ทั่วไป
ศึก ฟอร์มูลา วัน ช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล ทีม วิลเลียมส์ ร้อนแรงเกินคาด ผงาดคว้าแชมพ์ 2 สนามติดต่อกันแบบเรียงแถว ผ่านธงตราหมากรุกในอันดับ 1-2 แซง แมคลาเรน ขึ้นจ่อคิวแชมพ์โลก ส่วน บาร์ริเชลโล คว้าแชมพ์แรกของปี กู้หน้าให้ แฟร์รารี
รายการแข่งขันจรวดทางเรียบ ฟอร์มูลา วัน ฤดูกาลปี 2003 เกินกว่าจะคาดเดาสำหรับ
ตำแหน่งแชมพ์โลกปีนี้ทั้งประเภทผู้ขับ และทีมผู้ผลิต หลังจากทีม วิลเลียมส์
โชว์ฟอร์มร้อนแรงแตกต่างจากช่วงครึ่งแรกของปี ด้วยการคว้าแชมพ์ติดต่อกัน 2 สนามซ้อน
แบบเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 เก็บแต้มเป็นกอบเป็นกำติดมือ มีโอกาสลุ้นแชมพ์โลกปีนี้ ทีม
วิลเลียมส์ เริ่มส่อเค้าเป็นกระดูกชิ้นโตที่เข้ามาขวางเส้นทางไล่ล่าแชมพ์โลกของ มนโตยา ที่ โมนาโค
กรองด์ปรีซ์ ตามมาด้วยการคว้าแชมพ์แรกประจำปีของ ราล์ฟ ชูมาเคร์ ที่นืร์บวร์กริงก์ เซอร์กิท
ในรายการ เยอรมนี กรองด์ปรีซ์ และ ฝรั่งเศส กรองด์ปรีซ์ ตามมาด้วย มนโตยา ในอันดับ 2 ทั้ง 3
รายการ โดยล่าสุดที่ อังกฤษ กรองด์ปรีซ์
เยอรมนี กรองด์ปรีซ์
ราล์ฟ คว้าแชมพ์แรกของปีในบ้านเกิด
ศึก เยอรมนี กรองด์ปรีซ์ สนามที่ 9 การแข่งขันทั้งหมด 16 สนาม ประจำฤดูกาลปี 2003 ราล์ฟ ชูมาเคร์
นักขับเจ้าถิ่นจากทีม วิลเลียมส์ คว้าแชมพ์แรกของปี หลังเสร็จสิ้นจากการดวลล้อบนสังเวียน
นืร์บวร์กริงก์ เซอร์กิท และเป็นการคว้าแชมพ์ครั้งที่ 5 ในชีวิตนักขับ เอฟ 1
ทีม วิลเลียมส์ สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในศึก เยอรมนี กรองด์ปรีซ์ ด้วยการเรียงแถวเข้าเส้นชัยใน
2 อันดับแรก เมื่อ ราล์ฟ ควบ วิลเลียมส์ รหัส เอฟดับเบิลยู-25 ผ่านธงตราหมากรุกไปเป็นคันแรก
ตามมาด้วย ฮูอัน ปาบโล มนโตยา เพื่อนร่วมทีมจากโคลัมเบีย และ รูเบนส์ บาร์ริเชลโล มือสองของ
แฟร์รารี เข้าเส้นชัยในอันดับ 3 ส่วน คีมี ไรค์โคเนน ต้องผิดหวังกับการแข่งขันครั้งนี้
หลังจากคว้าโพลโพสิชันได้สำเร็จ และออกสตาร์ทได้อย่างสวยหรู แต่ไปไม่ถึงดวงดาวเครื่องยนต์พัง
หลังจากผ่านไป 25 รอบ ขณะนำห่างอย่หัวแถว ต้องออกจากการแข่งขันไปโดย ไรค์โคเนน กล่าวว่า
"ก่อนหน้านี้ไม่มีสิ่งบอกเหตุอะไรเกี่ยวกับเครื่องยนต์ว่าจะมีปัญหา"
ไรค์โคเนน นักขับดาวรุ่งจากฟินแลนด์ทีม แมคลาเรน
คว้าโพลโพสิชันได้เป็นครั้งแรกในชีวิตการแข่งขันรถ เอฟ 1
