ทดสอบ
ประลองยุทธ 3 ขุมพลัง !!
จับมาทดสอบกันจะๆ !!
ฟอร์ด ฟิเอสตา-เปอโฌต์ 208-โตโยตา ยารีส
เครื่องยนต์ไฮบริด มลพิษต่ำสำหรับการใช้งานในตัวเมือง หากมีตัวเลือกระหว่างเครื่องยนต์ดีเซล และเบนซิน แบบไหนคือคำตอบของคุณ ? เครื่องยนต์ไฮบริดกลับเป็นคำตอบที่ถูกเอ่ยขึ้นมา ด้วยเหตุนี้เองเราจึงนำรถขนาดเล็ก 3 รุ่น มาทดสอบเปรียบเทียบกันตรงๆ กับ 3 รูปแบบขุมกำลังที่แตกต่างกัน
ฟอร์ด ฟิเอสตา 1.0 อีโคบูสต์ ไททาเนียม
ราคา 16,000 ยูโร (ประมาณ 720,000 บาท ไม่รวมภาษี)
ภาษี (ในประเทศอิตาลี) 191 ยูโร (ประมาณ 8,595 บาท)
เครื่องยนต์ เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 999 ซีซี
กำลังสูงสุด 100 แรงม้า
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากผู้ผลิต 22.2 กม./ลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากการทดสอบ 15.9 กม./ลิตร
เปอโฌต์ 208 1.6 อี-ดีเอชไอ อัลลือร์
ราคา 18,650 ยูโร (ประมาณ 839,250 บาท ไม่รวมภาษี)
ภาษี (ในประเทศอิตาลี) 175 ยูโร (ประมาณ 7,875 บาท)
เครื่องยนต์ ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 1,560 ซีซี
กำลังสูงสุด 92 แรงม้า
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากผู้ผลิต 27.8 กม./ลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากการทดสอบ 18.1 กม./ลิตร
โตโยตา ยารีส 1.5 ไฮบริด แอคทีฟ
ราคา 18,500 ยูโร (ประมาณ 832,500 บาท ไม่รวมภาษี)
ภาษี (ในประเทศอิตาลี) 142 ยูโร (ประมาณ 6,390 บาท)
เครื่องยนต์ เบนซิน ไฮบริด ขนาด 1,497 ซีซี
กำลังสูงสุด 100 แรงม้า
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากผู้ผลิต 30.3 กม./ลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยจากการทดสอบ 18.6 กม./ลิตร
ยารีส ไฮบริด ทำตลาดมาเป็นรุ่นที่ 2 แล้ว อัดแน่นด้วยคุณสมบัติด้านเทคโนโลยีที่รถยนต์ในยุคปัจจุบันพึงมี แถมยังมีราคาที่เหมาะสม สามารถสร้างยอดจำหน่ายคิดเป็น 4 ใน 10 จากยอดจำหน่ายทั้งหมดของรถรุ่นนี้ เรานำแฮทช์แบคคันจิ๋วจากแดนอาทิตย์อุทัยมาเปรียบเทียบกับรถในระดับเดียวกัน 2 รุ่นที่มีเครื่องยนต์ 2 แบบ นั่นคือ ฟอร์ด ฟิเอสตา ตัวแทนของเครื่องยนต์เบนซิน และ เปอโฌต์ 208 ตัวแทนของเครื่องยนต์ดีเซล ดูเผินๆ อาจเป็นเครื่องยนต์รูปแบบเดิมๆ แต่เอาเข้าจริงรถทั้ง 2 รุ่นกลับมีความล้ำหน้าเกินคาด ทาง ฟิเอสตา มาพร้อมกับเครื่องยนต์ของ ฟอร์ด อีโคบูสต์ คว้ารางวัลระดับเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมของปีล่าสุดมาแล้ว ด้วยการทำงานที่ เรียบเนียน ต่างจากเครื่องยนต์แบบ 3 สูบ เดิมที่มีเสียงดัง และแรงสั่นสะเทือนค่อนข้างมาก ทำให้รถรุ่นนี้ขับสนุก และมั่นคง ไม่แพ้รถยนต์ขนาดใหญ่กว่า ขณะที่ เปอโฌต์ 1.6 อี-เอชดีไอ มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ขนาดพอเหมาะ เสริมระบบ START/STOP ยุคหน้าที่ดับเครื่องยนต์ตั้งแต่ช่วงความเร็วต่ำ ดังนี้แล้วทั้ง 3 รุ่นต่างก็มีทีเด็ดคนละแบบ มีการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีเยี่ยมทุกรุ่น แต่ทว่ามีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกัน
ตัวถังสั้นกว่า 4 ม.
