ทั่วไป
มหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ท
เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่ "ฟอร์มูลา" นิตยสารรถยนต์สาระสะใจคนรักรถ ยกกระบวนทัพขนาดใหญ่
มีลูกทัพมากมายถึงสิบชีวิต เดินทางขึ้นนกเหล็กขนาดยักษ์ของสายการบินเจ้าจำปี
ใช้เวลายาวนานครึ่งค่อนวัน ก่อนร่อนลงสู่พื้น เพื่อให้ผู้โดยสารทั้งหัวแดงและหัวดำกว่าสามร้อยหัว
ย่างเหยียบสองเท้าลงบนผืนดินของทวีปยุโรป
จุดหมายปลายทางของเราในคราวนี้ คือมหานครฟรังค์ฟวร์ท
ศูนย์กลางการคมนาคมและธุรกิจการเงินของ
สหพันธ์รัฐเยอรมนี แผ่นดินซึ่งรองรับการจัดงาน INTERNATIONALE AUTOMOBILE-
AUSSTELLUNG PERSONENKRAFTWAGEN ซึ่งเรียกกันย่อๆว่า IAA และชาวเราที่ "ฟอร์มูลา"
พึงใจที่จะเรียกอย่างสะดวกปาก และไม่สะดุดลิ้นว่า "มหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ท"
ปีนี้เขาจัดงานกันเป็นครั้งที่ 60 โดยกำหนดวันงานไว้รวม 11 วัน คือระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 11 จนถึงวัน
อาทิตย์ที่ 21 กันยายน 2002 โดยที่ 2 วันก่อนหน้านั้น คือ วันอังคารที่ 9 และวันพุธที่ 10
จัดเป็นวันสำหรับ
สื่อมวลชน ที่เรียกกันในภาษาปะกิตว่า PRESS DAY
กระบวนทัพสิบชีวิตของเรา ไปปักหลักอยู่ที่ CONTINENTAL HOTEL ตั้งแต่ตอนสายของวันจันทร์
เป็นโรงแรมระดับสามดาว ตั้งอยู่ริมถนนสายหลัก ตรงข้ามกับสถานีรถไฟใหญ่ของมหานครฟรังค์ฟวร์ท
เรียกกันในภาษาเยอรมันว่า HAUPTBAHNHOF แต่พวกเรานิยมเรียกกันอย่างคุ้นเคยว่า หัวลำโพง
เราเลือกใช้โรงแรมนี้ เพราะราคาไม่สูงนัก และอยู่ในทำเลที่เหมาะ ไปไหนมาไหนสะดวก
จากโรงแรมเดินไปสถานที่จัดงาน ขาไปใช้เวลาแค่สิบห้าหรือยี่สิบนาที แต่ขากลับอาจจะนานกว่านั้น
เพราะเมื่อยและเหน็ดเหนื่อยเต็มที
สถานที่จัดงาน มหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ท ครั้งที่ 60 นี้
เป็นสถานที่เดียวกับที่เคยจัดงานนี้มานมนานนับ
แต่ปี 1951 (ตอนนั้น หลายคนในคณะของเรายังไม่เป็นตัว) เป็นศูนย์นิทรรศการขนาดยักษ์
ประกอบด้วย
อาคารขนาดเล็กขนาดใหญ่ เรียงรายต่อเนื่องกันไปเป็นระยะทางยาวกว่า 2 กิโลเมตร
เป็นที่ยอมรับกันมานมนานว่า มหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ท
เป็นงานแสดงรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดในโลก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น
ไม่มีใครสงสัยในความยิ่งใหญ่และความสำคัญ แต่เมื่อพูดถึงจำนวนผู้ชมงาน
เจ้าของแชมพ์กลับไม่ใช่มหกรรมยานยนต์รายการนี้
ตามตัวเลขที่ตีพิมพ์ในนิตยสารรถยนต์ภาษาเยอรมันฉบับหนึ่ง ที่แจกจ่ายแก่สื่อมวลชนในงานนี้
โดยยึดจำนวนผู้ชมงานครั้งล่าสุดเป็นเกณฑ์ตัดสิน ปรากฏผลว่า งานที่มีผู้เข้าชมมากที่สุด คือ
มหกรรมยานยนต์ปารีส ของฝรั่งเศส รองลงไปคือ มหกรรมยานยนต์โตเกียว มหกรรมยานยนต์นิวยอร์ค
มหกรรมยานยนต์
โบโลนญา และมหกรรมยานยนต์บาร์เซโลนา ส่วนมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ทอยู่ในอันดับหก
