากล่าวว่า รู้ทันเกมของ แฟร์รารี มนโตยา จึงลดความเร็วลง ทีม แมคลาเรน ออกสตาร์ทสนามเปิดฤดูกาลนี้ได้ไม่ดีนัก เก็บได้เพียงแต้มเดียวจากการเข้าเส้นชัยในอันดับ 8 ของ คุลธาร์ด ส่วนรถของ ไรค์โคเนน มีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ต้องออกจากการแข่งขันไปในรอบที่ 49 ขณะที่ นักขับเจ้าถิ่น มาร์ค เวบเบอร์ วัย 27 ปี ทีม แจกวาร์ รถมีปัญหาระบบเกียร์ ต้องออกจากการแข่งขันไปเช่นกัน มิคาเอล ได้ออกมายอมรับว่า ในช่วงของครึ่งแรกของการแข่งขัน เขาถูกกดดันอย่างหนัก ต้องเหนื่อยหนักที่ กดคันเร่งพยายามหนี บาร์ริเชลโล ออกไป หลังจากรถของ บาร์ริเชลโล มีปัญหาในเรื่องของจานเบรค ความเร็วจึงลดลง และ บาร์ริเชลโล ได้ออกมายอมรับว่า ไม่สามารถไล่ มิคาเอล ได้ทันหลังจากเกิดปัญหาขึ้น ออสเตรเลีย กรองด์ปรีซ์ ปีนี้ มีรถแข่งผ่านเส้นชัยไปทั้งหมด 14 คัน ทีมเจ้าถิ่น มินาร์ดี ไม่จบการแข่งขันทั้ง 2 คัน ทีม เรอโนลต์ ยังคงเป็นทีมที่ร้อนแรงตามความคาดหมาย ดาวรุ่งอย่าง อาลนโซ วัย 23 ปีจากสเปน ได้ขึ้น โพเดียมประเดิมรายการแรก หลังจากออกสตาร์ทในอันดับที่ 5 และ ยาร์โน ตรุลลี เพื่อนร่วมทีมเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 7 คะแนนสะสมของทีม เรอโนลต์ ขึ้นมาอยู่อันดับ 3 มี 8 แต้ม ตามหลังทีม วิลเลียมส์ เพียงแต้มเดียวเท่านั้น หลังจบการแข่งขัน มนโตยา ได้ให้สัมภาษณ์ว่า "ตอนออกจากพิทครั้งสุดท้าย ผมก็ตามหลัง บาร์ริเชลโล อยู่ ผมพยายามจะแซง แต่เขาไม่ให้ ผมก็เลยชะลอเครื่อง" มนโตยา กล่าว "รู้ครับว่า ผมไม่ควรจะพยายามแซงเขาตอนนั้น เลยถอยมาและหาจังหวะใหม่" ฤดูกาลที่แล้วในรายการ สหรัฐ กรองด์ปรีซ์ มนโตยา และ บาร์ริเชลโล เคยมีปัญหากันมาก่อน และเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลถึงตำแหน่งแชมพ์ของปีนั้น "เมื่อคุณไม่ใช่ เเฟร์รารี ควรจะหลบไปดีกว่า การกลับบ้านพร้อมกับแต้ม 8 แต้ม คงดีกว่าไม่ได้อะไรเลย" มนโตยา กล่าวตบท้าย ผลการแข่งขัน ออสเตรเลีย กรองด์ปรีซ์ อันดับ ผู้ขับ ทีม เวลารวม 1 มิคาเอล ชูมาเคร์ แฟร์รารี 1 ชั่วโมง 24 นาที 15.757 วินาที 2 รูเบนส์ บาร์ริเชลโล เเฟร์รารี + 13.605 วินาที 3 เเฟร์นันโด อาลนโซ เรอโนลต์ + 34.673 วินาที 4 ราล์ฟ ชูมาเคร์ วิลเลียมส์ + 1 นาที 0.423 วินาที 5 ฮูอัน ปาบโล มนโตยา วิลเลียมส์ + 1 นาที 8.536 วินาที มาเลเซีย กรองด์ปรีซ์ สนามแจ้งเกิดของดาวรุ่ง หลังจาก มิคาเอล ชูมาเคร์ ทะยาน เอฟ 2004 ผ่านธงตราหมากรุกไปเป็นคันแรกที่สังเวียน เซปัง เซอร์กิท สนามที่ 2 ของศึก เอฟ 1 แชมพ์โลก 6 สมัย และ 4 สมัยซ้อนครั้งล่าสุดได้ออกมากล่าวแบบถ่อมตนว่า การแข่งขันผ่านไปเพียงแค่ 2 สนามเท่านั้น ยังไม่สามารถวัดอะไรได้มากนัก เพราะเส้นทางไล่ล่าแชมพ์ยังอีก ยาวไกล เหลืออีกถึง 16 สนามรออยู่เบื้องหน้า อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ มิคาเอล ชูมาเคร์ คว้าแชมพ์แบบม้วนเดียวจบอีกสนาม หลังจากออกสตาร์ทจากอันดับโพรโพสิชัน เป็นสนามที่ 2 ติดต่อกัน เป็นการสร้างสถิติใหม่ในประวัติศาสตร์ ด้วยการคว้าแชมพ์เป็นครั้งที่ 72 ในชีวิตการแข่งขัน ฟอร์มูลา วัน หลังจบการแข่งขัน 56 รอบสนามของ เซปัง เซอร์กิท ตามมาด้วยคู่ปรับจาก ทีม วิลเลียมส์ ฮูอัน ปาบโล มนโตยา ส่วนอันดับ 3 ตกเป็นของดาวรุ่งจากอังกฤษ เจนสัน บัททัน ด้วยวัยเพียง 24 ปี สังกัดทีม บาร์ ได้แจ้งเกิดที่สนามแห่งนี้ ด้วยการขึ้นโพเดียมเป็นครั้งแรกในชีวิตการแข่งขัน ฟอร์มูลา วัน ของ บัททัน และเป็นการขึ้นโพเดียมเป็นครั้งแรกตั้งแต่มีการก่อตั้งทีมแข่งทีมนี้ตั้งแต่เมื่อ 6 ปี ที่ผ่านมา ทีม บาร์ ลงแข่งขันเป็นครั้งแรกเมื่อฤดูกาลปี 1999 การขึ้นโพเดียม ครั้งแรกของทีม บาร์ และของ เจนสัน บัททัน เป็นผลให้นักขับรายนี้ออกมากล่าวว่า สำหรับสนามต่อไปที่ รายการ บาห์เรน กรองด์ปรีซ์ เขาจะขึ้นโพเดียมให้ได้อีกครั้ง เนื่องจากสภาพอากาศร้อน คล้ายกับที่มาเลเซีย การคว้าโพรโพสิชันของ มิคาเอล ครั้งล่าสุด เป็นครั้งที่ 57 ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะโค่นสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ ตำนานนักแข่ง ฟอร์มูลา วัน อาร์ยทัน เซนนา แห่งบราซิลเคยทำเอาไว้รวม 65 ครั้ง ก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตในขณะแข่งขัน มาร์ค เวบเบอร์ นักขับจาก ออสเตรเลีย สังกัดทีม แจกวาร์ ดาวรุ่งที่ได้แจ้งเกิดที่สนามแห่งนี้อีกราย ทะยาน อาร์ 5 รหัสล่าสุดของทีม แจกวาร์ ทำเวลาต่อรอบได้ดีที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก มิคาเอล ในรอบควอลิฟายด์ ได้ออกสตาร์ทจากอันดับ 2 แต่พลาดท่าตั้งแต่ออกสตาร์ท อันดับร่วงไปอยู่ที่ 9 หลังผ่านรอบแรก หลังจากนั้นรถไปถูก ราล์ฟ ชูมาเคร์ ชนท้ายเข้าอย่างจังจนต้องเข้าพิทไปซ่อม