ในแง่ของมิติตัวถัง ทั้ง ฟิเอสตา 208 และ ยารีส มีความใกล้เคียงกันมาก ในช่วงแรกที่เปิดตัวใหม่ๆ แฮทช์แบคของ โตโยตา สั้นกว่ารุ่นก่อนหน้า กับความยาวที่น้อยกว่า 4 ม. ตามสมัยนิยมของรถระดับนี้ และยังใกล้เคียงกับคู่เปรียบเทียบทั้ง 2 รุ่น รูปทรงด้านหน้าคล้ายกับ อาอีโก ด้วยกระจังหน้ารูปทรงตัว X เส้นสายต่างๆ ถูกออกแบบมาใหม่ และการใช้วัสดุตกแต่งภายในคุณภาพสูงโดยเฉพาะบริเวณแผงคอนโซลหน้า ส่วน ฟิเอสตา เปิดตัวมาแล้วร่วม 6 ปี นับเป็นรถที่มีอายุการทำตลาดมากที่สุดในกลุ่มการทดสอบครั้งนี้ อุปกรณ์ใช้สอยบางรายการจึงตกยุคไปบ้าง (เช่น จอแสดงผลไม่ใช่ระบบสัมผัส แถมยังมีขนาดเล็กเกินไปอีกต่างหาก) แม้จะปรับโฉมไปแล้วรอบหนึ่งก็ตาม กับกระจังหน้าคล้ายกับรถยี่ห้อ แอสตัน มาร์ทิน แต่กลับถูกใจลูกค้า ช่วยสร้างยอดจำหน่ายในระดับหัวแถวเสมอมา สุดท้าย คือ 208 เปิดตัวเมื่อ 2 ปีก่อน มาพร้อมรูปแบบใหม่ของการออกแบบห้องโดยสาร ด้วยพวงมาลัยที่มีขนาดเล็กลง วางตำแหน่งต่ำลงมาจากแผงมาตรวัด (รูปแบบเดียวกับรุ่นพี่ร่วมค่ายอย่าง 308 ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2008) และยังมีจุดเด่นที่คุณภาพโดยรวมของตัวรถที่ดี และสมรรถนะที่น่าพอใจ นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว รถแต่ละรุ่นยังมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในแง่ของการใช้งาน (ในที่นี้คือความจุของส่วนสัมภาระท้าย) แม้ว่าเหตุผลของการเลือกซื้อรถยนต์หนึ่งคันอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนกระเป๋าเดินทางที่คุณสามารถบรรทุกได้เสมอไป หากสมมุติว่ารถทั้ง 3 รุ่นเป็นเครื่องยนต์เบนซินล้วนๆ การทดสอบครั้งนี้คงไร้สีสันไปถนัด ข้อแตกต่างของรถแต่ละรุ่นจะมีเพียง ระบบความบันเทิง หรืออุปกรณ์ใช้สอยที่ติดตั้งมาจากโรงงานเท่านั้น จึงเชื่อได้เลยว่าการทดสอบครั้งนี้จะลงลึกถึงความแตกต่างของขุมกำลัง และคุณลักษณะการขับขี่ที่แตกต่างกันไปในรถแต่ละรุ่น
สมดุลแห่งขุมกำลัง
หากพิจารณาโดยรวมแล้ว ฟิเอสตา 1.0 อีโคบูสต์ เป็นรถที่รังสรรค์มาเป็นอย่างดี ลบล้างข้อครหาเรื่องการหันมาใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็ก พูดง่ายๆ คือ รถคันนี้มีสมรรถนะที่ฉับไว เครื่องยนต์ทำงานได้เงียบสนิทที่รอบต่ำ แต่มีอัตราเร่งที่ดีจากแรงบิดสูงสุด 17.3 กก.-ม. ตั้งแต่รอบต่ำที่ 1,400 รตน. ผนวกกับจุดเด่นของเทอร์โบลูกเล็ก ตอบสนองไว (ให้สมรรถนะที่ดีกว่ารถยนต์ขนาดกลางบางรุ่นที่วางเครื่องยนต์แบบไร้ระบบอัดอากาศด้วยซ้ำ) การไต่ความเร็วทำได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้การลดจังหวะเกียร์เข้าช่วย เกียร์ 2 มีช่วงการทำงานที่กว้าง ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาไม่นาน ในช่วงความเร็วสูง คุณสามารถเปลี่ยนจังหวะมาที่เกียร์ 4 หรือ 5 เพื่อการขับขี่ที่ไหลลื่นบนท้องถนน รถรุ่นนี้มีเกียร์ทั้งหมด 5 จังหวะ ดูแล้วน้อยไปหน่อยสำหรับการขับทางไกลที่ความเร็วคงที่ ที่ความเร็ว 130 กม./ชม. เครื่องยนต์ทำงานที่ 3,000 รตน. เสียงรบกวนในห้องโดยสารอยู่ในระดับต่ำ สามารถโดยสารได้อย่างสะดวกสบาย เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเรียบเนียนจนแทบจะลืมไปเลยว่า นี่คือเครื่องยนต์แบบ 3 สูบ เว้นเสียแต่คุณจะใช้การสังเกตอย่างยิ่งยวด และขับเคลื่อนด้วยเกียร์ที่มีจังหวะสูงกว่าความเหมาะสม เราทดสอบด้วยการเคลื่อนรถที่เกียร์ 4 แต่ใช้ความเร็วเพียง 40 กม./ชม. เครื่องยนต์ทำงานที่ 1,000 รตน. การขับขี่ลักษณะดังกล่าวจะทำให้เครื่องยนต์มีการสั่นสะเทือนอย่างชัดเจน จนกว่าจะไต่ความเร็วไปถึงช่วงกลาง รถรุ่นนี้มีขนาดกะทัดรัด แต่ให้ความมั่นคงเป็นอย่างดี การตอบสนองของพวงมาลัยฉับไว และเที่ยงตรง ควบคุมได้ดังใจในขณะที่เข้าโค้งเมื่อเปรียบเทียบกับคู่ปรับทั้ง 2 รุ่น โดยรวมแล้ว แฮทช์แบคสัญชาติอเมริกันคันนี้มีการปรับแต่งที่สมดุลกันระหว่างความนุ่มนวล สะดวกสบาย และความหนึบแน่น ฉับไว แถมยังมีการประหยัดเชื้อเพลิงที่น่าพอใจด้วย ล้อแมกที่ให้มามีขนาด 15 นิ้ว (เป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ที่ติดตั้งมาจากโรงงานในรุ่นย่อย