พิเศษ
ในวันนี้ที่ต่างจากวันปกติทั่วไป ถ้าจะพูดถึงสมรรถนะของรถคันหนึ่ง เราก็คงจะนึกไปถึงรสชาติการขับขี่แบบดั้งเดิม บัดนี้ในโรงรถของสนาม VAIRANO เรามี แจกวาร์ เอฟ-ไทพ์ คูเป จอดรออยู่เพื่อการทดสอบ นับเป็นเวลาเกือบปีหลังจากที่ได้ทดลองรถรุ่นเปิดประทุนอย่าง สไปเดอร์
ในวันนี้ที่ต่างจากวันปกติทั่วไป ถ้าจะพูดถึงสมรรถนะของรถคันหนึ่ง เราก็คงจะนึกไปถึงรสชาติการขับขี่แบบดั้งเดิม บัดนี้ในโรงรถของสนาม VAIRANO เรามี แจกวาร์ เอฟ-ไทพ์ คูเป จอดรออยู่เพื่อการทดสอบ นับเป็นเวลาเกือบปีหลังจากที่ได้ทดลองรถรุ่นเปิดประทุนอย่าง สไปเดอร์
รถรุ่นนี้มีความหมายกับค่ายรถแห่งนี้มาก ถือเป็นการปรับโฉมอย่างแท้จริง ให้มีความเป็นรถสปอร์ท ทั้งในด้านสไตล์และภาพลักษณ์ เปรียบดั่ง เอกซ์เอฟ ที่เป็นตัวแทนของรถซีดานยุคใหม่ของ แจกวาร์
ภายใต้ประตูหลังที่เปิดยกขึ้น เราก็ได้เห็นเอกลักษณ์ของ เอฟ-ไทพ์ คันนี้ อันดับแรก ท่อไอเสียที่วางไว้ตรงกลาง เป็นแบบติดตั้งคู่ที่ทรงพลัง พร้อมที่จะปลดปล่อยความรื่นรมย์ของการขับขี่ โลโกตัว S บ่งบอกสัญลักษณ์ของเครื่องยนต์ วี 6 ขนาด 3.0 ลิตร อันทรงพลัง มีกำลังสูงสุดมากกว่า 380 แรงม้า ดังนั้นหัวใจของรถรุ่น เอฟ-ไทพ์ รวมประตูหลังขนาดใหญ่อันสวยงาม กระจกมองหลังทรงยาวที่สามารถทำให้มองเห็นทัศนวิสัยด้านหลังได้ดี เปรียบเทียบกันกับรุ่น สไปเดอร์ ก็แทบไม่มีข้อแตกต่างกันเลย แม้ว่ารถรุ่นนี้ได้ยกเลิกการเปิดประทุน อย่างไรก็ดี รถกลับมีความหลากหลายอยู่ในตัว
นอกจากการจัดวางปุ่มไฟต่างๆ ที่ทรงเสน่ห์ภายในตัวรถแล้ว หลังคากระจกแบบ พาโนรามิค ก็โดดเด่นเช่นกัน แต่เป็นตัวเลือกที่จะต้องจ่ายเงินเพิ่ม กระจกมองหลังมีความสวยงามต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียวกัน ตัวถังอลูมิเนียมทั้งคันที่ทำให้ตัวรถเบามาก หากไปดูที่ข้อมูลแล้วจะเห็นนว่า เอฟ-ไทพ์ มีความสวยงามที่หาตัวจับยาก ส่วนกระโปรงหน้ายาว แต่ก็ไม่ได้มากไปจนน่าเกลียด และห้องโดยสารที่อยู่ค่อนไปทางข้างหลังสักหน่อย
มือจับประตูนั้นยื่นออกมาเล็กน้อย เราเปิดประตูแล้วขึ้นไปบนรถ ก้าวข้ามธรณีประตูพร้อมไถลตัวลงไปนั่งเบาะที่สูงจากพื้นน้อยกว่า 200 มม. ด้านข้างประตู ที่วางแขน และคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยหนัง และยังตกแต่งด้วยวัสดุไฮเทคอีกด้วย เช่น การตกแต่งคอนโซลด้วยอลูมิเนียม และคิ้วของแผงหน้าปัดรถทำด้วยวัสดุคาร์บอนเคฟลาร์ เมื่อนั่งลงตรงที่นั่งคนขับ เราได้ความรู้สึกว่าเป็นนักบิน พวงมาลัยรถเกือบตั้งตรง ขนาดใหญ่ไปหน่อย (แต่ก็มีแบบตัดตรงบริเวณด้านล่างเหมือนรถแข่งให้เลือกเช่นกัน) ที่เหยียบคันเร่งแบบสปอร์ท
เสียงคำรามของเครื่อง วี 6