โดยทำเวลาในรอบควอลิฟายเมื่อวันเสาร์เฉือน มิคาเอล ชูมาเคร์ ไปเพียง 0.032 วินาที
และทำเวลาได้ดีกว่า ราล์ฟ อยู่ 0.096 วินาที ไรค์โคเนน ทำเวลาต่อรอบได้ 1 นาที 31.523 วินาที
ในวันแข่งจริง หลังสัญญาณไฟออกสตาร์ท ไรค์โคเนน ออกตัวได้ดี ขึ้นนำเข้าโค้งแรกไปก่อน
ตามมาด้วย ราล์ฟ ที่ออกสตาร์ทจากกริดในอันดับ 3 ออกตัวได้ดีกว่า มิคาเอล ราล์ฟ
เร่งแซงพี่ชายขึ้นไปอยู่อันดับ 2 แทน มิคาเอล ซึ่งร่วงไปอยู่ที่ 3
ไรค์โคเนน กดคันเร่งทำความเร็วทิ้งห่าง ราล์ฟ ไปค่อนข้างไกลถึง 6 วินาที จนกระทั่งเครื่องยนต์พัง
ทำให้ ราล์ฟ ขยับขึ้นไปนำอยู่หัวแถว ก่อนจะนำแบบม้วนเดียวจบ คว้าแชมพ์ในสนามบ้านเกิดไปครอง
ส่วน มิคาเอล แม้ว่าจะออกสตาร์ทได้ไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ยังคงรักษาอันดับ 3 ไว้ได้ จนกระทั่งไปเบียดกับ
มนโตยา ในรอบที่ 43 ก่อนจะเสียหลักหลุดออกจากแทรคไปหล่นในบ่อทราย
เจ้าหน้าที่ประจำสนามเข้ามาช่วยเข็นรถกลับเข้าสู่การแข่งขันได้อีกครั้ง
มนโตยา ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2 แทนจนกระทั่งตาม ราล์ฟ เข้าเส้นชัย ส่วน มิคาเอล
กลับเข้ามาแข่งต่อแต่เข้าเส้นชัยในอันดับ 5 ส่วน เดวิด คุลธาร์ด ไม่จบการแข่งขันเช่นกัน
รถหมุนออกจากเส้นทางไปลงหล่มทราย ต้องออกจากการแข่งขัน ขณะที่เหลืออีกเพียง 3 รอบสุดท้าย
แฟร์นันโด อาลนโซ ดาวรุ่งจากสเปนทีม เรอโนลต์ เข้าเส้นชัยในอันดับ 4 โดยออกสตาร์ทจากอันดับ 8
มิคาเอล ออกมากล่าวหลังจบการแข่งขันว่าไม่ติดใจเรื่องที่รถเกี่ยวกับกับ มนโตยา
จนรถของเขาหลุดโค้ง "ผมไม่ข้องใจกับผลการแข่งขัน มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในการแข่งขัน
เขาเร็วกว่า และพยายามจะแซงขึ้นไป ผมคิดว่ามันยังมีช่องทางที่จะสามารถบังทางได้
แต่ผมไม่มีปัญหากับ มนโตยา ในเรื่องนี้ และดีใจที่น้องชายคว้าแชมพ์ในบ้านได้"
รายการนี้ บาร์ริเชลโล ได้ขึ้นโพเดียมในอันดับ 3 ออกสตาร์ทได้ดีจากอันดับ 5 และช่วยบังทางให้
มิคาเอล ในช่วงโค้งแรก นอกจากนี้ยังรักษาอันดับได้ดี และคว้าที่ 3 ไปครอง
นืร์บวร์กริงก์ เซอร์กิท เป็นสนามแข่งขันที่อยู่ห่างจาก เมืองเคร์เพน บ้านเกิดของ 2 พี่น้องตระกูล
ชูมาเคร์ ไปทางทิศเหนือราว 40 ไมล์ เซอร์กิทแห่งนี้มีความยาวรอบสนาม 5.148 กม. แข่งขันรวม 60
รอบสนาม สนามแห่งนี้ทำการแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี 1925 ครั้งนั้นมีความยาวรอบสนาม 28.1 กม.