มีตัวเลขผู้เข้าชมงานน้อยกว่าตำแหน่งแชมพ์เกือบครึ่งต่อครึ่ง
เช่นเดียวกับงานแสดงรถยนต์รายการอื่นๆ รายงานข่าว มหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ท ครั้งนี้
จะดำเนินต่อ
เนื่องกันไปสองเดือน โดยที่ในเดือนแรกนี้ จะพาผู้อ่านเดินชมไปให้ทั่วทั้งงาน
ไปดูกันว่าแต่ละอาคารแต่ละ
ฮอลล์ มีรถใหม่อะไรบ้าง ? จะแวะชมเฉพาะฮอลล์ที่มีการแสดงรถยนต์นั่ง ซึ่งมีอยู่ทั้งหมดแปดฮอลล์
แล้วในเดือนหน้า จะเลือกบางคันมาว่ากันอย่างละเอียด โดยเฉพาะบรรดา CONCEPT CAR หรือ "รถแนวคิด"
ซึ่งปรากฏตัวให้เห็นที่งานนี้ ชนิดนับแทบไม่ถ้วน
ฮอลล์ 2 และ โฟรุม
มายบัค * เมร์เซเดส-เบนซ์ * สมาร์ท
ยักษ์ใหญ่ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งน่ารู้เหลือเกินว่าหมดไปกี่ร้อยล้าน (หรือจะถึงพันล้าน ?) กับงานนี้
นำรถทุก
แบบทุกอนุกรมออกแสดงในงานนี้ และมีงานชิ้นใหม่เอี่ยมที่สมควรกล่าวถึงรวมสามชิ้น คือ เมร์เซเดส-
เบนซ์ เอสแอลอาร์ แมคลาเรน (MERCEDES-BENZ SLR McLAREN) ในภาพ 11-12
เป็นซูเพอร์คาร์ที่กล่าวขานกันมานานปี แต่ผู้คนเพิ่งได้สัมผัสตัวจริงเป็นครั้งแรกที่งานนี้
รถสปอร์ทประตูปีกนก เครื่องยนต์ วี 8 สูบ 5,439 ซีซี 626 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ คันนี้
ทำความเร็วได้ถึง 334 กม./ชม. ค่าตัวที่
กำหนดไว้คือ 375,000 ยูโร หรือประมาณ 17 ล้านบาทไทย และจำกัดจำนวนผลิตไว้แค่ปีละ 500 คัน
เมร์เซเดส-เบนซ์ วิชัน ซีแอลเอส (MERCEDES-BENZ VISION CLS) ในภาพ 14 คือรถแนวคิดซึ่งเป็น
ต้นแบบของรถคูเป-ซีดานสี่ประตูระดับหรู ที่ค่ายดาวสามแฉกจะนำออกสู่ตลาดในปีหน้า ส่วน
เมร์เซเดส-เบนซ์ วีอาโน (MERCEDES-BENZ VIANO) ในภาพ 13 เป็นรถตู้อนุกรมใหม่
ที่ค่ายนี้กำลังจะนำออกสู่ตลาดแทนที่รถอนุกรมเดิม คือ เมร์เซเดส-เบนซ์ วี-คลาสส์
เอมซีซี สมาร์ท ผู้ผลิตรถยนต์ทวิสัญชาติ ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว สมาร์ท ฟอร์โฟร์ (SMART FORFOUR)
ในภาพ 15 เป็นรถสี่ประตูสี่ที่นั่งซึ่งจะออกจำหน่ายกลางปีหน้า โดยใช้ชิ้นส่วนหลายชิ้นร่วมกับรถ มิตซูบิชิ
โคลท์ (MITSUBISHI COLT) ส่วน มายบัค ไม่มีผลงานชิ้นใหม่ๆ นอกเหนือจากรถสองแบบเดิม คือ
มายบัค 57 (MAYBACH 57) กับ มายบัค 62 (MAYBACH 62)
ฮอลล์ 3.0
เอาดี * เบนท์ลีย์ * บูกัตตี * ลัมโบร์กินี
* เซอัต * สโกดา * โฟล์คสวาเกน
โฟล์คสวาเกน กรุพ ยักษ์ใหญ่ของเมืองเบียร์ จับจองพื้นที่อันกว้างขวางของ ฮอลล์ 3.0 ไว้ทั้งหมด แล้ว
นำผลงานชิ้นใหม่ๆ ทั้งรถตลาดและรถแนวคิด ออกแสดงมากมายหลายสิบคัน จนดูลานตาไปหมด
โฟล์คสวาเกน พี่เอื้อยของกลุ่ม มีหมัดเด็ดคือ โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ (VOLKSWAGEN GOLF) ในภาพ
18 เป็นรถรุ่นที่ห้า ซึ่งกำลังจะออกจำหน่ายในฐานะทายาทของรถสี่รุ่นเดิม ที่อยู่ในตลาดมายาวนานกว่า
30 ปี และทำยอดขายทั่วโลกมากกว่า 22 ล้านคัน
ยักษ์ใหญ่ของเมืองเบียร์ยังเติมสีสันให้แก่การเปิดตัวรถขนาด