ปุ่มสตาร์ทถือเป็นหัวใจของ แจกวาร์ รุ่นนี้ เมื่อรถพุ่งออกไป หัวใจของเราก็เต้นแรงทันที เสียงคำรามของเครื่อง วี 6 ณ ตอนออกสตาร์ท จัดเป็น ออร์เดิร์ฟ ชั้นเยี่ยม ใครจะรู้ว่าต่อมาถ้าเครื่องทำงานเต็มกำลังจะเป็นอย่างไร เอฟ-ไทพ์ จัดการตัวเองได้เป็นอย่างดี แม้ในพื้นที่แคบๆ ต้องขอบคุณเส้นผ่านศูนย์กลางของพวงมาลัย แม้การมองเห็นด้านข้างจะลำบากอยู่บ้าง บังคับให้เราปรับเบาะให้ตั้งขึ้นอีกหน่อย อีกประการหนึ่ง คือ เบาะนั่งแบบสปอร์ทที่ตกแต่งดูสวยงาม และหรูหรา พนักพิงศีรษะปรับแต่งได้หลายแบบ และรองรับได้อย่างดีเยี่ยม ที่นั่ง 2 ตำแหน่ง ทรงเพรียวบาง แต่ไม่บอบบางเกินไป ในความเป็นจริง เบาะนั่งก็ให้ความสบายเพียงพอ แต่ถ้ามีข้าวของมากกว่าเสื้อโคทหนึ่งตัว ก็ควรเอาไปเก็บในห้องเก็บสัมภาระจะดีกว่า
การขับขี่ เอฟ-ไทพ์ กับสีแดงสด (FIRESAND) คันนี้ สามารถดึงดูดใจผู้พบเห็นได้เสมอ การเลือกโหมดการขับขี่ทำได้รวดเร็วปานจรวด เมื่อออกนอกเมือง หากใช้โหมดดไรฟ ระบบจะเปลี่ยนเกียร์ให้ใช้รอบเครื่องยนต์สูง สำหรับเครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร (มาพร้อมกับคอมเพรสเซอร์) แม้ขณะอยู่ที่ 2,000-2,500 รตน.
เมื่อคิคดาวน์ เครื่องยนต์สามารถสนองได้ทันที แทบจะไม่มีปัญหาเลยทีเดียว ดังนั้นการขับขี่จากบ้านไปยังที่ทำงาน ดูเหมือนจะเป็นการขังสัตว์ป่าคะนองตัวนี้ไว้ในกรง ในการขับขี่แบบโหมด NORMAL ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ถนอมคนขับขี่มากนัก แม้ว่าจะไม่รุนแรงแต่เมื่อตอนขับขี่ไปเจอหลุมหรือพื้นไม่เรียบ เราสัมผัสได้ทันทีถึงแรงกระแทกผ่านหลังของเรา ระบบกันสะเทือนสามารถปรับแต่งได้ ทำงานได้ดีแต่การตอบสนองอาจแข็งกระด้างเกินไป นอกจากนี้ รถคันที่ใช้ทดสอบใช้ยางแก้มเตี้ยกับล้อแมกขนาด 20 นิ้ว (ล้อแมกที่ให้มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มีขนาด 19 นิ้ว เหมือนกับอยู่กันคนละโลกเลย ถ้าเปรียบเทียบกับรุ่น เอกซ์เค ที่ใกล้จะถูกปลดเกษียณแล้ว)
การขับขี่นอกเมือง แจกวาร์ สามารถปลดปล่อยอัตราเร่งได้อย่างต่อเนื่อง มีสมรรถนะน่าพอใจไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อลองเปลี่ยนไปที่โหมด ไดนามิค เครื่องยนต์ เกียร์อัตโนมัติ (ของ เซดเอฟ แบบ 8 จังหวะ) ระบบกันสะเทือน พวงมาลัย การตอบสนองความเร็วสูง ทุกอย่างทำงานอย่างสามัคคีกันได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบ ผ่านทางลูกเล่น I-DYNAMIC ผ่านจอระบบสัมผัส
เร่งจังหวะให้เร้าใจยิ่งขึ้น
เครื่องยนต์ วี 6 สูบ ให้สุ้มเสียงที่ฟังดูไพเราะมากขึ้น เป็นเสียงที่ทำให้ขนลุกเชียว คนที่ฟังภายนอกรถก็รู้สึกได้เช่นกัน สร้างบรรยากาศความเร้าใจที่ดีทีเดียว รถคูเปกับเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร มีมาตั้งแต่รุ่นแรก แต่การเปลี่ยนเกียร์เหมือนเกียร์ธรรมดาจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม
ปุ่มเลือกเปลี่ยนเกียร์ทางด้านซ้าย เป็นแบบเกียร์ธรรมดา เปลี่ยนได้โดยนิ้วมือปรับบนพวงมาลัยเข้าเกียร์ 2 3 4 เราก็เร่งเครื่องโดยไร้ซึ่งความหวาดหวั่นใดๆ พร้อมกับสปอยเลอร์หลังยกขึ้น (ตอนนี้ใช้ความเร็วมาถึง 120 กม./ชม. แล้ว) รอบเครื่องวิ่งเกิน 5,000 รตน. แล้ว เสียงเครื่องยนต์อันดุดันก็ดังทะลุเข้ามาในตัวรถ เมื่อรอบมาถึง 6,700 รตน. และถูกจำกัดไว้ตรงนี้ ถ้าเรายิ่งฝืนเหยียบคันเร่งด้วยเท้าขวา และเกียร์เปลี่ยนจังหวะสูงขึ้น จะยิ่งแย่ลง ผลก็คือ เหมือนเรากดคันเร่งซ้ำๆ อยู่บนเบาะนั่ง
แพดเดิล ชิฟท์ บนพวงมาลัยดูจะเล็กไปสักหน่อย (ยิ่งไปกว่านั้น ทำสีแปลกๆ คล้ายสีสนิมอีกต่างหาก) ดังนั้นเวลาเข้าโค้ง ต้องระวังเรื่องการหาปุ่มให้เจอ อีกสิ่งหนึ่งที่คู่มือบอกไว้คือ ให้เหยียบคันเร่งไปลึกๆ หรือการคิคดาวน์นั่นเอง ระบบความปลอดภัยไม่ค่อยลงตัวเท่าไร แต่ก็แสดงคุณภาพที่ดีมากขึ้น เท่าที่รถสปอร์ทคันหนึ่งพึงมี
แน่นอนที่สุด เราจะรู้สึกถึงข้อจำกัดที่มี เวลานำมาขับบนท้องถนนได้ เมื่อเราเริ่มทดสอบความคล่องตัวของรถคูเป เราพึงพอใจการตอบสนองที่รวดเร็ว และพวงมาลัยแบบไฮดรอลิคที่เรียบลื่น เป็นการขับขี่ที่รื่นรมย์จริงๆ ระบบควบคุมอีเลคทรอนิคส์มีให้พร้อม เป็นลักษณะพิเศษที่มีเสน่ห์ไม่เบา
เมื่อตอนออกจากโค้ง เราลองของด้วยการเหยียบคันเร่งเพิ่ม รถก็ตอบสนองมาในรูปแบบที่ว่าท้ายรถปัดออก และจำเป็นต้องแก้ไข ไม่ยากเย็นสำหรับผู้ที่เคยขับรถแบบนี้ ระบบอีเลคทรอนิคส์จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด ผู้ขับขี่ก็มักจะเลือกระบบควบคุมเป็นเหตุผลหลัก ที่จะเลือกรถรุ่นนี้ โดยในโหมด TRACDSC ให้ความเร้าใจเทียบเท่ารถแข่ง
ถึงเวลาเอาจริงแล้ว!
เราจะเข้าใจ เอฟ-ไทพ์ ก็ต่อเมื่อเราได้สัมผัสมันจริงๆ ในสนามแข่ง รถคูเปคันนี้เร่งเครื่องจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยระบบช่วยการออกตัว ภายในเวลา 4.7 วินาที เป็นเวลาที่ดีที่สุด ถ้าเทียบกับรุ่น เอฟ-ไทพ์ สไปเดอร์ ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า 7 กิโลกรัม เท่านั้น น้ำหนักรวมกว่า 1,800 กก. ดูจะหนักเกินไปสำหรับรถคูเป หากมองในแง่ที่ว่ารถคันนี้ใช้โครงสร้างตัวถังด้วยวัสดุอลูมิเนียมเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดี สมรรถนะก็ยังคงเร้าใจ น้ำหนักก็ยังเป็นสิ่งที่เรารู้สึกได้ในสนามแข่ง ขณะเปลี่ยนทิศทางหลายสถานการณ์ หรือในสถานการณ์คับขัน เอฟ-ไทพ์ มีความสมดุลเป็นอย่างดี ด้านความปลอดภัยก็วางใจได้ จากการอันเดอร์สเตียร์เบาๆ ในโค้งขนาดใหญ่ ทุกอย่างควบคุมได้อยู่มือ โดยสรุปแล้ว ประสิทธิภาพที่มีทำให้ไม่ต้องกังวลเลย แจกวาร์ มีเหตุผลของตัวเองว่าจะทำรถขนาดเท่าไร รถรุ่นนี้มีขนาดความยาว 2,620 มม. ในขณะที่ โพร์เช เคย์แมน มีความยาวที่ 2,480 มม. และ โพร์เช 911 มีความยาว 2,450 มม.