เส้นทางขึ้น/ลงเขาลัดเลาะไปตามโค้งต่างๆ ตามแนวต้นไพน์ ในยุคทศวรรษที่ 60
แชมพ์โลกหลายรายมาคว้าชัยชนะไปจากที่นี่ เช่น เซอร์ สเตอร์ลิง มอสส์ เมื่อปี 1961 แจคกี สจวร์ท
เมื่อปี 1968 และ นิคิ เลาดา ประสบอุบัติเหตุไฟลุกท่วมรถจนใบหน้าเสียโฉมเมื่อปี 1976
จนเป็นเหตุให้สนามแห่งนี้ถูกยกเลิกไปชั่วคราว และกลับมาบรรจุเข้าตารางการแข่งขัน เอฟ 1 อีกครั้ง
ในปี 1984 หลังจากมีการปรับปรุงสนามใหม่
ผลการแข่งขัน เยอรมนี กรองด์ปรีซ์
อันดับ ผู้ขับ ทีม เวลารวม
1. ราล์ฟ ชูมาเคร์ วิลเลียมส์ 1 ชั่วโมง 34 นาที 43.622 วินาที
2. ฮูอัน ปาบโล มนโตยา วิลเลียมส์ ช้ากว่า 16.821 วินาที
3. รูเบนส์ บาร์ริเชลโล แฟร์รารี ช้ากว่า 39.673 วินาที
4. แฟร์นันโด อาลนโซ เรอโนลต์ ช้ากว่า +1 นาที 05.731 วินาที
5. มิคาเอล ชูมาเคร์ แฟร์รารี ช้ากว่า +1.06.162 วินาที
ฝรั่งเศส กรองด์ปรีซ์
ทีม วิลเลียมส์ เรียงแถว 1-2 คว้าชัย 2 สนามซ้อน
ทีม วิลเลียมส์ ประกาศศักดา เหนือสังเวียน มานญี-กูรส์ เซอร์กิท ในศึก ฝรั่งเศส กรองด์ปรีซ์
ด้วยการเรียงแถวเข้าเส้นชัยใน 2 อันดับแรก เป็นสนามที่ 2 ติดต่อกัน หลังคว้าตำแหน่งสตาร์ทใน 2
อันดับแรกเช่นกัน
ชัยชนะใน 2 อันดับแรกของทีม วิลเลียมส์ ภายในระยะเวลาเพียง 7 วัน จากการแข่งขัน 2
รายการซ้อนครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความร้อนแรงของ เอฟดับเบิลยู-25 ที่มาหยุดสถิติของ มิคาเอล
ชูมาเคร์ แห่งทีม แฟร์รารี ให้นิ่งอยู่กับที่เป็นสนามที่ 2 ติดต่อกัน โดย ราล์ฟ ชูมาเคร์ ทะยาน วิลเลียมส์-
บีเอมดับเบิลยู เข้าเส้นชัยไปเป็นคันแรก ตามมาด้วย มนโตยา นักขับเลือดร้อนจากโคลัมเบีย และ
มิคาเอล ขึ้นโพเดียมในอันดับ 3 หลังพลาดท่าออกสตาร์ทได้ไม่ดีเป็นสนามที่ 2 ติดต่อกัน ถูก คีมี
ไรค์โคเนน ที่ออกสตาร์ทจากกริดในอันดับ 4 ไล่แซง มิคาเอล ขึ้นไปอยู่ที่ 3 แทน และ มิคาเอล
แซงกลับคืนได้ในช่วงท้ายเกม ไรค์โคเนน ตามเข้าเส้นชัยไปในอันดับ 4 และ เดวิด คุลธาร์ด ทีม
แมคลาเรน อีกคันเข้าเส้นชัยในอันดับ 5
หลังจบการแข่งขันในรายการนี้ คะแนนสะสมประเภททีมผู้ผลิตของ วิลเลียมส์ ไล่จี้ติด แฟร์รารี
ห่างเพียง 3 แต้มเท่านั้น
ศึก ฝรั่งเศส กรองด์ปรีซ์ สนามที่ 10 ของฤดูกาลปี 2003 ทีมแข่ง ฟอร์มูลา วัน
ส่วนใหญ่เลือกใช้ยุทธวิธีการเข้าพิทรวม 3 ครั้ง หลังการเข้าพิทในครั้งแรกช่วงรอบที่ 17-18 คุลธาร์ด
ออกจากพิทมาก่อน มิคาเอล ตกไปอยู่ที่ 5
การเข้าพิทครั้งที่ 2 ผ่านไปโดย 5 อันดับแรกไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ในขณะที่รถแข่งของทีม เรอโนล์ต
มีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ทั้ง 2 คัน จนต้องออกจากการแข่งขันไปทั้งคู่ โดยในรอบควอลิฟาย