ไททาเนียม ที่ให้มาแบบ จัดเต็ม อย่างไรก็ตาม รถยนต์หลายรุ่นของคู่แข่งระดับเดียวกันต่างก็ให้ล้อแมกขนาด 16-17 นิ้ว เป็นเรื่องปกติแล้วในปัจจุบัน) ดังนี้ ฟิเอสตา มีความหนึบแน่นในโค้ง การตอบสนองที่ดี กับอาการโคลงเพียงเล็กน้อย ทั้งหมดนี้ล้วนมากจากช่วงล่างที่มีประสิทธิภาพดีเยียม ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ลงตัวของเซกเมนต์นี้เลยก็ว่าได้ ในหัวข้ออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ บลอคนี้มีความประหยัดเทียบเคียงกับเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบเลยทีเดียว ตัวเลขเฉลี่ยจากการทดสอบออกมาที่ 16 กม./ลิตร หากเป็นการขับบนทางหลวงที่ความเร็วคงที่ ตัวเลขการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอาจทำได้ถึง 20 กม./ลิตร เมื่อพิจารณาความแตกต่างในเรื่องราคาค่าตัวของรุ่นย่อยที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล และเบนซิน ตลอดจนอายุการใช้งานที่ดูจากจากมาตรวัดระยะทางรวม ก็พบว่า ฟิเอสตา รุ่น ทีดีซีไอ กำลัง 95 แรงม้า มีราคาสูงกว่ารุ่น อีโคบูสต์ ถึง 1,500 ยูโร (ประมาณ 67,500 บาท) คำนวณคร่าวๆ แล้ว หากคุณจะชดเชยเงินที่จ่ายให้รถรุ่นนี้ด้วยอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงระหว่างใช้งานล่ะก็ ต้องขับเป็นระยะทางร่วม 75,000 กม. เลยทีเดียว นับว่าหนักหนาเอาเรื่อง ดังนี้แล้วเราจะหาความคุ้มค่าจากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ได้อย่างไรกัน ? ในกรณีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้งานรถรุ่นดังกล่าวมากน้อยแค่ไหน หากคุณใช้งานระหว่าง 12,000-13,000 กม./ปี ถือว่ายังพอทำเนา ทั้งนี้ทั้งนั้นเรายังไม่ได้พิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบ แล้วสมมติว่าทางเลือกที่คุณต้องการอยู่ระหว่างรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ พร้อมออพชันแบบจัดเต็ม กับรุ่นเครื่องยนต์เบนซินที่ให้ออพชันมาแบบ พอเพียง ภายใต้ราคาที่ใกล้เคียงกัน คุณจะเลือกคันไหน ? ในกรณีนี้ 208 อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจก็ได้
ได้เวลา ดีเซล เทอร์โบ ออกโรง
ว่ากันตามจริงแล้ว เครื่องยนต์ของ เปอโฌต์ 1.2 เพียวเทค มีประสิทธิภาพที่ดีพอตัว แม้จะยังห่างชั้นกับเครื่องยนต์ อีโคบูสต์ ของทาง ฟอร์ด อันที่จริงยังมีทางเลือกของเครื่องยนต์บลอคนี้ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 110 และ 130 แรงม้า แต่วางอยู่ในรุ่นพี่อย่าง 308 เท่านั้น รุ่นที่เรานำมาทดสอบก่อนหน้านี้เป็นเครื่องยนต์แบบ อี-เอชดีไอ กำลังสูงสุด 115 แรงม้า ซึ่งมีผลทดสอบที่ดีพอสมควรเลยทีเดียว แต่ในการทดสอบครั้งนี้มีความแตกต่างกันออกไป ด้วยขุมกำลังที่มีพละกำลังน้อยกว่า ส่งกำลังด้วยเกียร์ 5 จังหวะ แทนที่จะเป็น 6 จังหวะจากในการทดสอบครั้งก่อนหน้า ถึงอย่างนั้น 208 ยังเป็นรถที่น่าพอใจ อัตราเร่งที่ดี (ใกล้เคียงกับ ฟิเอสตา รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน) เร่งแซงได้ทันใจอันเป็นผลดีจากแรงบิด 23.5 กก.-ม. ทำงานตั้งแต่รอบต่ำ เครื่องยนต์ 1.6 อี-ดีเอชไอ เป็นแบบหล่อขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียว และมีช่วงการทำงานที่ยืดหยุ่น แม้ว่าจะยังไม่อาจเทียบได้กับเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ทั้งในแง่ของอัตราเร่ง และการไต่ความเร็วสูง จุดแข็งของเครื่องยนต์ดีเซล ดังกล่าวอยู่ที่ระบบ START/STOP เครื่องยนต์จะดับลงที่ความเร็วต่ำ ก่อนจะหยุดสนิทเล็กน้อย (ประมาณ 20 กม./ชม.) โดยที่ผู้ขับแทบไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ และจะสตาร์ทเครื่องยนต์อย่างนุ่มนวลเมื่อคุณออกแรงกดไปที่แป้นคลัทช์ (รุ่นเกียร์ธรรมดา) การออกตัวทำได้อย่างเรียบเนียน ไม่มีแรงสั่นสะเทือนให้สัมผัส และเงียบตลอดเวลา เครื่องยนต์จะส่งเสียงค่อนข้างดังในกรณีที่กดคันเร่งสุดเท่านั้น ซึ่งเป็นลักษณะที่ไม่ค่อยพบเจอเท่าใดนักของรถคันนี้หากใช้งานตามปกติในชีวิตประจำวัน ข้อดีของเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ คือ คุณสามารถขับขี่ได้อย่างสะดวกสบาย คล่องตัว โดยไม่ต้องออกแรงกดคันเร่งมากมายเลย แม้กระทั่งขณะขับต่อท้ายรถคันหน้าเพื่อเตรียมเร่งแซงก็ตาม ต่างจากแฮทช์แบคของ โตโยตา ที่ต้องใช้การ กดสุดและถอนคันเร่ง หลายครั้งหลายครา