เร็วปานจรวดบนท้องถนน และยอดเยี่ยมที่สุดในสนามแข่ง เครื่องยนต์ วี 6 ได้สร้างความประทับใจอย่างมากในสนาม VAIRANO ไม่ว่าจะเรื่องเบรค พละกำลัง และความแข็งแรง เกียร์ การผสมกลมกลืนที่น่าสนใจของความเป็นรถสปอร์ท ซึ่งเร็วและแรง โดยไม่ได้ร้องขอ แม้น้ำหนักตัวจะมากไปหน่อย
อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ในการใช้บนท้องถนนอยู่ที่ 9 กม./ลิตร ในเรื่องนี้ เอฟ-ไทพ์ ไม่สร้างความประทับใจเท่าไร
รายละเอียดทางเทคนิค
โครงสร้างจากวัสดุอลูมิเนียม
โครงรถขึ้นรูป และเชื่อมด้วยกาว เสริมด้วยหมุดตอก การันตีทนทานได้เป็นอย่างดี
ความพิเศษของ เอฟ-ไทพ์ อยู่ที่โครงสร้างตัวถัง ซึ่งเป็นโลหะมวลเบา แจกวาร์ เป็นหนึ่งในบรรดาบริษัทที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการนำอลูมิเนียมมาใช้ และผลที่ได้คือ ทำให้ได้ตัวรถที่แข็งแรง (มีความแข็งเท่ากับ 3,306 กก.-ม./ตารางนิ้ว สูงที่สุดเท่าที่ค่ายรถแห่งนี้เคยผลิตมา) แม้ว่าจะขาดในเรื่องการวางเครื่องตรงกลาง
โครงรถไม่ได้ใช้การเชื่อมต่อด้วยความร้อน แต่ถูกติดด้วยกาว และยึดด้วยหมุดแทน แข็งแรงเนื่องจากประกอบด้วยอลูมิเนียมที่ขึ้นรูป ซึ่งทำให้มีความทนทานสูง ส่วนด้านข้างของรถเป็นอลูมิเนียมชิ้นเดียวขึ้นรูป
เครื่องยนต์ วี 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร เป็นโลหะมวลเบา พร้อมด้วยระบบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง และเสริมด้วยระบบแปรผันปริมาณการจ่ายน้ำมัน เครื่องยนต์พัฒนามาจากเครื่อง วี 8 สูบ ขนาด 5.0 ลิตร ซึ่งมีการวางมุมแบบผิดปกติที่ 90 องศา ในแต่ละแถว ลดแรงสั่นสะเทือนด้วยเพลาข้อเหวี่ยงแบบปรับสมดุล
เบรคที่มากับรุ่นที่นำมาทดสอบ ด้านหน้าแบบจาน ขนาด 380 มม. และหลังขนาด 325 มม. สามารถจ่ายเงินเพิ่มเพื่อเปลี่ยนเป็นเบรคแบบ คาร์บอนเซรามิคได้
คุณภาพ
ดีทั้งภายในและภายนอก
การประกอบรถไม่มีที่ติ มีข้อติเล็กน้อยจาก ส่วนอื่นๆ ยังคงน่าชื่นชม
ถ้าใครจำรถ แจกวาร์ ในยุคปี 1960 ได้ นั่นคือ ความหรูหรา แต่ไม่สมบูรณ์แบบ เมื่อหันมาดู เอฟ-ไทพ์ ก็อาจมีข้อสงสัยไปที่ต้นกำเนิดได้ การประกอบและการตกแต่งเป็นสไตล์เยอรมัน มีรายละเอียดเล็กน้อยที่จะทำให้สมบูรณ์ ถือว่าส่วนใหญ่ทำได้ดี โครงสร้างอลูมิเนียม ประตูใหญ่ด้านหลัง มีลูกเล่นเล็กน้อยตรงบังโคลน และกระโปรงรถออกแบบได้สวยงาม ภายในห้องโดยสารเป็นหนังทั้งเบาะที่นั่ง และแผงคอนโซล ส่วนช่องลมด้านบนระบายอากาศนั้นหายไป การปิดบังช่องเหล่านี้ทำได้ไม่ดีนัก แต่ก็ไม่มีรอยต่อให้เห็นเลย ความรู้สึกถึงคุณภาพได้ถูกตอกย้ำจากอุปกรณ์พิเศษบางอย่างที่จัดมาได้ดี เช่น จอแสดงภาพแบบดิจิทอลในตัว รวมถึงปุ่มควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศ
ความรู้สึกถึงคุณภาพ
ที่นั่งคนขับ สวยน่าดึงดูดสายตา ที่นั่งราบไปกับพื้น วางขาได้ยาว พวงมาลัยตั้งตรง (ใหญ่ไปสักนิด) ใช้งานง่าย ปรับเปลี่ยนได้หลายแบบ ด้วยระบบไฟฟ้า
ปุ่มควบคุมและอุปกรณ์ มีทุกสิ่งที่จำเป็น ใช้งานง่ายดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งปุ่มไดนามิคและปุ่มควบคุมที่นั่งคนขับ อุปกรณ์การมองภาพมีจอแสดงผลขนาดใหญ่ 5 นิ้ว แบบ TFT