จนกระทั่งรถหลุดโคังต้องออกจากการแข่งขันไปในรอบที่ 26 ที่โค้งสุดท้ายของสนาม ต่างกับ แฟร์นันโด อาลนโซ รอบแรกผ่านไป ไล่แซงจากท้ายแถวขึ้นมาอยู่อันดับ 10 ซึ่ง อาลนโซ ไปพลาดในรอบควอลิฟายด์ รถหลุดโค้งขณะทำเวลาดีที่สุดอยู่อันดับที่ 2 ต้องไปออกสตาร์ทจากท้ายแถว หมดโอกาสคว้าแชมพ์ครั้งที่ 2 ในชีวิตการแข่งขันไป ปีที่แล้ว อาลนโซ สามารถคว้าโพรโพสิชันได้เป็นครั้งแรกในชีวิตการแข่งขันและ เป็นนักขับ ฟอร์มูลา วัน คนแรกของโลกอายุน้อยที่สุดที่คว้าโพรโพสิชันได้ด้วยอายุเพียง 21 ปีเท่านั้น หลังจากอุบัติเหตุการชนกันระหว่าง เวบเบอร์ กับ ราล์ฟ จนต้องเข้าพิทไปทั้งคู่นั้น ทาง เวบเบอร์ ออกมากล่าว อย่างอารมณ์เสียว่า เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รถของเขาต้องเสียเวลาไปมาก ราล์ฟ ต้องออกจากการแข่งขันไปในรายการนี้ เป็นการออกสตาร์ทในช่วงต้นฤดูกาลที่ไม่ค่อยดีนักของนักขับ แห่งทีม วิลเลียมส์ รายนี้ ที่มีข่าวลือบ่อยมากเกี่ยวกับการย้ายทีมในปีหน้า สนามนี้เครื่องยนต์ของ บีเอมดับเบิลยู ที่ติดตั้งให้กับ วิลเลียมส์ เอฟดับเบิลยู 26 เสียหายมีควันพุ่งออกมา เเละต้องนำรถเข้าจอดข้าง แทรคในรอบที่ 28 มนโตยา ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ได้ตั้งแต่ในช่วงออกสตาร์ท และไล่เบียดบี้กับ มิคาเอล มาอย่างดุเดือด หลังจาก รูเบนส์ บาร์ริเชลโล พลาดท่าในช่วงรอบที่ 2 ของการแข่งขัน อันดับร่วงไปอยู่ที่ 4 ถูก มนโตยา และ คีมี ไรค์โคเนน แซงขึ้นไปได้ ส่วน บัททัน โชคเข้าข้างได้ขึ้นโพเดียมครั้งแรกในชีวิต หลังจาก ไรค์โคเนน จากฟินแลนด์ เครื่องยนต์มีปัญหาเป็นสนามที่ 2 ติดต่อกันในขณะอยู่อันดับ 3 ต้องออกจากการแข่งขันไป โดยเหลือการแข่งขันอีกเพียง 15 รอบสุดท้ายเท่านั้น ไรค์โคเนน ประสบปัญหาเครื่องยนต์เช่นเดียวกับสนามแรกที่ อัลเบิร์ท พาร์ค เซอร์กิท นับว่าเป็นการออกสตาร์ท ในช่วงต้นฤดูกาลที่ค่อนข้างไม่ดีนักของ ไรค์โคเนน ที่แตกต่างจากปีที่แล้ว ซึ่งเขาได้ขึ้นโพเดียมที่สนามเปิดฤดู กาลและมาคว้าแชมพ์ครั้งแรกในชีวิตการแข่งขันได้ที่ มาเลเซีย กรองด์ปรีซ์ รูเบนส์ บาร์ริเชลโล ไปพลาดท่าในช่วงแรกโดยได้ออกสตาร์ทจากอันดับ 3 ไปจบการแข่งขันในอันดับที่ 4 ยาร์โน ตรุลลี แห่งทีม เรอโนลต์ เข้าเส้นชัยในอันดับ 5 เดวิด คุลธาร์ด นักขับรุ่นลายครามจากสกอทแลนด์แห่งทีม แมคลาเรน ควบ เอมพี 4-19 เข้าป้ายในอันดับ 6 เก็บได้เพียง 