จุดด้อยเรื่องอัตราเร่ง
เกียร์อัตโนมัติแปรผันอาจเคยถูกครหาเรื่องการทำงานที่น่าหงุดหงิด ไม่ทันอกทันใจ แต่สิ่งต่างๆ ที่ว่ามาก็เป็นอดีตไปแล้ว แม้แต่เกียร์อัตโนมัติแปรผันยุคปัจจุบันอย่าง อี-ซีวีที ยังคงถูกตั้งข้อสงสัยในเรื่องประสิทธิภาพการทำงาน นี่คือระบบส่งกำลังที่แตกต่างจากความคุ้นชินดั้งเดิม ประกอบไปด้วยหน่วยส่งกำลัง แปรผันแรง และมอเตอร์ไฟฟ้า คุณไม่อาจกะเกณฑ์จังหวะการทำงานของระบบเกียร์ดังกล่าว หรือแม้แต่ความเร็วที่เหมาะสมของแต่ละช่วงจังหวะเกียร์ เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร จะเพิ่ม/ลดความเร็ว หรือดับเครื่องยนต์ลงก็ขึ้นอยู่กับการประมวลผลของระบบการทำงานล้วนๆ มีข้อดี คือ ความลื่นไหลต่อเนื่องในการขับขี่ตามปกติ หรือท่ามกลางการจราจรที่หนาแน่น การออกตัวด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (อาศัยแรงบิดที่มาเต็มตั้งแต่รถเริ่มออกตัว) และเพิ่มความเร็วได้อย่างเรียบเนียนตลอดเวลาที่คุณกดคันเร่ง แต่ทว่าหากเป็นสภาวะการขับขี่แบบเน้นอัตราเร่ง จุดเด่นดังที่กล่าวมาก็พลันหายไป ยกตัวอย่างเช่น การขับขี่บนถนนหลวง ขณะที่เรากดคันเร่งเพื่อต้องการจะเร่งแซงรถคันหน้า ระบบไฮบริดที่เดินเครื่องอย่างเงียบเชียบก็ส่งเสียงหวีดแหลมขึ้นมา ฟังดูคล้ายกับรถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กกำลังเร่งเครื่อง แน่นอนว่าในแง่ของอัตราเร่ง อาจไม่ใช่จุดเด่นของเครื่องยนต์ระบบไฮบริด การขับขี่ท่ามกลางสภาพการจราจรที่ไหลลื่นดูจะเหมาะสมกว่า ด้วยความหลากหลายของการใช้ความเร็วสลับกันไปมา เปิดโอกาสให้ระบบชาร์จกระแสไฟด้วย โดยมาตรวัดความเร็วที่เคยติดตั้งอยู่ทางด้านซ้ายมือถูกแทนที่ด้วยแถบบอกระดับการจ่ายกำลัง หากแถบบอกระดับอยู่ในส่วน เพาเวอร์ มากเกินไป แสดงว่าการขับขี่กำลังนำไปสู่การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ทางที่ดีควรพยายามเพิ่มระดับคันเร่งอย่างค่อยเป็นค่อยไป ให้แถบระดับอยู่ในส่วน อีโค จะเหมาะสมกว่า ส่วนโหมด B ของคันเกียร์จะเสริมเรื่องความประหยัดเชื้อเพลิงอีกแรง (โหมดนี้จะสั่งงานในระบบไฮบริดชาร์จกระแสไฟฟ้าได้สูงสุด ขณะขับขี่ลงเนิน รวมทั้งขณะทำการเบรค โดยอาศัยแรงหน่วงเป็นเสมือนเครื่องปั่นไฟ) ในที่นี้แถบระดับลงมาอยู่ในส่วนชาร์จ จากข้อมูลทางเทคนิคดังกล่าวนำไปสู่ผลลัพธ์ คือ การขับขี่ที่สะดวกสบาย และนุ่มนวล ของ ยารีส ไฮบริด สมรรถนะโดยรวมอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่ไม่ใช่จุดเด่นของรถคันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากลักษณะการทำงานของระบบส่งกำลัง อีกทั้งพวงมาลัยที่ขาดความแม่นยำ ทำให้คุณรู้สึกราวกับว่าไม่สามารถควบคุมรถได้ดังใจนึก ยิ่งเมื่อเทียบกับรถอีก 2 รุ่นในการทดสอบ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เมื่อเราพบว่า ยารีส ไฮบริด ทำเวลาต่อรอบของสนามทดสอบช้ากว่า ฟิเอสตา ร่วม 6 วินาทีเลยทีเดียว หันมาดูที่จุดเด่นกันบ้าง เราพบว่าในการทดสอบครั้งนี้ ยารีส คือ เจ้าแห่งการประหยัดเชื้อเพลิง หากเครื่องยนต์ อีโคบูสต์ 1.0 มีความประหยัดใกล้เคียงกับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบล่ะก็ เครื่องยนต์ไฮบริดกลับเอาชนะไปอย่างขาดลอย ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยถึง 18.6 กม./ลิตร และ 24.5 ม./ลิตร สำหรับการขับขี่ในตัวเมือง ส่วนข้อสรุปเรื่องความคุ้มค่าด้านราคา ยารีส ไฮบริด มีค่าตัวใกล้เคียงกับคู่เปรียบเทียบในการทดสอบครั้งนี้ทั้ง 2 รุ่น แต่รุ่นย่อยเครื่องยนต์เบนซินธรรมดาของ ยารีส (ขนาด 1.3 ลิตร กำลัง 99 แรงม้า) จะมีราคาย่อมเยากว่ารุ่นไฮบริด 2,000 ยูโร (ประมาณ 90,000 บาท)
ฟอร์ด ฟิเอสตา 1.0 อีโคบูสต์