เครื่องเสียงและระบบนำทาง นอกเหนือไปจากเครื่องเสียงที่มากับตัวรถแล้ว เรายังสามารถรับฟังเพลงที่มีเสียงคุณภาพดีได้จากอุปกรณ์เสริมที่ติดตั้งเพิ่มเติมได้ จอภาพขนาดเหมาะสม ระบบทัชสกรีนเข้าใจง่าย
ระบบควบคุมอุณหภูมิ ระบบแยกส่วนแบบ 2 โซน เป็นทางเลือกที่จ่ายเพิ่มได้ แต่ก็คุ้มค่ากับประสิทธิภาพ ระบบควบคุมมีคุณภาพและใช้งานง่าย ส่วนที่เก๋ไก๋ คือ ช่องระบายอากาศตรงกลางที่หายไป
ทัศนวิสัย สำหรับคนที่ตัวไม่สูง มีกระจกมองหลังเพื่อดูการเดินรถ แต่ก็ไม่ง่ายที่จะใช้ในกรณีที่มีสิ่งกีดขวางเตี้ยๆ ในการใช้งานก็อดใช้กล้องหลังไม่ได้
ความประณีต เปลี่ยนสไตล์ให้มีความสมัยใหม่ และความเป็นรถสปอร์ทมากๆ อุปกรณ์ต่างๆ มีความทันสมัย การสร้างและการประกอบรถ มีคุณภาพอยู่ในระดับสูง
อุปกรณ์เสริม อุปกรณ์เสริมคุณภาพดี แต่ไม่ได้เลิศเลอนัก ยากที่จะเลือกจากลิสต์ของอุปกรณ์เสริมที่น่าตื่นเต้น ในรถตัวอย่างของเรา ยังต้องจ่ายเพิ่มอีก 27,000 ยูโร (ประมาณ 1,215,000 บาท) เลยทีเดียว
อุปกรณ์ด้านความปลอดภัย ถุงลมนิรภัย 6 จุด ไฟซีนอน มาตรวัดแสดงแรงดันยาง คันเร่งตอบสนองดี แต่ไม่มีระบบช่วยขับขี่มากนัก
การใช้งาน เบาะนั่งแบบ 2 ที่นั่ง ไม่แคบจนอึดอัด แต่ก็ไม่มีที่เหลือเลย ด้านหลังของเบาะอย่างมากที่สุดก็วางเสื้อแจคเกทได้ 1 ตัว
พื้นที่เก็บสัมภาระ เปรียบเทียบกับพื้นที่เก็บสัมภาระในรุ่น สไปเดอร์ แล้วแทบจะเป็นคนละเรื่อง อันเป็นผลดีจากประตูหลังขนาดใหญ่ ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้งานได้เป็นอย่างดี สามารถเก็บกระเป๋าขนาดกลางได้ 2 ใบ เลยทีเดียว และ
สัมภาระอื่นๆ ได้อีกนิดหน่อย
ความสะดวกสบาย แจกวาร์ คันนี้ มีความแข็งกระด้าง โดยเฉพาะเมื่อวิ่งบนทางขรุขระ แต่ในโหมดปกติ ก็ไม่ได้น่ารำคาญอะไร เสียงท่อไอเสียเร้าใจพอประมาณ
เครื่องยนต์ เครื่องยนต์ วี 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร เพิ่มระบบอัดอากาศแบบคอมเพรสเซอร์ ตอบสนองที่รอบต่ำ เมื่อมาถึงที่ 5,000 รตน. ก็จะตอบสนองได้ดีขึ้น กรงเล็บเสือจะสำแดงเดชที่ 6,700 รตน. โหมดไดนามิคเครื่องยนต์ส่งเสียงคำรามได้สะท้านอารมณ์
อัตราเร่ง ต้องขอบคุณระบบช่วยการออกตัว เอฟ-ไทพ์ เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 4.7 วินาที นับว่าดุดันในแบบฉบับรถสปอร์ทพันธุ์แท้
การเปลี่ยนจังหวะเกียร์ ไม่มีปัญหาอะไร ทุกจังหวะได้รับการปรับแต่งอย่างลงตัว แรงบิด 46.9 กก.-ม. และระบบเกียร์อัตโนมัติที่ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี นับเป็นความก้าวหน้าที่ทำได้ดีตามยุคสมัย
ระบบส่งกำลัง ค่อยเป็นค่อยไปในช่วงการจราจรติดขัด และฉับไวเมื่อใช้ แพดเดิล ชิฟท์ น่าเสียดายที่ในระบบเกียร์ธรรมดายังคงต้องใช้คิคดาวน์ ในเกียร์ 5 เพื่อเรียกอัตราเร่งให้ทันใจ
พวงมาลัย สวนทางกับตลาดที่ แจกวาร์ นำระบบไฮดรอลิคที่เพียบพร้อมและก้าวหน้ามาใช้ ให้การตอบสนองที่ดีมาก แต่ยังมีความแม่นยำในมุมแคบไม่ดีเท่าใดนัก
ระบบเบรค การติดตั้งส่วนใหญ่มีการออกแบบและการปรับแต่งที่ดี ยังคงทำงานได้ดีที่อุณหภูมิสูง นับเป็นระบบเบรคที่มีคุณภาพสูงไม่เปลี่ยนแปลง