เล็กอนุกรมสำคัญนี้ โดยนำ โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ จีทีไอ (VOLKSWAGEN GOLF GTI)
ตัวถังสีแดงสะดุดตา ออกอวดตัวบนแท่นหมุนลอยตัวขนาดยักษ์ ดังที่เห็นในภาพ 16 และ 17 คนของ
โฟล์คสวาเกน บอกว่า ยังเป็นแค่รถแนวคิด แต่เชื่อเถอะ ไม่พ้นปีหน้า รถเทอร์โบ 200 แรงม้า คันนี้ คงออกจำหน่ายในรถตลาด
รถแนวคิดอีกคัน ซึ่งอีกไม่นานเหมือนกันก็คงกลายสภาพเป็นรถตลาด คือ โฟล์คสวาเกน คอนเซพท์
อาร์ (VOLKSWAGEN CONCEPT R) ในภาพ 19 เป็นรถเปิดประทุนโรดสเตอร์สองประตูสองที่นั่ง
ซึ่งพัฒนาจากรถ โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ รุ่นใหม่ล่าสุด เป็นรถขับล้อหลัง ด้วยพลังจากเครื่องยนต์ วี 6 สูบ
3,189 ซีซี
265 แรงม้า วางเครื่องกลางลำ
นอกเหนือจากการเปิดตัวรถเปิดประทุน เอาดี เอส 4 กาบริโอเลต์ (AUDI S4 CABRIOLET) เจ้าของ
เครื่องหมายการค้า "สี่ห่วง" ซึ่งพักหลังนี่ มีผลงานรถแนวคิดให้ชื่นชมอยู่ทุกบ่อยๆ ใช้งานนี้เป็นที่อวดตัว
เอาดี เลอ มองส์ กวัตตโตร (AUDI LE MANS QUATTRO) ในภาพ 20
เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถสปอร์ทสองประตูสองที่นั่ง ระดับ "ซูเพอร์คาร์" ติดตั้งเครื่องยนต์ วี 10
สูบ 4,961 ซีซี ที่ขอหยิบขอยืมมาจากรถสปอร์ท ลัมโบร์กินี กัลลาร์โด (LAMBORGHINI GALLARDO)
แต่ปรับแต่งจนกำลังสูงสุดพุ่งจาก 500 เป็น 610 แรงม้า สมรรถนะความเร็วจึงเหลือกินเหลือใช้
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาแค่ 3.7 วินาที
เซอัต ผู้ผลิตรถยนต์เมืองแมลงวัน ซึ่งงานระดับ "อินเตอร์" ทุกครั้ง ต้องมีงานเด็ดๆ มาอวด
ใช้เวทีหมุนใน
งานนี้เป็นที่เปิดตัว เซอัต อัลเตอา (SEAT ALTEA) ในภาพ 21-23 เป็นผลงานรังสรรค์ของ วัลเทร์ เด
ซิลวา (WALTER DE SILVA) นักออกแบบคนดัง และเป็นต้นแบบของรถอเนกประสงค์ขนาดมีนี
ที่ค่ายนี้จะนำออกสู่ตลาดในปี 2004 โดยใช้ชิ้นส่วนรวมทั้งเครื่องยนต์ ร่วมกับรถในเครือ คือ เอาดี เอ 3
(AUDI A3) และ โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ (VOLKSWAGEN GOLF)
สโกดา ผู้ผลิตรถยนต์ของสาธารณรัฐเชค สร้างความฮือฮาด้วย สโกดา รูมสเตอร์ (SKODA
ROOMSTER) ในภาพ 24 ที่หวือหวาทั้งตัวรถและกลวิธีการนำเสนอ ในขณะที่ผู้ผลิตรถสปอร์ทกระทิงดุ
เจียดพื้นที่ส่วนหนึ่งให้แก่ ลัมโบร์กินี มูร์ซีเอลาโก อาร์-จีที (LAMBORHINI MURCIALAGO R-GT)
รถน้ำหนักเบาที่ออกแบบสำหรับการแข่งรถ GT ในยุโรป
เอฟ 3 อโกรา
บีเอมดับเบิลยู
แทรกอยู่ตรงกลางระหว่าง ฮอลล์ 2 และ ฮอลล์ 4 เป็นอาคารที่สร้างในลักษณะกึ่งชั่วคราวกึ่งถาวร มีชื่อ
เรียกแล้วแปลกๆ หูพิกล คือ เอฟ 3 อโกรา (F3 AGORA) อาคารนี้ บีเอมดับเบิลยู ยึดไว้เพียงผู้เดียว
กล่าวกันว่า มหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ททุกครั้ง สิ่งที่ผู้คนจับตาดูชนิดพลาดไม่ได้
คือการต่อสู้ของสองค่ายยักษ์ เมร์เซเดส-เบนซ์ กับ บีเอมดับเบิลยู ปีนี้ก็เช่นกัน ถามว่าค่ายไหนได้รับการชูมือ ?