3 แต้มเท่านั้น ส่วน อาลนโซ ควบ เรอโนลต์ ที่ออกสตาร์ทจากอันดับท้ายแถว แต่สามารถไล่ขึ้นมารับอันดับ 7 เก็บ 2 แต้มได้ สำเร็จ และทีม เซาเบอร์ แห่งสวิทเซอร์แลนด์ สนามนี้เก็บแต้มได้จากอันดับ 8 อีก 1 คะแนนจากผลงานของ เฟลิเป มัสซา ที่ย้ายกลับสู่ทีมอีกครั้ง หลังจากไปเป็นนักขับทดสอบของทีม แฟร์รารี เมื่อปีที่แล้ว มิคาเอล กล่าวหลังจบรอบควอลิฟายด์ว่า "ทุกอย่างเป็นไปอย่างสมบูรณ์ จริงๆ แล้วกับเซอร์กิทแห่งนี้ เท่าที่ผ่านมาอากาศร้อนชื้นแบบนี้ เราพบปัญหามาโดยตลอด แต่เราก็จัดการปัญหานี้ได้แล้ว สร้างความกดดัน ไปให้แก่คู่แข่งได้สำเร็จ ซึ่งผมมีความสุขกับตรงนี้มาก เมื่อวานเราเหมือนว่าจะเจอปัญหาเหมือนกัน แต่สุดท้าย ก็จบลงได้ด้วยดี" ส่วนนักขับที่สามารถทำเวลาต่อรอบได้ดีที่สุดประจำสนามในวันแข่งจริง และเป็นการโค่นสถิติเดิมประจำ สนาม เป็นผลงานของ มนโตยา ทำลายสถิติเดิมที่ มิคาเอล ทำเอาไว้เกือบ 0.6 วินาที ส่วนในรอบควอลิฟายด์ มิคาเอล โค่นสถิติความเร็วต่อรอบได้เช่นกันโดยทำเวลา ทิ้งห่างอันดับ 2 เวบเบอร์ แห่งทีม แจกวาร์ อยู่ 0.641 วินาที ชัยชนะ 2 สนามติดต่อกันของฤดูกาลแข่งขันปี 2004 ของทีม แฟร์รารี ได้สะท้อนให้เห็นถึงความร้อนแรงของ ทีม แฟร์รารี อย่างต่อเนื่อง และสำหรับสนามแห่งนี้ซึ่งมีอากาศร้อนชื้น ที่ว่ากันว่าไม่ค่อยถูกโฉลกกับรถของ แฟร์รารี นั้น ได้รับการแก้ไขไปได้เรียบร้อยแล้ว แชมพ์ มาเลเซีย กรองด์ปรีซ์ คนล่าสุด กล่าวหลังจบการแข่งขันว่า แค่ 2 สนามแรกของฤดูกาลนี้ ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะคว้าแชมพ์โลกอีกสมัยได้ "มันเพิ่งจะแค่ 2 สนามเอง เหลืออีกตั้ง 16 สนาม ที่ต้องแข่งขันกัน ผมไม่เคยได้พักผ่อนเท่าไรเลยนะตลอดการ แข่งขัน รวมถึงตอนนี้ ผมมี 20 คะแนนซึ่งดีกว่าปีที่แล้วแน่นอน แต่ก็ยังคงกดดันอยู่ครับ" "เราสามารถทำความเร็วได้อย่างที่เราต้องการ และเป็นการเริ่มต้นดีกว่าปีที่แล้ว มันเป็นความใฝ่ฝันของผมที่ได้ยืนอยู่หัวแถวเช่นนี้ แต่ผมก็ไม่ขอที่จะอยู่ในความฝันอย่างนั้น" ทางด้าน รูเบนส์ บาร์ริเชลโล ได้ให้สัมภาษณ์แบบไม่ค่อยพอใจเล็กน้อยหลังจากถูก มนโตยา ออกมาบ่นเกี่ยว กับเหตุการณ์ในสนามแข่งว่า บาร์ริเชลโล พยายามกันไม่ให้เขาแซงขึ้นไปไล่ มิคาเอล ทางด้าน บาร์ริเชลโล กล่าวว่ามันไม่ใช่วิธีการอันสกปรกของ แฟร์รารี แต่อย่างใด ซึ่งทาง มนโตยา ออกมากล่าวว่า "ผมรู้ว่าทีม เเฟร์รารี เล่นเกมส์อะไรอยู่" "ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเขาไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหนกัน ที่ผมต้องชะลอความเร็วลง เพราะมีรถของทีม มินาร์ดี อยู่ข้างหน้าผม แถมผมต้องเสียเวลาไป 3 วินาทีด้วย และ มนโตยา ก็มาอยู่ด้านหลังผมพอดี อาจเป็นเหตุให้เขาไม่พอใจก็เป็นได้ เขาไม่พยายามแซงผมเอง" บาร์ริเชลโล กล่าว มิคาเอล กล่าวถึงการแข่งขันช่วงสองสนามที่ผ่านมาว่า ไม่ได้รู้สึกสบายอกสบายใจมากนัก แม้ว่าตอนนี้ มีแต้มนำคู่แข่งอยูถึง 8 แต้ม ตัวเลขสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในอีก 2-3 สนามข้างหน้าที่จะมาถึง "มันก็แค่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเกิดขึ้นได้ในการแข่งขัน เอฟ วัน มันยังอีกยาวไกลนะกว่าจะตัดสิน" มิคาเอล วัย 35 ปี กล่าวต่อว่า การแข่งขันที่ มาเลเซีย สนามล่าสุดที่ผ่านมา บอกได้เลยว่าไม่ง่ายเหมือน ออสเตรเลีย "เราพบกับอุปสรรคมากมาย เราจำเป็นต้องมีสมาธิให้มาก เพราะ มนโตยา ไล่บี้มาแบบติดๆ มาก" และกล่าวถึงสถิติเวลาเร็วที่สุดต่อรอบของ มนโตยา ในวันแข่งจริงว่า "คู่แข่งของเรามีความมุ่งมั่นมาก เหลือเกิน เขาตอบโต้ผมได้ตลอด" พร้อมกับย้อนอดีตว่า "เมื่อปีก่อน วิลเลียมส์ ทำได้ไม่ค่อยดีตอนแรก แต่ท้ายที่สุดเขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นทีมลุ้นแชมพ์ได้ไม่ใช่หรือ ?" สนามต่อไปสนามที่ 3 ของฤดูกาล เป็นรายการใหม่ในกลุ่มตะวันออกกลาง แข่งขันที่ ซาเคียร์ เซอร์กิท รายการ บาห์เรน กรองด์ปรีซ์ ในวันอาทิตย์ที่ 4 เมษายนนี้ สนามที่มีอากาศร้อนคล้ายกับที่มาเลเซีย ผลการแข่งขันมาเลเซีย กรองด์ปรีซ์ อันดับ นักขับ ทีม เวลารวม 1 มิคาเอล ชูมาเคร์ แฟร์รารี 1 ชั่วโมง 31 นาที 07.490 วินาที 2 ฮูอัน ปาบโล มนโตยา วิลเลียมส์ + 5.0 วินาที 3 เจนสัน บัททัน บาร์ + 11.5 วินาที 4 รูเบนส์ บาร์ริเชลโล แฟร์รารี + 13.6 วินาที 5 ยาร์โน ตรุลลี เรอโนลต์ + 37.3 วินาที สรุปคะแนนสะสมรวม 2 สนาม ประเภทผู้ขับ อันดับ นักขับ ทีม คะแนนรวม 1 มิคาเอล ชูมาเคร์ แฟร์รารี 20 2 รูเบนส์ บาร์ริเชลโล แฟร์รารี 13 3 ฮูอัน ปาบโล มนโตยา วิลเลียมส์ 12 4 เจนสัน บัททัน บาร์ 9 5 เเฟร์นันโด อาลนโซ เรอโนลต์ 8 ประเภททีมผู้ผลิต อันดับ ทีม คะแนน 1 เเฟร์รารี 33 2 วิลเลียมส์ 17 3 เรอโนลต์ 14 4 บาร์ 9 5 แมคลาเรน 4