เบาะนั่งผู้ขับทรงสปอร์ทติดตั้งในระดับต่ำ พร้อมพวงมาลัยทรงสูง คันเกียร์เหมาะมือ ที่พักเท้าข้างซ้ายอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เบาะสามารถปรับตำแหน่งได้หลากหลาย พนักพิงหลังปรับระดับด้วยแป้นหมุนด้านข้าง
เปอโฌต์ 208 1.6 อี-เอชดีไอ
พวงมาลัยขนาดเล็กกว่าคู่แข่งระดับเดียวกัน แผงมาตรวัดติดตั้งสูงขึ้นมา ทำให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนมากเกินไป แต่เบาะนั่งกลับไม่สะดวกสบายเท่าใดนัก
โตโยตา ยารีส 1.5 ไฮบริด
บรรดาอุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ ของรุ่นไฮบริด ไม่แตกต่างจากรุ่นย่อยอื่นๆ ของ ยารีส แต่อย่างใด มีเพียงมาตรวัดความเร็วที่ถูกแทนที่ด้วยแถบบอกระดับการทำงานของระบบไฮบริด ระดับไฟฟ้าของแบทเตอรีจะแสดงผลที่หน้าจอบริเวณคอนโซลกลาง
ราคาขายต่อของแต่รุ่น
รายการราคา ไม่รวมอุปกรณ์เลือกติดตั้ง
ข้อมูลในแผ่นภาพอ้างอิงจากการใช้งานที่ระยะ 87,000 กม. อายุการใช้งาน 5 ปี สำหรับ เปอโฌต์ 208 อี-เอชดีไอ และระยะ 65,000 กม. สำหรับ ฟอร์ด ฟิเอสตา อีโคบูสต์ และ โตโยตา ยารีส ไฮบริด
ค่าซ่อมบำรุง และอะไหล่ สกุลเงินยูโร
ฟิเอสตา 208 ยารีส
การบำรุงรักษาครั้งแรก (กม./ปี) 20,000/1 25,000/1 15,000/1
ชุดไฟหน้า 280 261 427
กระจังหน้า 138 107 117
แผงรองใต้กันชน 401 350 222
ผ้าเบรคคู่หน้า 118 81 91
จานเบรคคู่หน้า 134 160 197
ราคาชิ้นส่วนอะไหล่หลัก สกุลเงินยูโร สกุลเงินยูโร
ฟิเอสตา 208 ยารีส
ราคาของรถที่นำมาทดสอบ 20,000 20,470 20,250
ระบบกุญแจอัจฉริยะ และส่วนประกอบ 500 -
ถุงลมนิรภัย ด้านหน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย มี มี มี
ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า มี - มี
กระจกข้างคู่หลังปรับขึ้น/ลงด้วยไฟฟ้า มี มี 750
ระบบเครื่องเสียงพร้อมช่องต่อ AUX/USB 750 มี มี
ล้อแมกขนาด 15 นิ้ว มี - 500
ล้อแมกขนาด 16 นิ้ว 250 มี -
ระบบแอร์ปรับด้วยมือ มี - -
ระบบแอร์อัตโนมัติ 750 มี มี
ระบบควบคุมเสถียรภาพตัวรถ มี มี มี
หน้าจอระบบสัมผัส - มี มี
ชุดไฟตัดหมอก มี มี มี
ระบบเนวิเกเตอร์ 1,000 580 700
ชุดตกแต่งเพิ่มความสะดวกสบาย - 250 -
ระบบจำกัดความเร็ว - มี 750
กระจกมองข้างปรับด้วยไฟฟ้า มี มี มี
ยางอะไหล่ 150 120 -
กระจกมองหลังแบบอีเลคทรอนิค 250 320 มี
ระบบ START/STOP 250 มี มี
กล้องมองหลัง 500 - มี
สีตัวถังแบบเมทัลลิค 600 550 550
สีตัวถังแบบไข่มุก 600 730 750
หมายเหตุ : อุปกรณ์ที่ติดตั้งมากับรถทดสอบ
1. กุญแจอัจฉริยะ พร้อมระบบพับเก็บกระจกมองข้างอัตโนมัติ
2. ระบบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ
3. ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบแอลอีดี
4. ที่พักแขนด้านหน้า ปรับกระจกขึ้น/ลงอัตโนมัติ และปรับทิศทางกระจกมองข้างด้วยไฟฟ้า
ยารีส คือ เจ้าแห่งความประหยัดโดยแท้จริง สำหรับการใช้งานในตัวเมือง ด้วยประสิทธิภาพของระบบไฮบริด สามารถทำตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 24.5 กม./ลิตร ดีกว่า ฟิเอสตา ถึง 10 กม./ลิตร
มืออย่าต้อง แต่ลองสัมผัสด้วยเสียง
ใครไม่รู้อาจโดนหาว่าเชยก็เป็นได้ กับระบบ SYNC ทิ่ติดตั้งใน ฟิเอสตา ประกอบไปด้วยการเชื่อมต่อบลูทูธ และระบบสั่งงานด้วยเสียงซึ่งเป็นที่ฮือฮาพอสมควร มีการแชร์ใน ยูทูบ (YOUTUBE) อย่างแพร่หลาย แม้แต่ระบบอ่านข้อความเอสเอมเอสที่เรียบง่าย แต่ทำงานอย่างได้ผล ข้อความเอสเอมเอสที่ส่งมาจะถูกแปลงเป็นเสียงโดยที่ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนน แม้บางครั้งจะมีความผิดพลาด คือ ข้อความจะถูกส่งไปยังแอพพลิเคชัน WHATSAP ซะงั้น นอกจากนี้แล้วระบบความบันเทิงของ ฟอร์ด (หากรวมระบบเนวิเกเตอร์ด้วย ราคา 1,000 ยูโร หรือประมาณ 45,000 บาท) กลับดูไม่น่าสนใจเท่ารถที่นำมาทดสอบรุ่นอื่นๆ ปุ่มควบคุมการทำงานที่คล้ายคันโยกกลับมีขนาดเล็ก แถมอยู่ในตำแหน่งที่ห่างมือผู้ขับ และการไร้หน้าจอระบบสัมผัสที่รถทั่วไปในปัจจุบันที่ติดตั้งมาให้แล้ว ทางด้านระบบความบันเทิงของ 208 (มูลค่า 500 ยูโร หรือประมาณ 22,500 บาท เป็นอุปกรณ์เลือกติดตั้ง) รวมถึงเครื่องเล่นซีดี (หากไม่รวมแล้ว จะมีมูลค่าที่ 490 ยูโร หรือประมาณ 22,050 บาท) ระบบดังกล่าวจะแตกต่างจากรถร่วมค่ายอย่าง 308 และ 108 นั่นคือ ไม่เชื่อมต่อกับระบบควบคุมเครื่องปรับอากาศ และไม่มีระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เนท สำหรับ ยารีส ไฮบริด เริ่มจากรุ่นพื้นฐาน แอคทีฟ กับระบบความบันเทิง ชื่อ โตโยตา ทัช 2 ติดตั้งมาให้จากโรงงาน ทั้งจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว (แทนที่ 6 นิ้ว) สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชันเพิ่มเติมได้ พร้อมบอกข้อมูลราคาน้ำมันเชื้อเพลิงของปั๊มที่อยู่ใกล้ๆ รวมไปถึงข้อมูลสภาพอากาศ และจุดจอดรถฟรีที่อยู่ใกล้ที่สุด
ฟิเอสตา : แผงคอนโซลหน้าเต็มไปด้วยปุ่มควบคุมต่างๆ และตรงกลางติดตั้งระบบควบคุมแบบมัลทิฟังค์ชัน การเลือกใช้งานรายการต่างๆ ต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยพอสมควรในช่วงแรก ระบบสั่งงานด้วยเสียงช่วยเรื่องความสะดวกสบายไม่น้อย
208 : ติดตั้งระบบความบันเทิงที่เรียบง่ายมาก มีเพียงปุ่มเปิดการทำงาน และควบคุมระดับความดังเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ยังมีอีก 2 ปุ่มสำหรับเลือกรายการสั่งงาน ติดตั้งแยกกันจากหน้าจอแบบสัมผัส สามารถอัพโหลดรูปเข้าไปได้
ยารีส : มาพร้อมระบบความบันเทิง โตโยตา ทัช 2 สามารถเชื่อมเพลงในมือถือด้วยบลูทูธ แสดงผลรายละเอียดของอัลบัมเพลงที่บันทึกไว้ใน ไอพอด ความละเอียดของหน้าจอมากกว่าคู่แข่งถึง 2 เท่า (ที่ 800x480 พิกเซล)
อุปกรณ์ติดตั้งจากโรงงาน ฟิเอสตา 208 ยารีส
ขนาดจอแสดงผล 5 นิ้ว 7 นิ้ว 7 นิ้ว
จอระบบสัมผัส ไม่มี มี มี
ความคมชัด และ ตำแหน่งของหน้าจอ 3ดาว 5ดาว 4ดาว
ความละเอียดของหน้าจอ 3ดาว 4ดาว 4ดาว
ระบบควบคุมการทำงาน 4ดาว 4ดาว 4ดาว
การเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ
บลูทูธ มี มี มี
ระบบต่อสายใหม่อัตโนมัติ มี มี มี
ปุ่มปรับความดังของเสียงสนทนา 4ดาว - -
ระบบมัลทิฟังค์ชันบนพวงมาลัย มี มี มี
คุณภาพของระบบเสียง และไมโครโฟน 3ดาว 3ดาว 4ดาว
ระบบเนวิเกเตอร์
การระบุสถานที่ 5ดาว 5ดาว 4ดาว
การแสดงผลด้วยเสียง - - -
การนำทาง 4ดาว 4ดาว 4ดาว
ปุ่มปรับความดังของเสียง 4ดาว 4ดาว 4ดาว
ข้อมูลแผนที่เพิ่มเติม ฮาร์ดดิสค์ ฮาร์ดดิสค์ ฮาร์ดดิสค์
การทวนเส้นทางที่จะไป - หน้าจอ -
ความเที่ยงตรง และชัดเจน 4ดาว 4ดาว 4ดาว
เครื่องเล่นวิทยุ และระบบเสียง
ระบบหาคลื่นวิทยุด้วยมือ 5ดาว 5ดาว 5ดาว
ระบบหน่วยความจำคลื่นวิทยุ 5ดาว 4ดาว 5ดาว
ปุ่มมัลทิฟังก์ชันบนพวงมาลัย มี มี มี
เครื่องเล่นดีวีดี มี มี ไม่มี
คุณภาพของเสียง 4ดาว 4ดาว 3ดาว
ระบบเชื่อมต่อเพลงจากโทรศัพท์มือถือ มี มี มี
การเชื่อมต่อ
ระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เนท - - มี
แอพพลิเคชันเพิ่มเติม - - มี
ระบบความปลอดภัย 3ดาว 4ดาว 3ดาว
หมายเหตุเพิ่มเติม
เครื่องเล่นซีดีจากเดิมที่ถูกติดตั้งมาพร้อมกับรุ่นย่อย คูล ถูกถอดออกไปจากระบบความบันเทิง โตโยตา ทัช 2 หากต้องการจะฟังเพลงที่ถูกบันทึกเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือ ต้องใช้ บลูทูธ หรือสาย AUX และ USB
แต่จุดหมายเดียวกัน
รถทั้ง 2 คันที่เรานำมาทดสอบต่างก็มีจุดเด่นในทางเดียวกัน นั่นคือการประหยัดเชื้อเพลิง และลดปริมาณไอเสีย ฟอร์ด นำเสนอด้วยรูปแบบที่ทันสมัย ทั้งการลดขนาดเครื่องยนต์ และจำนวนกระบอกสูบ โดยคงไว้ซึ่งพละกำลัง และแรงบิด ด้วยการทำงานของเทอร์โบ ผลัพธ์ คือ เครื่องยนต์ขนาด 1.0 ลิตร 3 สูบ มีพละกำลังที่ 100 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 17.3 กก.-ม. คิดเป็นอัตราส่วนของพละกำลังและความจุเครื่องยนต์ที่ 100 แรงม้า/1 ลิตร พอดี นับเป็นอัตราส่วนที่ทำได้ดีกว่าเครื่องยนต์ยุคก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ทางวิศวกรของ ฟอร์ด รีดเอาสมรรถนะออกมาด้วยระบบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง และการยกเลิกการถ่วงดุลเพลาข้อเหวี่ยง ซึ่งแต่เดิมเพิ่มทั้งแรงเสียดทาน และต้นทุนการผลิตด้วย จุดเด่นอีกประการของเครื่องยนต์บลอคนี้ คือ ระบบสายพานเครื่องยนต์ที่วนผ่านอ่างน้ำมันเครื่อง ทางด้าน เปอโฌต์ ใช้รูปแบบดั้งเดิม ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 1,560 ซีซี 92 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 23.5 กก.