ตอบยากอยู่เหมือนกัน หากตัดสินจากความโอ่อ่าและชั้นเชิงในการจัดพื้นที่ ก็เห็นได้ชัดว่าค่ายแรกดูจะเหนือกว่า
หากตัดสินด้วยคุณภาพของงาน หรือกล่าวกันอย่างตรงมาคือความน่าสนใจของรถที่แสดงนั่นแหละ
ฝ่ายหลังจึงจะมีลุ้น
ปีนี้ ค่ายใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว นำผลงานใหม่ออกแสดงเป็นครั้งแรกในงานนี้ถึงสามชิ้น
ที่ต้องกล่าวถึงเป็นอันดับแรก คือ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-6 (BMW 6-SERIES) ในภาพ 26-27
เป็นรถอนุกรมใหม่ล่าสุดที่ใช้
เวลาในการออกแบบและพัฒนายาวนาน ชนิดลุ้นกันจนเหนื่อยแล้วเหนื่อยอีกก็ไม่ยอมเปิดตัวเสียที
นับเป็นรถรุ่นที่สอง และเป็นรถคูเปสี่ที่นั่งระดับสุดหรู ที่ในระยะแรกจะมีรถให้เลือกใช้เพียงโมเดลเดียว
คือ 645CI เครื่องยนต์ DOHC วี 8 สูบ 4,398 ซีซี 333 แรงม้า
อีกสองชิ้นเป็น SUV หรือ รถกิจกรรมกลางแจ้ง รหัสเอกซ์ คือ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 3 (BMW X3)
ในภาพ
29 และ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 5 (BMW X5) รุ่น FACELIFT หรือ "ยกหน้า" ในภาพ 30
ฮอลล์ 3.1
แอสตัน มาร์ทิน * ไดฮัทสุ * ฟอร์ด * แจกวาร์
แลนด์ โรเวอร์ * มาซดา * นิสสัน * เรอโนลต์
ฮอลล์ 3.1 ซึ่งเป็นชั้นสองของ ฮอลล์ 3.0 เป็นพื้นที่จับจองของ ฟอร์ด และผู้ผลิตรถยนต์ในเครือข่าย
ซึ่งมีทั้งผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปและผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น โดยมีผู้ผลิตนอกเครือร่วมแจมอยู่เพียงสามราย คือ
เรอโนลต์ ของฝรั่งเศส กับ นิสสัน และ ไดฮัทสุ ของญี่ปุ่น
เรอโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์หมายเลขหนึ่งของเมืองน้ำหอม อวดฝีมือการรังสรรค์รถแนวคิดอีกครั้ง
โดยนำรถ เรอโนลต์ บี บอป (RENAULT BE BOP) ในภาพ 31 ออกอวดตัวต่อสายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรก
เป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นต้นแบบของรถ MPV ขนาดมีนี ที่ค่ายนี้จะนำออกจำหน่ายตอนต้นปี 2005
โดยแทรกอยู่ตรงกลางระหว่างรถ เรอโนลต์ ทวิงโก (RENAULT TWINGO) และ เรอโนลต์ กลีโอ
(RENAULT CLIO)
ในส่วนของรถตลาด รถใหม่ที่ยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศสนำออกแสดงเป็นครั้งแรกที่งานนี้ คือ เรอโนลต์
กรองด์ เซนิก (RENAULT GRAND SCENIC) ในภาพ 32 เป็นรถอเนกประสงค์ห้าที่นั่ง ซึ่งพัฒนาจากรถ
เรอโนลต์ เซนิก (RENAULT SCENIC) โดยขยายช่วงฐานล้อและตัวถังให้ยาวขึ้น 50 มม.และ 230
มม.ตามลำดับ
นิสสัน ยักษ์รองของญี่ปุ่นที่บริหารงานโดยคนของ เรอโนลต์ ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว นิสสัน เอกซ์-ทเรล
เอฟซีวี (NISSAN X-TRAIL FCV) ในภาพ 33 ซึ่งเป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งขับเคลื่อนด้วยพลังจากเซลล์เชื้อ
เพลิง (FUEL CELL) ที่ค่ายนี้กำลังจะผลิตออกจำหน่าย และ นิสสัน ดูนฮอว์ค (NISSAN
DUNEHAWK) ในภาพ 35 ซึ่งเป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถกิจกรรมกลางแจ้งเจ็ดที่นั่ง
ขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยระบบ ALL MODE 4x4 ที่ยักษ์รองเมืองปลาดิบเพิ่งพัฒนาขึ้นใหม่
ไดฮัทสุ ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุนซึ่งมียักษ์ใหญ่ โตโยตา ถือหุ้นมากกว่าครึ่ง
เรียกร้องความสนใจจากสื่อมวลชนได้
พอสมควรด้วย ไดฮัทสุ อาอิ (DAIHATSU ai) ในภาพ 35 เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถนาคร 2+2
ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยพลังจากเครื่องยนต์ SOHC 3 สูบเรียง 659 ซีซี 47 แรงม้า ตัวถังทรงกล่องเดียว
ขนาด 2.650x1.475x1.550 ม. มีจุดเด่นตรงห้องโดยสารที่กว้างขวางและตกแต่งสวยงามกระจุ๋มกระจิ๋ม
รับกับตัวถังภายนอกที่ออกแบบได้สวยชวนมอง