ทำเวลาได้ไม่ดีนัก อาลนโซ ติดอันดับ 7 และ ยาร์โน ตรุลลี ติดอันดับ 6
และรถมีปัญหาเรื่องระบบอีเลคทรอนิค
คุลธาร์ด อันดับร่วงไปอยู่ที่ 5 หลังจากการเข้าพิทครั้งที่ 3 เกิดปัญหาในพิทขณะทำการเติมเชื้อเพลิง
คุลธาร์ด ออกรถโดยที่ท่อเติมเชื้อเพลิงยังติดคาอยู่ เป็นผลให้เสียเวลาไปมาก
แต่ยังสามารถจบการแข่งขันในอันดับ 5 โดย มิคาเอล แซงขึ้นมาแทน และไปแซง ไรค์โคเนน
ได้อีกคันในช่วงท้าย ทำให้ มิคาเอล ขึ้นโพเดียมอันดับที่ 3 ส่วน 2 คู่หู วิลเลียมส์ ไม่มีอะไรผิดพลาด
นำแบบม้วนเดียวจบรับแชมพ์ไปครอง โดย ราล์ฟ คว้าแชมพ์ครั้งที่ 6 ในชีวิตนักขับ เอฟ 1
ออลีวีแอร์ ปานีส นักขับเจ้าถิ่นทีม โตโยตา เข้าเส้นชัยในอันดับ 8 เก็บได้ 1 แต้ม
มานญี-กูรส์ เซอร์กิท มีความยาวรอบสนามเท่ากับ 4.4 กม. แข่งขันรวม 70 รอบสนาม ระยะทางรวม
208.6 กม. มนโตยา ทำสถิติความเร็วต่อรอบได้ดีที่สุดในวันแข่งจริง โค่นสถิติเดิมได้สำเร็จ ด้วยเวลา 1
นาที 15.512 วินาที ในปีนี้ และ ราล์ฟ โค่นสถิติเดิมของสนามเช่นกัน ในรอบ
ควอลิฟาย ทำเวลาได้ 1 นาที 15.019 วินาที มิคาเอล คว้าแชมพ์ในรายการนี้ได้ 6 สมัย ในปี 1994-
1995 สังกัดทีม เบเนททัน ปี 1997-1998 สังกัดทีม แฟร์รารี และปี 2001-2002 สังกัดทีม แฟร์รารี
เซอร์กิทแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศฝรั่งเศส ใกล้กับหมู่บ้าน มานญี-กูรส์
ห่างไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของ เมืองเนอแวร์ส (NEVERS) ระยะทาง 6 ไมล์ เมืองเล็กๆ
ตอนบนของแคว้นลัวร์ (LOIRE) และห่างไปทางตอนใต้ของกรุงปารีส์ 150 ไมล์
เป็นสนามที่ขึ้นชื่อว่ามีความราบเรียบมากที่สุดในบรรดาสนามแข่ง
ในพิทเพียบพร้อมอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุด มีโค้งจำนวนมากที่รถแข่งต้องชะลอความเร็วและโค้งแฮร์พิน
สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1960 โดย ชอง แบร์นิโกด์ (JEAN BERNIGAUD)
บนผืนดินที่เป็นแปลงเกษตรของตนเอง มีความยาวรอบสนามเท่ากับ 1.21 ไมล์
เป็นโรงเรียนสอนแข่งขันที่มีชื่อเสียงของโลก ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 1963
สร้างนักแข่งที่มีชื่อเสียงชาวฝรั่งเศสหลายคนในยุคทศวรรษที่ 70 และ 80
เซอร์กิทแห่งนี้ได้รับการปรับปรุงขึ้นใหม่ ขยายเป็น 2.39 ไมล์ และทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่
1 พฤษภาคม ปี 1971 ต่อมาในเดือน พฤศจิกายน แบร์นิโกด์ ได้เสียชีวิตลงในปีนั้นเอง
และถูกซื้อกิจการโดยสมาคมยานยนต์ท้องถิ่นในปี 1970
ได้จัดการแข่งขันระดับนานาชาติเป็นครั้งแรกในรายการชิงแชมพ์ยูโรเพียน ฟอร์มูลา 3