-ม. ใช้วัสดุโลหะน้ำหนักเบา ระบบแคมชาฟท์เดี่ยว 2 วาล์ว/สูบ ในรุ่นล่าสุดติดตั้งระบบ AUTO START/STOP ที่ปรับปรุงระบบจ่ายไฟใหม่ เพื่อการออกตัวที่ฉับไว และไร้เสียงรบกวน แม้จะมีขนาดเครื่องยนต์ที่มากกว่าใครเพื่อน แต่ก็จิบเชื้อเพลิงเพียงน้อยนิด ภายใต้การขับขี่ตามปกติ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยทำได้ถึง 27.8 กม./ลิตร หากเป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติจะอยู่ที่ 29.4 กม./ลิตร เลยทีเดียว สุดท้าย คือ โตโยตา ใช้ความล้ำหน้าของเทคโนโลยี และมีความได้เปรียบบรรดาคู่แข่งในการทดสอบครั้งนี้ นำระบบไฮบริดมาใช้กับแฮทช์แบคอย่าง ยารีส ทั้งยังลดขนาดของเครื่องยนต์แบบ ATKINSON 4 สูบ จาก ปรีอุส รุ่นแรก ที่มีขนาด 1,500 ซีซี (ต่างจาก ปรีอุส รุ่นปัจจุบัน และ เอารีส ที่มีขนาด 1,800 ซีซี) กำลังสูงสุด 74 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 11.2 กก.-ม. ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังสูงสุด 60 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 17.2 กก.-ม. ทำหน้าที่สร้างกำลังเพื่อการขับเคลื่อน และปั่นกระแสไฟฟ้าไปยังแบทเตอรีแบบ นิคเคิล-เมทัลไฮดไรด์ คิดเป็นพละกำลังทั้งระบบที่ 100 แรงม้า ระบบไฟฟ้าที่นอกจากป้อนกระแสไฟเพื่อการจุดระเบิดแล้ว ยังทำหน้าที่ชาร์จกระแสไฟขณะแล่นอีกด้วย โดย ROBERTO BONI
ฟอร์ด
สายพานชุ่มน้ำมันหล่อลื่น
เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 999 ซีซี 3 สูบ ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง อีโคบูสต์ DOHC เป็นเครื่องยนต์บลอคแรกที่มีระบบวาล์วแปรผันแบบคู่ ทำงานด้วยระบบสายพานโซ่ (ไม่ต้องบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งาน) ที่เรียงตัวผ่านน้ำมันหล่อลื่น
เปอโฌต์
การสตาร์ทแบบไร้ซุ่มเสียง
ด้วยพละกำลัง 92 แรงม้า จากเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 1,600 ซีซี ที่ใช้กันมาในรถหลายรุ่นของกลุ่มค่ายรถ พีเอสเอ ทำงานร่วมกับหน่วยเก็บกระแสไฟฟ้า ช่วยให้ระบบ START/STOP ทำงานได้ฉับไว และเงียบ ยกเว้นการสตาร์ทเครื่องยนต์ที่อุณหภูมิต่ำจะไม่แตกต่างจากระบบทั่วไป
โตโยตา
3 ขุมพลัง แบบไร้ชุดเกียร์
เครื่องยนต์แบบไฮบริดของ ยารีส ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1,500 ซีซี เชื่อมต่อการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ลูก และส่งกำลังไปที่ล้อ ขณะออกตัวมอเตอร์ลูกหนึ่งจะทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า ขณะที่อีกลูกทำหน้าที่สตาร์ทเครื่องยนต์สันดาป หากขับขี่แบบเน้นอัตราเร่งมอเตอร์จะทำหน้าที่เหมือนเครื่องปั่นไฟ
ข้อมูลทางเทคนิค
ฟิเอสตา
เครื่องยนต์
วางด้านหน้าตามขวาง
3 สูบเรียง
ขนาดกระบอกสูบ 71.9 มม.
ช่วงชัก 82.0 มม.
ขนาด 999 ซีซี
กำลังสูงสุด 100 แรงม้า ที่ 6,000 รตน.
แรงบิดสูงสุด 17.3 กก.-ม. ที่ 1,400-4,000 รตน.
เสื้อสูบใช้วัสดุโลหะ ฝาสูบใช้วัสดุอลูมิเนียม
แกนลูกเบี้ยวคู่ แปรผันได้ 2 ช่วงการทำงาน 16 วาล์ว
ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง เทอร์โบ อินเตอร์คูเลอร์
ระบบส่งกำลัง
ขับเคลื่อนล้อหน้า
เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ
ยาง (ตามสเปคโรงงาน)
ขนาด 195/55 R15 85H
พร้อมชุดปะยาง
ลักษณะตัวถัง
ซีดานทรง 2 กล่อง 5 ประตู 5 ที่นั่ง
ช่วงล่างด้านหน้า แบบ แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ช่วงล่างด้านหลัง มัลทิลิงค์ คอยล์สปริง
ชอคอับแบบไฮดรอลิค
เบรคคู่หน้าแบบ จาน หลัง ดุม พร้อมระบบ เอบีเอส อีเอสพี
พวงมาลัยแปรผันตามความเร็ว ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า
ความจุถังน้ำมัน 42 ลิตร
มิติตัวถัง ละน้ำหนัก
ระยะฐานล้อ 2,490 มม.