ฟอร์ด วางจุดโฟคัสสายตาไว้ที่ ฟอร์ด วีซอส (FORD VISOS) ในภาพ 36-37
ผลงานรังสรรค์ของทีมออก
แบบ ฟอร์ด ยุโรปที่มี คริส เบิร์ด (CHRIS BIRD) เป็นผู้นำ และให้อรรถาธิบายว่า
เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของ "FULL FOUR-SEAT LUXURY SPORTS CAR" หรือ
"รถสปอร์ทสี่ที่นั่งระดับสุดหรู" นั่นเอง ในส่วนของรถตลาด นอกจาก ฟอร์ด โฟคัส ซี-แมกซ์ (FORD
FOCUS C-MAX) รถอเนกประสงค์ห้าที่นั่งที่กำลังจะออกจำหน่ายแล้ว
รถใหม่ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก คือ ฟอร์ด จีที (FORD GT) ในภาพ 38
เป็นรถสปอร์ทคูเปสองประตูสองที่นั่ง ผลงานของ ฟอร์ด สหรัฐอเมริกา
ทำขึ้นเพียงสามคันในวาระครบรอบหนึ่งร้อยปีของ ฟอร์ด ถ้าต้องการเป็นเจ้าของก็ต้องรออีกปี
เพราะปลายปี 2004 นั่นแหละ รถแบบนี้จึงจะออกจำหน่าย
แอสตัน มาร์ทิน ผู้ผลิตรถสปอร์ทมาดขรึมของเมืองผู้ดี
เรียกผู้คนเข้าบูธได้แน่นขนัดเหมือนเปิดฟรีคอนเสิร์ท
ที่สนามหลวงด้วย แอสตัน มาร์ทิน ดีบี 9 (ASTON MARTIN DB9) ในภาพ 39 เป็นรถสปอร์ทคูเป 2+2
ที่นั่ง เครื่องยนต์ วี 12 สูบ 6.0 ลิตร 450 แรงม้า ผลงานชิ้นโบว์แดงของ เฮนริค ฟิสเคอร์ (HENRIK FISKER)
นักออกแบบชาวเดนมาร์ค จะออกจำหน่ายในปี 2004 นี้ แทนที่รถรุ่นปัจจุบัน คือ แอสตัน มาร์ทิน ดีบี 7
แลนด์ โรเวอร์ ผู้ผลิตรถกิจกรรมกลางแจ้งชื่อดังของเมืองผู้ดี
ซึ่งก็เป็นผู้ผลิตรถยนต์ในเครือข่ายของยักษ์รอง
ฟอร์ด เช่นกัน ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว แลนด์ โรเวอร์ ฟรีแลนเดอร์ (LAND ROVER FREELANDER)
ในภาพ 40 เป็นรถรุ่น FACELIFT หรือ "ยกหน้า" ที่ได้รับการปรับปรุงในหลายๆ จุด
รวมทั้งเพิ่มค่าตัวขึ้นอีกนิดหน่อย
แจกวาร์ สร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่ โดยนำผลงานชิ้นใหม่ออกอวดตัวในงานนี้ถึงสองชิ้น คือ
แจกวาร์ เอกซ์-ไทพ์ เอสเตท (JAGUAR X-TYPE ESTATE) ในภาพ 41-42 และ แจกวาร์ อาร์-ดี 6 (JAGUAR
R-D6) ในภาพ 43-44 คันแรกซึ่งเป็นรถ แจกวาร์ ตัวถังห้าประตูตรวจการณ์ แบบแรกในประวัติศาสตร์
มีกำหนดออกตลาดในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า
ส่วนคันหลังเป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถสปอร์ทสี่ประตูสี่ที่นั่ง
ตัวถังน้ำหนักเบาเพราะทำจากอลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์
ประตูข้างเปิดแยกจากกันโดยไม่มีเสากลาง ขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยพลังจากเครื่องยนต์ไบเทอร์โบดีเซล
วี 6 สูบ 2.7 ลิตร ที่ให้กำลังสูงถึง 230 แรงม้า
โวลโว ได้ฤกษ์เปิดตัว โวลโว เอส 40 (VOLVO S40) รุ่นที่สองในภาพ 35 ในขณะที่ มาซดา ผู้ผลิตรถ
ญี่ปุ่นที่มียักษ์รอง ฟอร์ด เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ มีผลงานใหม่เปิดตัวที่งานนี้ถึงสองรายการ คือรถตลาด
มาซดา 3 (MAZDA 3)ในภาพ 46 กับ มาซดา คูซาบิ (MAZDA KUSABI) ในภาพ 47
ซึ่งเป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถสปอร์ท 2+2 ที่นั่ง น้ำหนักเบา
ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง 1.6 ลิตร 110 แรงม้า
ฮอลล์ 4.0
ฮันเด * เกีย * ลาดา * มีนี * โรลล์ส-รอยศ์
ฮันเด ผู้ผลิตรถยนต์หมายเลขหนึ่งของเมืองโสมขาว
ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัวผลงานจากความร่วมมือกับสำนัก
คาร์มันน์ (KARMANN) ผู้ชำนัญการด้านรถเปิดประทุนของเมืองเบียร์ คือ ฮันเด ซีซีเอส (HYUNDAI
CCS) ในภาพ 48 เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถคูเป-กาบริโอเลต์ 2+2 ที่นั่ง
มีกลไกเปิดปิดประทุนที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยีอันก้าวล้ำนำสมัย
ส่วน เกีย ซึ่งควบรวมกิจการเข้ากับ ฮันเด มาสองสามปีแล้ว มีผลงานใหม่เรียกคนเข้าบูธอยู่สองชิ้น คือ
เกีย เคซีวี-ทรี (KIA KCV-III) ในภาพ 49 กับ เกีย ปิกันโต (KIA PICANTO) ในภาพ 50 คันแรก
เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถคูเป-กาบริโอเลต์ ออกแบบในเกาหลีใต้โดยนักออกแบบเลือดโสม
ส่วนคันหลังเป็น CITY CAR หรือ รถนาคร ที่ค่ายนี้กำลังจะนำออกจำหน่ายทั้งในเกาหลีและในยุโรป
โดยตั้งเป้าหมายการขายไว้ที่ระดับ 150,000 คัน/ปี
ฮอลล์ 5.0
อัลฟา โรเมโอ * ไครสเลอร์ * แฟร์รารี
จีพ * มาเซราตี * มิตซูบิชิ * โพร์เช
หลังจากเป็นข่าวเผยแพร่ตามหน้านิตยสารรถยนต์ทั่วโลก (รวมทั้งใน "ฟอร์มูลา" นี่ด้วย)มาหลายเดือน
ที่สุด มาเซราตี กวัตตโรโปร์เต (MASERATI QUATTROPORTE) รุ่นใหม่ ในภาพ 51 ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวที่งานนี้
นับเป็นรถรุ่นที่ห้า และเป็นรถติดตรา "ตรีศูล" แบบแรกที่ออกแบบโดยสำนัก ปินินฟารินา
(PININFARINA) กำหนดออกจำหน่ายในยุโรปเดือนเมษายนปีหน้า โดยตั้งเป้าหมายการผลิตไว้ที่ระดับ 4,000 คัน/ปี
ค่ายม้าลำพองเก็บทีเด็ด คือรถสปอร์ท 2+2 ที่นั่ง ซึ่งจะเป็นตัวตายตัวแทนของรถ แฟร์รารี 456 เอม จีที
(FERRARI 456 M GT) ไว้เปิดตัวที่ดีทรอยท์ต้นปีหน้า ที่งานนี้จึงมีงานใหม่ของค่ายม้าลำพองให้เห็นเพียง
ชิ้นเดียว คือ แฟร์รารี 575 จีทีซี (FERRARI 575 GTC) ในภาพ 52 ซึ่งเป็นรถรุ่นพิเศษที่ออกแบบสำหรับ
การแข่งรถ GT ในยุโรป ซึ่งรวมทั้งการแข่ง เลอ มองส์ 24 ชั่วโมง อันเลื่องชื่อลือชาด้วย
นอกจากรถตลาดรุ่น FACE LIFT หรือ "ยกหน้า" คือ อัลฟา 166 (ALFA 166) ในภาพ 53 ค่าย อัลฟา
โรเมโอ สามารถเรียกผู้สื่อข่าวเข้าบูธชนิดหัวกระไดไม่แห้งด้วย อัลฟา 8 ซี กมเปติซีโอเน (ALFA 8C
COMPETIZIONE) ในภาพ 38
ซึ่งเกจิอาจารย์หลายคนยกนิ้วว่าเป็นรถที่น่าสนใจและน่าประหลาดใจที่สุด
ในงานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ทครั้งนี้ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถสปอร์ทคูเประดับ
"ซูเพอร์คาร์" ตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยพลังจากเครื่องยนต์ซูเพอร์ชาร์จ วี 8
สูบ 4.3 ลิตร ที่ให้กำลังสูงถึง 410 แรงม้า คาดว่ามีโอกาสถูกบรรจุเข้าสู่สายการผลิต และออกขายตอนปลายปี 2005
ค่ายสามเพชรนำรถ มิตซูบิชิ กรันดิส (MITSUBISHI GRANDIS)
ซึ่งออกขายในญี่ปุ่นหลายเดือนแล้วไปเปิด
ตัวเป็นครั้งแรกในยุโรป รวมทั้งอวดรถแนวคิดคันใหม่ คือ มิตซูบิชิ ไอ (MITSUBISHI i) ในภาพ 55 ซึ่ง
เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของ CITY CAR หรือ "รถนาคร" สี่ประตูสี่ที่นั่ง รูปทรงองค์เอวก้าวล้ำนำสมัย
และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศแค่ 0.24
ไครสเลอร์ ซึ่งกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มยอดขายในยุโรป อวดผลงานใหม่สองชิ้น คือ
ไครสเลอร์ 300 ซี (CHRYSLER 300C) ในภาพ 56 และ ไครสเลอร์ 300 ซี ทัวริง (CHRYSLER 300C TOURING)
ในภาพ 57-58 คันแรก กลางปี 2004 นี้ จะเริ่มออกจำหน่ายในตลาดอเมริกาเหนือ
ในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2005 ส่วนคันหลัง ยังมีฐานะเป็นรถแนวคิด แต่เชื่อว่าไม่เกินสองปี คงจะแปรสภาพเป็นรถตลาด
โพร์เช ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทของเมืองเบียร์ มีผลงานใหม่ออกแสดงหลายคัน ที่ใหม่จริงๆ คือ โพร์เช 911
จีที 2 (PORSCHE 911 GT2) ในภาพ 34 ซึ่งเป็นรถ โพร์เช 911 ที่ทรงพลังที่สุดในขณะนี้ (483 แรงม้า)
กับ โพร์เช 911 จีที 3 อาร์เอส (PORSCHE 911 GT3 RS) ในภาพ 60
ฮอลล์ 6.0
เฟียต * ฮอนดา * ลันชา
ฮอลล์ 6.0 ซึ่งมีพื้นที่น้อยที่สุด มีผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อยู่เพียงสามราย แถมหนึ่งรายคือ ฮอนดา
ไม่มีผลงานใหม่ๆ ด้านรถยนต์ให้พูดถึงได้เลย จึงใช้กลยุทธเรียกคนเข้าบูธ ด้วยการนำเสนอสรรพคุณของหุ่นยนต์
อาซีโม (ASIMO) ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นตัวเดียวกับที่เคยนำมาโชว์ในบ้านเราหรือเปล่า ?