การใช้งานบนท้องถนน เมื่อลองทดสอบก็พบกับศักยภาพในเส้นทางที่หลากหลาย และยกระดับสูงขึ้น เมื่อรถแสดงความดุดัน แต่ก็ไม่ลืมเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่
อัตราสิ้นเปลือง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ 9 กม./ลิตร ในขณะที่การขับขี่ในเมืองใกล้เคียงกันที่ 8 กม./ลิตร ถังน้ำมันมีความจุที่ 70 ลิตร แต่ก็ใช้ขับขี่ได้ระยะทางไกลอยู่
ราคา รุ่น เอส ราคาเริ่มต้นที่ 81,900 ยูโร (ประมาณ 3,685,500 บาท ไม่รวมภาษี) แต่ในรถที่เรานำมาทดสอบมีมูลค่าถึง 109,000 ยูโร (ประมาณ 4,905,000 บาท ไม่รวมภาษี) ถือเป็นราคาที่แพงเอาเรื่อง
การรับประกัน ระยะเวลาประกัน 3 ปี (หรือตามระยะที่กำหนด) ทั้งตัวรถและสีรถ ในกรณีรถคู่แข่งส่วนใหญ่ก็ให้ข้อเสนอที่น้อยกว่า
แจกวาร์ เอฟ-ไทพ์ คูเป
เสน่ห์ของ แจกวาร์ ไม่ได้เลือนหายไป แม้ว่าประตูจะมีขนาดใหญ่มาก กลับเพิ่มความหลากหลายให้รถด้วยซ้ำ รถสปอร์ทน้องเล็กรุ่นนี้ ยังมีความอ่อนหวาน ซึ่งหลายๆ คนละเลยจุดนี้ไป ในสนามแข่ง มีความแข็งแกร่งแม้จะไม่ที่สุดก็ตาม
ข้อมูลจำเพาะ
รุ่น เอส 3.0
ราคา 81,690 ยูโร (ประมาณ 3,676,050 บาท ไม่รวมภาษี)
ภาษี 2,854.60 ยูโร (ประมาณ 128,457 บาท)
เครื่องยนต์ เบนซิน ขนาด 2,995 ซีซี
กำลังสูงสุด 380 แรงม้า
คู่แข่ง โพร์เช เคย์แมน และ โพร์เช 911
อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
ที่ได้จากการทดสอบ 11 กม./ลิตร
การใช้จริง 9 กม./ลิตร
ทนทาน : ขณะแล่นอยู่บนท้องถนน เอฟ-ไทพ์ คูเป เล่นอยู่บนสนาม VAIRANO แม้ว่าความสปอร์ทจะไม่ถึงกับสุดยอด แต่ยังอยู่ในระดับที่เร้าใจพอตัว อีกทั้งยังมีการควบคุมที่เชื่องมือ
ในขอบเขตของ เอฟ-ไทพ์ คูเป ในรุ่น เอส ที่นำมาทดสอบ ถือเป็นทางเลือกระดับกลาง ไม่ได้เป็นตัวทอพ ทั้งในเรื่องราคาและสมรรถนะ ในรุ่นเริ่มต้น เราสามารถพบรถกำลัง 340 แรงม้า ที่เสนอราคาต่ำกว่า 70,00 ยูโร (ประมาณ 3,150,000 บาท ไม่รวมภาษี) แต่ถ้าเราไปดูรุ่นทอพแล้ว รุ่น อาร์ 5.0 เครื่อง วี 8 สูบ ที่เราเคยได้พูดคุยกันแล้ว ในฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2557 เป็นรถที่มีกลุ่มเป้าหมายอีกกลุ่มหนึ่ง เสน่ห์ของ เอฟ-ไทพ์ 3.0 ซึ่งมีราคา 70,000-80,000 ยูโร (ประมาณ 3,150,000-3,600,000 บาท ไม่รวมภาษี) นี่ยังไม่รวมค่าตกแต่งตามความชอบส่วนบุคคล ในเรื่องรถคู่แข่งแล้ว คงจะไม่มีคู่แข่งโดยตรง แต่เราก็คิดถึง โพร์เช เคย์แมน และ โพร์เช 911 ทันที ทั้ง 2 รุ่นเป็นรถที่อยู่ในระดับต่ำกว่า และสูงกว่า เอฟ-ไทพ์ คันนี้ รุ่นพื้นฐานมีราคาขายเท่ากับ โพร์เช เคย์แมน รุ่นสปอร์ท (กำลังสูงสุด 325 แรงม้า) ราคา 69,379 ยูโร (ประมาณ 3,122,055 บาท ไม่รวมภาษี) ในขณะที่ โพร์เช 911 3.4 คาร์เรรา คูเป กำลัง 550 แรงม้า ราคาเริ่มต้นที่ 96,234 ยูโร (ประมาณ 4,330,530 บาท ไม่รวมภาษี)
การปรับเปลี่ยนมุมมอง
ตำแหน่งข้างๆ ประตู มีปุ่มปรับระบบต่างๆ ที่ดูสวยงาม (มีความจำสัมพันธ์กัน) กับเบาะนั่งที่สะดวกในการปรับตำแหน่ง ทางด้านขวาเป็นจอภาพที่สามารถสร้างโหมดส่วนตัวได้ ช่องระบายอากาศตรงกลางจะเปิดออกมาต่อเมื่อต้องการให้อากาศไหลเข้าสู่ห้องโดยสารโดยตรง
ที่นั่งคนขับ (วัดด้วยหน่วย มม.)