ความกว้างฐานล้อคู่หน้า 1,490 มม. หลัง 1,480 มม.
ความยาว 3,970 มม. กว้าง 1,720 มม. สูง 1,500 มม.
น้ำหนัก 1,101 กก. น้ำหนักรวมบรรทุกสูงสุด 1,555 กก. น้ำหนักลากจูง 900 กก.
ความจุสัมภาระ 276-960 ลิตร
ผลิตที่
เมืองโคโลญน์ (ประเทศเยอรมนี)
208
เครื่องยนต์
แบบดีเซล วางด้านหน้าตามวาง
4 สูบเรียง
ขนาดกระบอกสูบ 75.0 มม.
ช่วงชัก 88.3 มม.
ขนาด 1,560 ซีซี
กำลังสูงสุด 92 แรงม้า ที่ 4,000 รตน.
แรงบิดสูงสุด 23.5 กก.-ม. ที่ 1,750 รตน.
เสื้อสูบ และฝาสูบ ใช้วัสดุอลูมิเนียม
เพลาลูกเบี้ยวเดี่ยว 8 วาล์ว
คอมมอนเรล ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง เทอร์โบแปรผัน
ระบบส่งกำลัง
ขับเคลื่อนล้อหน้า
เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ
ยาง (สเปคจากโรงงาน)
ขนาด 195/55 R16 87H
พร้อมชุดปะยาง
ลักษณะตัวถัง
ซีดานทรง 2 กล่อง 5 ประตู 5 ที่นั่ง
ช่วงล่างด้านหน้า แบบ แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ช่วงล่างด้านหลัง มัลทิลิงค์ คอยล์สปริง
ชอคอับแบบไฮดรอลิค
ระบบเบรคด้านหน้าแบบ จาน พร้อมช่องระบายความร้อน หลัง จาน พร้อม เอบีเอส อีบีดี
พวงมาลัย ฟันเฟืองและตัวหนอน ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า
ความจุถังน้ำมัน 50 ลิตร
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
ระยะฐานล้อ 2,540 มม.
ความกว้างฐานล้อคู่หน้า 1,470 มม. หลัง 1,470 มม.
ความยาว 3,960 มม. กว้าง 1,740 มม. สูง 1,460 มม.
น้ำหนักรวม 1,155 กก. น้ำหนักรวมบรรทุกสูงสุด 1,625 กก. น้ำหนักลากจูงสูงสุด 1,150 กก.
ความจุสัมภาระ 285-950 ลิตร
ผลิตที่
เมืองปอยส์ซี (ประเทศฝรั่งเศส)
ยารีส ไฮบริด
เครื่องยนต์
วางด้านหน้าตามขวาง
4 สูบเรียง
ขนาดกระบอกสูบ 75.0 มม.
ช่วงชัก 84.7 มม.
ขนาด 1,497 ซีซี
กำลังสูงสุด 74 แรงม้า ที่ 4,800 รตน.
แรงบิดสูงสุด 11.2 กก.-ม. ที่ 3,600 รตน.
เสื้อสูบ และ ฝาสูบ ใช้วัสดุอลูมิเนียม
เพลาลูกเบี้ยวคู่ ระบบวาล์วแปรผัน 16 วาล์ว (สายพานโซ่)
มอเตอร์ไฟฟ้า
กำลังสูงสุด 60 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 17.2 กก.-ม.
กำลังสูงสุดทั้งระบบ 100 แรงม้า
ระบบส่งกำลัง
ขับเคลื่อนล้อหน้า
เกียร์อัตโนมัติแปรผัน
ยาง (สเปคจากโรงงาน)
ขนาด 175/65 R15 84H
พร้อมชุดปะยาง
ลักษณะตัวถัง
ซีดาน ทรง 2 กล่อง 5 ประตู 5 ที่นั่ง
ช่วงล่างด้านหน้า แบบ แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ช่วงล่างด้านหลัง มัลทิลิงค์ คอยล์สปริง ชอคอับแบบไฮดรอลิค
ระบบเบรคด้านหน้า จาน พร้อมช่องระบายความร้อน หลัง จาน พร้อม เอบีเอส อีเอสพี
พวงมาลัยแปรผันน้ำหนักตามความเร็ว ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 36 ลิตร
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
ระยะฐานล้อ 2,510 มม.
ความกว้างของฐานล้อคู่หน้า 1,490 มม. หลัง 1,470 มม.
ความยาว 3,950 มม. กว้าง 1,700 มม. สูง 1,510 มม.
น้ำหนักรวม 1,160 กก. น้ำหนักรวมบรรทุกสูงสุด 1,565 กก.
ความจุสัมภาระ 286-950 ลิตร
ผลิตที่
เมืองวาลองเซียนน์ส์ (ประเทศฝรั่งเศส)
ความกว้างขวาง และทัศนวิสัย
วัดตัวเลขเป็น มม. วัดมุมเป็นองศา
ยารีส ต้องแบ่งพื้นที่ให้กับชุดแบทเตอรีของระบบ ไฮบริด ทำให้เบาะนั่งแถวหลังไม่สามารถเลื่อนหน้า/หลังได้อีก หากพิจารณาโดยรวมแล้ว คู่แข่งทั้ง 3 คันในการทดสอบครั้งนี้มีความกว้างขวางของห้อง
เรื่องโดย : ANDREA SANSOVINI
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน เมษายน ปี 2558
คอลัมน์ Online : ทดสอบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/34376