เฟียต ผู้ผลิตรถยนต์กอดฟาเธอร์ของเมืองมะกะโรนี วางจุดสนใจไว้ที่การเปิดตัวรถ เฟียต ปันดา (FIAT
PANDA) รุ่นใหม่ ในภาพ 61 ซึ่งเคยปรากฏตัวให้เห็นมาก่อนแล้ว
ที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาครั้งล่าสุด
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ครั้งนั้นยังอยู่ในฐานะรถแนวคิด และใช้ชื่อว่า เฟียต จินโก (FIAT
GINGO) นอกจากนั้น ยังอวดโฉมรถแนวคิด เฟียต ปันดา เอสยูวี (FIAT PANDA SUV) ในภาพ 62-63
ซึ่งคาดกันว่าภายในปี 2005 จะเปลี่ยนสภาพเป็นรถตลาด โดยใช้โรงงานซึ่งตั้งอยู่ในโปแลนด์เป็นที่ผลิต
ลันชา มีผลงานใหม่ให้พูดถึงเพียงชิ้นเดียว คือ ลันชา ฟุลวีอา คูเป (LANCIA FULVIA COUPE)
ในภาพ 64-65 ซึ่งนักวิจารณ์รถยนต์ชื่อดังคนหนึ่งของยุโรป ให้ความเห็นว่าเป็นรถสวยที่สุดในงานนี้
เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถสปอร์ทคูเปสองประตู 2+2 ที่นั่ง ผลงานรังสรรค์ของศูนย์ออกแบบ LANCIA
STYLING CENTER ซึ่งมี ฟลาวีโอ มันโซนี (FLAVIO MANZONI) เป็นผู้นำ
โดยขอหยิบขอยืมชิ้นส่วนหลายชิ้นจากรถตลาด เฟียต บาร์เคตตา (FIAT BARCHETTA)
ฮอลล์ 8.0
แคดิลแลค * เชฟโรเลต์ * ซีตรอง * แดวู * เลกซัส
โอเพล * เปอโฌต์ * ซาบ * ซูบารุ * ซูซูกิ * โตโยตา
เจ้าของเครื่องหมายการค้า "สิงห์เผ่น" ใช้เวทีหมุนขนาดยักษ์ในงานนี้เป็นที่เปิดตัว เปอโฌต์ 407 เอลีซีร์
(PEUGEOT 407 ELIXIR) ในภาพ 66-67 เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถคูเปสี่ที่นั่งระดับหรู
ซึ่งรับรู้กันว่า รายละเอียดในหลายๆส่วน โดยเฉพาะส่วนหน้ารถ จะเหมือนกันแทบไม่ผิดเพี้ยนกับรถตลาดรุ่นใหม่
คือ เปอโฌต์ 407 (PEUGEOT 407) ในตัวถังซีดานและคูเป ซึ่งจะออกจำหน่ายในยุโรปกลางปี 2004
ซีตรอง ทำตามคำมั่นสัญญา โดยใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัวรถตลาดอนุกรมใหม่ คือ ซีตรอง เซเดอซ์
(CITROEN C2) ในภาพ 68 เป็นรถขนาดมินิในตัวถังสามประตูแฮทช์แบค
ซึ่งกำลังจะออกจำหน่ายแทนที่รถอนุกรมเดิม
คือ ซีตรอง ซักโซ (CITROEN SAXO) ที่อยู่ในสายการผลิตมาตั้งแต่ปี 1996
งานใหม่อีกชิ้นหนึ่งที่ค่าย"จ่าโท" นำออกอวดตัวเป็นครั้งแรกในงานนี้ คือ ซีตรอง เซ แอร์-เลาน์จ์
(CITROEN C AIR-LOUNGE)
เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถสี่ประตูห้าที่นั่งระดับสุดหรูและเพียบไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสุข
ความสะดวกสุดไฮเทค ตัวถังขนาด 4.880x1.930x1.580 ม. มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศแค่ 0.26
ซาบ ผู้ผลิตรถยนต์เมืองฟรีเซกซ์ซึ่งอาการไม่ค่อยดีเพราะยอดขายเข็นไม่ขึ้น เรียกความสนใจด้วย ซาบ
9-3 สปอร์ท-แฮทช์ (SAAB 9-3 SPORT-HATCH) รถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถห้าประตูสี่ที่นั่ง
ที่ผสมผสานลักษณะของรถแฮทช์แบคและรถตรวจการณ์เข้าด้วยกัน เป็นต้นแบบของรถ ซาบ 9-3
ในตัวถังแบบใหม่ ที่ค่ายนี้จะนำออกสู่ตลาดตอนปลายปี 2004 นี้
โอเพล เจ้าของเครื่องหมายการค้า "สายฟ้า"
อุทิศพื้นที่หลายสิบตารางเมตรในการจัดวางแท่นหมุนขนาด
ยักษ์เพื่อการเปิดตัว โอเพล อินไซจ์นีอา (OPEL INSIGNIA) ในภาพ 71-72 เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์