เป็นแบบยืดออกได้ครึ่งเดียว ซึ่งมีลักษณะของสไตล์เก่า แต่ก็มีพื้นที่เพียงพอและปรับระดับได้อย่างดีที่สุด เพื่อมุมมองในการใช้งานรถ สำหรับคนที่ไม่สูง ก็จะต้องปรับเบาะตั้งตรงขึ้นหน่อย สะดวกในการยืดขาแต่ไม่มีแผ่นวางเท้า
เบาะโดยสาร
1. เป็นเบาะที่นั่ง 2 ที่ แต่ก็มีพื้นที่มากพอ ถูกแบ่งด้วยคอนโซลกลาง ในรถที่ใช้ทดลองขับมีหลังคากระจกแบบพาโรนามิค (พร้อมผ้าม่านปรับด้วยมือ) ซึ่งปกป้องศีรษะเรา เบาะกว้างพอ แต่ส่วนหนึ่งจะแคบไปหน่อย ตรงกลางมีหลุมว่างๆ 1 หลุม
2. ทัศนวิสัย มีปัญหาบางอย่างในเรื่องการเดินรถ เนื่องจากกระจกมองหลังด้านนอก กล้องมองหลังและเซนเซอร์ มีความจำเป็นสำหรับรถขนาดเล็กเช่นนี้
3. จุดเด่นที่น่าชื่นชม
ด้านข้าง : โหมดไดนามิค พบได้ด้านข้างๆ ของปุ่มเลือก
ทางซ้าย : ปุ่มสตาร์ท, ท่อไอเสีย สปอยเลอร์หลังและปุ่มหยุด
ใต้ : แพดเดิล ชิฟท์ ขนาดเล็กไปหน่อย
รายการราคาต่างๆ
- ราคารถที่ใช้ทดสอบ 81,690 ยูโร (ประมาณ 3,676,050 บาท ไม่รวมภาษี)
- แอร์ด้านหน้า, ข้างและผ้าม่าน 108,963 ยูโร
- สีดำ (ภายนอก) 766 ยูโร
- เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมแพดเดิล ชืฟท์
- ล้อแมก 20 นิ้ว 2,339 ยูโร
- ระบบปรับอากาศ 1,422 ยูโร
- ระบบอำนวยความสะดวก 1,180 ยูโร
- ไฟอัจฉริยะ 333 ยูโร
- เบรคสมรรถนะเป็นเลิศ หมุดดำ 1,270 ยูโร
- เครื่องเสียง MERIDIAM 770 w. 2,964 ยูโร
- คันเร่งเป็นเหล็กเงา 232 ยูโร
- ภายในบุหนังชั้นดี 1,583 ยูโร
- วิทยุระบบดิจิทอล DAB 444 ยูโร
- ระบบควบคุมการจราจร 776 ยูโร
- ท่อไอเสียแบบสปอร์ท
- ที่นั่งแบบบันทึกความจำ 1,744 ยูโร
- เบาะหนัง 3,075 ยูโร
- ระบบป้องกันแรงสะเทือนแบบสปอร์ทปรับแต่งได้
- แพคเกจเทคโนโลยี 3,378 ยูโร
- หลังคากระจกแบบพาโนรามิค 1,170 ยูโร
- สีภายนอกพิเศษแบบเมทัลลิค 2,218 ยูโร
- แพคเกจทัศนวิสัย 2,157 ยูโร
หมายเหตุ ตัวหนังสือสีแดงเป็นอุปกรณ์ที่พบในรถที่ใช้ทดสอบ
1) กระจก ที่นั่ง และพวงมาลัยแบบปรับอุณหภูมิได้ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบหน้า-หลัง
2) กุญแจอัจฉริยะ ประตูหลังแบบเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า
3) ภายในหุ้มหนังชั้นดี อุปกรณ์บนแผงทำมาจากคาร์บอนเคฟลาร์
4) แบบเปลี่ยนได้ราคา 242 ยูโร
5) มีวิทยุ เครื่องเล่น CD/DVD พร้อมฮาร์ดดิสค์ เนวิเกเตอร์ บลูทูธ ครูสคอนทโรล
6) ไฟปรับได้เป็นซีนอน ไฟกลางวันแบบ แอลอีดี เซนเซอร์หน้า/หลัง กล้องมองหลัง และเซนเซอร์วัดระดับน้ำฝน
การขับขี่ขณะมีผู้โดยสาร 2 คน
ห้องโดยสารเหมาะสมสำหรับ 2 คน ยิ่งไปกว่านั้น ใช้งานง่าย ต้องขอบคุณประตูหลังขนาดใหญ่แบบอีเลคทรอนิค สามารถสั่งเพิ่มได้ และมีพื้นที่เพิ่มอีกเล็กน้อยใต้ประตู
เครื่องยนต์พละกำลังแรงแต่ควบคุมง่าย
มีพัฒนาการด้านความเร็ว
ในสนามแข่ง บุคลิกของ เอฟ-ไทพ์ เป็นอะไรที่ใหม่หมดจด ไม่เคบพบมาก่อน การวางเครื่องยนต์ และรูปแบบรถได้มาจากการวิจัยที่เน้นสร้างความรวดเร็ว และไต่ถึงความเร็วสูงสุดอย่างง่ายดาย รถรุ่น เอส 3.0 ออกตัวได้อย่างฉับไว และสามารถเร่งความเร็วได้อย่างต่อเนื่อง
ข้อดี
พละกำลัง ระดับพละกำลังในการขับขี่ดี สามารถรู้สึกได้เมื่อตอนขับขี่ และรถคันนี้สามารถกระตุ้น อะดรีนาลีน ให้ผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี
สัมภาระ ต่างจากรถรุ่นเปิดประทุนสไปเดอร์ เอฟ-ไทพ์ มีห้องเก็บสัมภาระหลังเพียงพอและใช้งานง่าย