ต่อมาประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ มิตเตอรองด์ (FRANCOIS MITTERAND) ให้การสนับสนุน
พัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นสนามแข่งระดับสากลมีทั้ง สนามบิน สนามกอล์ฟ ขนาด 18 หลุม
และทีมแข่งรถ
รายการ ฝรั่งเศส กรองด์ปรีซ์ เริ่มมาแข่งขันที่ มานญี-กูรส์ เซอร์กิท เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1991 โดย 3
ปีแรกทีม วิลเลียมส์-เรอโนลต์ เป็นทีมที่คว้าแชมพ์ไปได้ทั้งหมด
ผลการแข่งขัน ฝรั่งเศส กรองด์ปรีซ์
อันดับ นักขับ ทีม เวลา
1. ราล์ฟ ชูมาเคร์ วิลเลียมส์ 1 ชั่วโมง 30 นาที 49.213 วินาที
2. ฮูอัน ปาบโล มนโตยา วิลเลียมส์ ช้ากว่า +13.813 วินาที
3. มิคาเอล ชูมาเคร์ วิลเลียมส์ ช้ากว่า +19.813 วินาที
4. คีมี ไรค์โคเนน แมคลาเรน ช้ากว่า +19.568 วินาที
5. เดวิด คุลธาร์ด แมคลาเรน ช้ากว่า +38.047 วินาที
อังกฤษ กรองด์ปรีซ์
บาร์ริเชลโล กู้ชื่อให้ แฟร์รารี
รูเบนส์ บาร์ริเชลโล มือสองของทีม แฟร์รารี คว้าแชมพ์แรกของฤดูกาลปี 2003 ได้ในศึกอังกฤษ
กรองด์ปรีซ์ หลังจากคว้าโพลโพสิชันได้ในรอบควอลิฟายเมื่อวันเสาร์ โดยทำเวลาได้ 1 นาที 21.209
วินาที สำหรับสนามนี้ มิคาเอล ชูมาเคร์ เพื่อนร่วมทีมออกสตาร์ทจากอันดับ 5
เป็นผลงานควอลิฟายที่ไม่ค่อยดีนัก
ยาร์โน ตรุลลี ทีม เรอโนลต์ ออกสตาร์ทจากอันดับ 2 ตามมาด้วย คีมี ไรค์โคเนน และ ราล์ฟ
ชูมาเคร์
การคว้าแชมพ์แรกของปีครั้งนี้ บาร์ริเชลโล เป็นการคว้าแชมพ์ครั้งที่ 7 ในชีวิตการแข่ง
ฟอร์มูลา วัน ซึ่งประสบกับปัญหาในระหว่างการแข่งขัน
เมื่อมีผู้ประท้วงได้ถือป้ายออกมาวิ่งท้านรกบนเส้นทางการแข่งขัน ขณะทำการแข่งขันในช่วงทางตรง
(HANGAR STRAIHGT) ซึ่งรถแข่งทำความเร็วกว่า 200 กม./ชม.
ภายหลังทราบว่าเป็นนักบวชชาวไอริช เมื่อถูกเจ้าหน้าที่สนามนำส่งสถานีตำรวจ
โดยนักบวชรายนี้วิ่งลงไปบนแทรคในรอบที่ 12 จนรถเชฟทีคาร์ออก
มาวิ่งรอบสนาม
การออกสตาร์ทของ บาร์ริเชลโล ไม่ค่อยดี ออกตัวช้า จนถูก ตรุลลี และ ไรค์โคเนน แซงไปได้ทั้ง 2 คัน
เข้าโค้งแรกไปก่อน บาร์ริเชลโล ตกไปอยู่อันดับ 3 จนกระทั่งรอบที่ 13 มีการ
รีสตาร์ทกันใหม่ หลังจากเคลียร์เส้นทางจากการที่มีคนลงไปวิ่งบนสนามแข่ง ซึ่งก่อนหน้านี้
ตรุลลี นำอยู่หัวแถวตลอด ตามมาด้วย ไรค์โคเนน ส่วน คุลธาร์ด รถมีปัญหาในช่วงสตาร์ท
เชฟทีคาร์ออกมาวิ่งเคลียร์ทางตั้งแต่รอบแรก
การรีสตาร์ท ดา มัตตา ทีม โตโยตา ขึ้นมานำเนื่องจากรถหลายคันเข้าพิท จนกระทั่งถูก
ไรค์โคเนน เร่งแซงไป หลังจากการเข้าพิทครั้งสุดท้าย บาร์ริเชลโล ไล่จี้ติด ไรค์โคเนน
และขึ้นประกบตีคู่กันอยู่หลายโค้ง จนกระทั่งถึงโค้งบริดจ์ (BRIDGE) ไรค์โคเนน