ของรถสี่ประตูคูเปขนาดใหญ่ มีตัวถังซึ่งยาวถึง 4.800 ม.และใช้ล้อขนาดโตถึง 21 นิ้ว
ใช้ระบบขับเคลื่อน
ล้อหลัง ด้วยพลังจากเครื่องยนต์ วี 8 สูบ 5.7 ลิตร 344 แรงม้า
ที่ขอหยิบขอยืมมาจากยอดรถสปอร์ทของ
เมืองมะกัน คือ เชฟโรเลต์ คอร์เวทท์ (CHEVROLET CORVETTE)
รายละเอียดหลายส่วนในรถแนวคิดคัน
นี้จะถูกนำไปใช้ในรถอนุกรมใหม่ ซึ่งจะออกตลาดแทนที่รถ โอเพล โอเมกา (OPEL OMEGA) ในปี
2006
ในส่วนของรถตลาด ค่ายสายฟ้ามีผลงานใหม่ออกแสดงเป็นครั้งแรกในงานนี้สองชิ้น คือ โอเพล
เวคทรา
คาราวาน (OPEL VECTRA CARAVAN) ในภาพ 73 กับ โอเพล อัสตรา (OPEL ASTRA) รุ่นใหม่
ในภาพ 74 คันแรกจะออกจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วนคันหลังต้องรอฤดูใบไม้ผลิปี 2004
ซูซูกิ ผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นซึ่งมียักษ์ใหญ่ เจเนอรัล มอเตอร์ส ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 10
ไม่รอมหกรรมยานยนต์
โตเกียวในเดือนตุลาคม แต่เลือกใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัวรถที่เห็นในภาพ 75 คือ ซูซูกิ คอนเซพท์ เอส 2
(SUZUKI CONCEPT S2) ซึ่งเป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถเปิดประทุนสี่ที่นั่งขนาดมีนี
โตโยตา ยักษ์ใหญ่ของเมืองปลาดิบ นำรถพันทางรุ่นที่สอง คือ โตโยตา ปรีอุส (TOYOTA PRIUS)
ในภาพ 76 ไปเปิดตัวในยุโรปที่งานนี้ นอกจากตัวถังที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดแล้ว ในส่วนของระบบขับ
รถพันทางรุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงในหลายๆ จุด ทำให้มีสมรรถนะการขับขี่ดีกว่ารถรุ่นเดิม
และปล่อยไอเสียที่สะอาดกว่าเดิมอีกต่างหาก นอกจากนี้
ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นยังตอกย้ำวิสัยทัศน์ด้านรถพันทาง โดยนำรถแนวคิด โตโยตา ซีเอส แอนด์ เอส
(TOYOTA CS&S) ในภาพ 77 ออกอวดตัวเป็นครั้งแรก พร้อมกับให้รายละเอียดว่า
รถพันทางตัวถังสองประตู 2+2 ที่นั่งหลังคาเปิดประทุนแบบโรดสเตอร์คันนี้ ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด
1.5 ลิตร ขับล้อคู่หลัง และใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับล้อคู่หน้า สามารถทำความเร็วสูงสุด 205 กม./ชม.
เลกซัส มีงานใหม่ให้กล่าวถึงเพียงชิ้นเดียว คือ เลกซัส แอลเอส 430 (LEXUS LS430) รุ่น FACELIFT
หรือ "ยกหน้า" ในภาพ 78 ส่วน แดวู ผู้ผลิตรถเมืองโสมซึ่งขายกิจการให้แก่ยักษ์ใหญ่ เจเนอรัล
มอเตอร์ส
ไปเรียบร้อยแล้ว มีผลงานใหม่อวดตัวในานนี้สองชิ้น คือ แดวู ยูนิเวิร์ส (DAEWOO UNIVERSE)
ในภาพ 79 กับ แดวู ลาเชตตี (DAEWOO LACETTI) ในภาพ 80
คันแรกเป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นต้นแบบของรถอเนกประ
สงค์เจ็ดที่นั่งที่ค่ายนี้จะนำออกสู่ตลาดในปี 2005 ส่วนคันหลังซึ่งออกแบบโดยพระอาจารย์ โจร์เกตโต
จูจาโร (GIORGETTO GIUGIARO) เป็นรถห้าประตูแฮทช์แบคอนุกรมใหม่
ที่ค่ายนี้กำลังจะนำเข้าสู่สายการผลิต และจะเริ่มจำหน่ายในยุโรปเดือนกุมภาพันธ์ 2004 นี้
เรื่องโดย : ชูศักดิ์ ชมจินดา
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2546
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/730