ข้อเสีย
ทัศนวิสัย การขับขี่โดยใช้กระจกมองหลังไม่ค่อยดี ในทางปฏิบัติ อย่าเชื่อใจกล้องมองหลัง และเซนเซอร์จอดรถมากนัก
ราคา อุปกรณ์เสริมที่ให้มาแข่งขันกับรถคู่แข่งได้ แต่การเพิ่มอุปกรณ์เสริมหลายรายการ อาจทำให้ราคารถเพิ่มสูงขึ้นมาก
ฟันธง
เอฟ-ไทพ์ ประกอบด้วยอุปกรณ์ที่แตกต่างไปจากรุ่นเก่าๆ ของ แจกวาร์ มีสไตล์ที่สมบูรณ์แบบ ภายในสมัยใหม่ และมีฟังค์ชันการใช้งานต่างๆ ที่หลากหลาย มีความเป็นรถสปอร์ทโดยแท้จริง ราคาเหมาะสม และน่าสนใจ มีระบบเฟืองท้าย และการติดตั้งอุปกรณ์เสริม ให้คุณลักษณะการขับขี่ที่เร้าใจ ดึงดูดความสนใจจากลูกค้าที่เป็นวัยรุ่น แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกค้าที่ยังชื่นชอบรุ่น เอกซ์เค เป็นตลาดกลุ่มเล็กที่อาจจะชื่นชอบ โพร์เช เคย์แมน และ โพร์เช 911 โดยรวมแล้วมีบุคลิกที่สู้กับรถคูเปจากเยอรมนี น่าเสียดายที่ในเรื่องของราคาที่สูงเอาเรื่อง แม้ในรุ่นเริ่มต้น
อุปกรณ์สำหรับการบำรุงรักษา
1. ฝากระโปรงหน้าต่อมายังประตู และบังโคลน ออกแบบได้สวยงาม
2. ช่องระบายอากาศหลบอยู่อย่างสมบูรณ์ และเนียนไปกับคอนโซล
3. กล้องมองหลังสำหรับเวลาถอยหลังซ่อนอยู่ตรงกลางกันชน
4. ปุ่มต่างๆ ทำได้ดี ใช้งานน่าสนุก อันเป็นผลดีจากปุ่มใช้งานที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี
การทดสอบแบบไดนามิค
เอาคะแนนเต็มไปเลย สำหรับโครงรถที่ยอดเยี่ยมและการทำงานของระบบเพลารถที่ดีเยี่ยม สิ่งที่เพิ่มไปในโหมด ESP คือการปรับแต่งที่ดี จะนำมาใช้เท่าที่จำเป็น ให้ตรงวัตถุประสงค์ โดยไม่ขัดขวางการขับขี่ ในการทดสอบ เอฟ-ไทพ์ คูเป มีระบบช่วยเหลือที่ดี เมื่อเกิดอาการอันเดอร์สเตียร์ เมื่อรถเข้าโค้งด้วยความเร็ว การเปลี่ยนเลนตอนถนนเปียก มีการอันเดอร์สเตียร์ในเกียร์ 1 และเกียร์ 2 การเปลี่ยนเกียร์เรียบง่าย พวงมาลัยหนักไปสักหน่อย ในโหมด ESP การอันเดอร์สเตียร์ ดูน่าเบื่อไปสักนิด ในการทดสอบความมั่นคงในทางตรง เปลี่ยนทิศทางได้รวดเร็วและปลอดภัย ทุกอย่างทำได้ดี อย่างการปล่อยตัวที่มีข้อเสียบางอย่างที่เฟืองท้าย ในการทดสอบความมั่นคงในทางโค้ง สังเกตถึงการเปลี่ยนเกียร์อย่างรวดเร็ว มีการอันเดอร์สเตียร์แบบค่อยเป็นค่อยไป แต่มั่นคง ทำได้ง่าย ไม่มีปัญหาเรื่องการออกตัว
ความสบายเรื่องเสียง
เสียงเงียบ แต่เมื่อขับไปประมาณหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อเครื่องยนต์กำลังสูบฉีดเต็มกำลัง เอฟ-ไทพ์ขับขี่ได้ในระยะกลางๆ ที่เกียร์ D เครื่องยนต์จะมีรอบต่ำ มีเสียงหวีดเล็กน้อยบริเวณหน้าต่าง มากไปกว่านั้นเสียงมอเตอร์หมุนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ได้พูดเกินไปแน่นอน ว่ารถขับออกไปพร้อมควันออกจากท่อไอเสียที่มาพร้อมจังหวะ และให้เสียงที่เป็นอิสระจากท่อไอเสีย มาถึงจุดหนึ่งเราก็ปล่อยตัวเองให้ฟังและชื่นชมกับเสียงเครื่อง วี 6 สูบ ก็พอ
ระบบรองรับที่ให้ความสบายเกินคาด
ไม่ต้องสงสัยเรื่องการเลือกใช้ยาง ที่ทำให้รถยนต์มีความกระด้าง ส่งผ่านมาถึงเบาะที่นั่งโดยตรงมาที่ตัวคนขับ ทำให้เรารู้สึกได้มากเลย แต่ก็ไม่ได้ทำให้รำคาญแต่อย่างใด เมื่อเราเปลี่ยนโหมดไปที่ ไดนามิค ความรู้สึกดังกล่าวก็ชัดเจนขึ้น
เรื่องโดย : ภูเขม หน่อสวรรค์ poukhem@imc.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2557
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/33979