ไปพลาดตีโค้งกว้างเกินไป เปิดโอกาสให้ บาร์ริเชลโล แซงขึ้นไปนำหัวแถวเป็นผลสำเร็จ
จนกระทั่งคว้าเส้นชัยไปเป็นคันแรก
ในช่วงที่ใกล้เคียงกันนั้น มนโตยา สามารถแซง ไรค์โคเนน ขึ้นไปได้อีกคัน
จนกระทั่งจบการแข่งขันในอันดับ 2 ส่วน ไรค์โคเนน เข้าเส้นชัยในอันดับ 3
พลาดแชมพ์ไปอย่างน่าเสียดาย
หลังจบการแข่งขัน ไรค์โคเนน ให้สัมภาษณ์ว่า "รถของเขามีปัญหาระบบรองรับด้านหลัง
สูญเสียการยึดเกาะถนน เสียสมดุลจากการตรวจเชคยางครั้งสุดท้าย และระบบห้ามล้อด้านหลัง
มีปัญหาที่โค้งทำให้ มนโตยา แซงขึ้นไป"
มิคาเอล เข้าเส้นชัยในอันดับ 4 ตามมาด้วย คุลธาร์ด อันดับ 5 ตรุลลี ที่ 6 และ ดา มัตตา ทีม
โตโยตา เข้าเส้นชัยในอันดับ 7 และ บัททันที่ออกสตาร์ทจากท้ายแถว เข้าอันดับ 8
ทีม วิลเลียมส์ เป็นทีมตั้งในการคว้าแชมพ์ในรายการ อังกฤษ กรองด์ปรีซ์ ทำได้ดีที่สุดจากผลงานของ
มนโตยา รับรองแชมพ์ไปครอง ส่วน ราล์ฟ จบการแข่งขันในอันดับ 9 ไม่มีแต้มติดมือออกไป
ส่วนคะแนนสะสมประเภทผู้ขับ มิคาเอล ยังคงนำมี 69 แต้ม นำห่าง ไรค์โคเนน อยู่ 7 แต้ม ขณะที่
มนโตยา จบสนามนี้อันดับขยับขึ้นมาอยู่ที่ 3 มี 55 แต้ม นำหน้า ราล์ฟ อยู่ 2 แต้ม
และนำห่างบาร์ริเชลโล อยู่ 6 แต้มเท่านั้น ประเภททีมผู้ผลิต ทีม แฟร์รารี มี 118 แต้ม
นำห่างทีมวิลเลียมส์ อยู่ 10 แต้ม
ซิลเวอร์สโตน เซอร์กิท มีความยาวรอบสนาม 5.141 กม. แข่งขัน 60 รอบสนาม ระยะทางรวม 208.355
กม. สนามแห่งนี้ในอดีตเคยเป็นสนามบินมาก่อน ทำการแข่งขันครั้งแรก เมื่อปี 1948 จูเซปเป ฟารีนา
(GIUSEPPE FARINA) คว้าแชมปพ์ในรายการชิงแชมพ์โลกได้เป็นคนแรกเมื่อปี 1950 ให้กับทีม อัลฟา
โรเมโอ
ผลการแข่งขัน อังกฤษ กรองด์ปรีซ์
อันดับ นักขับ ทีม เวลา
1. รูเบนส์ บาร์ริเชลโล แฟร์รารี 1 ชั่วโมง 28 นาที 34.554 วินาที
2. ฮูอัน ปาบโล มนโตยา วิลเลียมส์ ช้ากว่า 05.462 วินาที
3. คีมี ไรค์โคเนน แมคลาเรน ช้ากว่า 10.656 วินาที
4. มิคาเอล ชูมาเคร์ แฟร์รารี ช้ากว่า 25.648 วินาที
5. เดวิด คุลธาร์ด แมคลาเรน ช้ากว่า 36.827 วินาที
สรุปคะแนนรวม 11 สนาม
ประเภทนักแข่ง
อันดับ ผู้ขับ ทีม คะแนนรวม
1. มิคาเอล ชูมาเคร์ แฟร์รารี 69
2. คีมี ไรค์โคเนน แมคลาเรน 2
3. ฮูอัน ปาบโล มนโตยา วิลเลียมส์ 55
4. ราล์ฟ ชูมาเคร์ วิลเลียมส์ 53
5. รูเบนส์ บาร์ริเชลโล แฟร์รารี 49
ประเภททีมผู้ผลิต
อันดับ ทีม คะแนน
1. แฟร์รารี 118
2. วิลเลียมส์ 108
3. แมคลาเรน 95
4. เรอโนลต์ 55
5. บาร์ 14
เรื่องโดย : ไททาเนียม
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน กันยายน ปี 2546
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/669